คลื่น “สึนามิสีส้ม” ถล่มระเนระนาดเป็นหน้ากลอง กรุงเทพฯ 33 เขต เหลือจุดแดงให้พรรคเพื่อไทยเขตเดียว นอกนั้นค่ายก้าวไกลเหมาหมด 32 เขตสั่นสะเทือนไปถึงปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด กวาดเรียบ “บ้านใหญ่” ปากน้ำ สมุทรปราการ ตระกูล “อัศวเหม” ไม่เหลือทำพันธุ์ เมืองชลบุรีเทกระจาดหมด ทั้งบ้านใหญ่ตระกูล “คุณปลื้ม” และบ้านใหม่ของ “สุชาติ ชมกลิ่น” เมืองโคราช ฐานที่มั่นสุดท้ายของ “สุวัจน์ ลิปตพัลลภ” โดนกวาดเรียบtt ttเชียงใหม่ ด่านปราการของตระกูล “ชินวัตร” ยังโดนคลื่นซัดหายเกือบหมดเหนือ อีสาน ใต้ กลาง ตะวันออก เขตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมืองมหาวิทยาลัย ขอนแก่น เชียงราย สงขลา ภูเก็ต นครปฐม พิษณุโลก พลังเด็กรุ่นใหม่กรีธาทัพยึดได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทยปรากฏการณ์ “สึนามิสีส้ม” แรงทะลุพลัง “แลนด์สไลด์”สะท้อนอารมณ์ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ต้องการใช้ “พลังเด็กรุ่นใหม่” กวาดท่อน้ำทิ้ง ทั้งขุมอำนาจทหารเฒ่า และนักการเมืองน้ำเน่ารุ่นโบราณส่งพรรคก้าวไกลภายใต้การนำของ “หนุ่มทิม” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ปาดหน้า แซงค่ายเพื่อไทย ขึ้นแท่นอันดับหนึ่ง ทิ้งขาดแต้มปาร์ตี้ลิสต์ยึดสิทธิในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลโดยชอบธรรมตามฟอร์มแบบที่ “หนุ่มทิม” ประกาศชัยชนะหลังรู้ผลเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ลั่นการเปลี่ยนแปลงมาถึงประเทศไทยแล้ว โชว์สูตรรัฐบาลในฝันพร้อมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทยลุยทำเอ็มโอยู ร่างสัญญาจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาล ล็อกบันทึกแนบท้าย “ตอกฝาโลงลุง 2 ป.” ต้องไม่มีทั้ง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม หัวขบวนค่ายรวมไทยสร้างชาติ และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมสังฆกรรมtt ttย้ำเสียงดังฟังชัดไม่ต้อง “ลดเพดานบิน” อุดมการณ์พรรคที่แรงทะลุฟ้าพลังเด็กรุ่นใหม่ อหังการ ฮึกเหิมเต็มที่ ในฐานะผู้กำชัยชนะในสนามเลือกตั้ง ถือฉันทามติของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศตามกติกาประชาธิปไตยสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ในเมืองไทย มีโอกาสเป็นไปได้ทั้งในเชิงทฤษฎีและปฏิบัติการลุยรื้อรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ล่วงล้ำแดนอันตราย การยกเลิกเกณฑ์ทหาร ล่วงล้ำเขตทหารห้ามเข้า นโยบายหั่นงบประมาณสถาบัน หั่นเงินจัดซื้ออาวุธของกองทัพ“เด็กได้ใบขับขี่” ขับรถบัสบรรทุกผู้โดยสาร ตั้งท่าเหยียบ 140 ดับไฟหน้าลุยแหลกก้าวไกลคึกสุดกำลัง แต่ที่ “สตั๊น” ก็คือพรรคเพื่อไทย ลูกทีม “นายห้างดูไบ” ที่พลาดเป้า “แลนด์สไลด์” แถมหล่นจากบัลลังก์แชมป์ไปอยู่ลำดับ 2 โดนเจาะฐานเสียงกระจุยกระจาย“นายใหญ่” เสียหายหลายเด้ง โดนกินหลายต่อจาก “ผู้เลือก” กลายเป็น “ผู้ถูกเลือก” ตามเงื่อนไขสถานการณ์เบื้องต้น โดนกระแสกองเชียร์ “บีบ” ให้ร่วมขึ้นรถ “ทัวร์หายนะ” แท็กทีมกับพรรคก้าวไกล พรรคอันดับหนึ่งอันดับสอง จับขั้วรัฐบาลฝ่ายค้านเดิมไฟต์บังคับฝ่ายโหนประชาธิปไตย ตีกรรเชียงหนีไม่ออกติดล็อก ไปทางขวาก็ตัน หันทางซ้ายก็อันตรายแต่อย่างไรก็ตาม ด้วยจำนวนเสียงที่ก้ำกึ่ง พรรคก้าวไกลอยู่ที่ 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทย 141 เก้าอี้ รวมกัน 290 กว่าคน เกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแต่ยังไม่ครบ 376 เสียง ในการโหวตนายกรัฐมนตรีในที่ประชุมร่วมรัฐสภาtt ttมีตัวเลข “250 ส.ว.ลากตั้ง” เป็นโจทย์บังคับ ทำให้สมการพรรคร่วมรัฐบาลยังแก้ยาก ย้ายข้างไม่ลงตัวง่ายๆ ในสภาพ “ล็อกตาย” อย่างที่พรรคก้าวไกลตัดบทไม่เอาลุง 2 ป. เช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทยที่ตั้งท่ารังเกียจ “บิ๊กตู่” รังงอน “บิ๊กป้อม” ขณะที่ตัวแปรอย่างค่ายภูมิใจไทย ก็ขึ้นป้าย “อันตราย”ประเภท “สายล่อฟ้า” ต้องดูทิศทางลมฝนพายุให้ดีๆประเมินตามเงื่อนไขสถานการณ์ติดล็อกหลายชั้น แก้สมการ “รัฐบาลส้มจี๊ด” ไม่ง่ายช็อตแรกแค่ลุ้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไล่จับโกงเป็นร้อยๆสำนวน กว่าจะประกาศรับรองผล ส.ส.ให้ครบร้อยละ 95 เพื่อเปิดประชุมสภา เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรขั้นตอนนี้ ทีมเด็กมีหวังเจอเกมเขี้ยวของพวกเก๋าเกมยื้อเหนื่อยตามฟอร์มลากเกมออกไปเรื่อยๆ ให้พรรคอันดับหนึ่งหมดแรงฟอร์มรัฐบาล เปิดทางคนอื่นจัดแข่ง โอกาสเป็นของพรรคอันดับสอง อันดับสาม ใครรวมเสียง ส.ส.และ ส.ว.ได้ครบก่อนก็เข้าป้ายไปโดยรูปเกมเดิมพัน เส้นทางยังอีกยาวไกล กว่าจะจัดสมการได้.ทีมข่าวการเมือง”