
อดีตทหารผู้สูญเสียขาทั้งสองข้างจากเหตุระเบิดในอัฟกานิสถาน สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ฮารี บูธา มาการ์ อดีตสิบโทในกองพลน้อยกูรข่า ของกองทัพอังกฤษ เดินทางไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยข่าวดังกล่าวได้รับการประกาศในบัญชีอินสตาแกรมของมาการ์ ในอีกสองวันต่อมาโพสต์ระบุว่า “สิบสามปีหลังจากสูญเสียขาในอัฟกานิสถาน ฮารีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความทุพพลภาพไม่ใช่อุปสรรคในการขึ้นสู่ยอดเขาที่ความสูง 8,849 เมตร” มาการ์เกิดในปี 1979 ในหมู่บ้านห่างไกลในเนปาล เขาเข้าร่วมกองทัพอังกฤษเมื่ออายุ 19 ปี และใช้เวลา 15 ปีในกองพลน้อยกูรข่า ซึ่งเป็นกองพลน้อยของทหารเนปาลที่ปฏิบัติหน้าที่ในกองทัพอังกฤษมากว่า 200 ปีเขาปฏิบัติหน้าที่ในห้าทวีปในตำแหน่งต่างๆ รวมถึงพลแม่นปืน หน่วยสอดแนม และหน่วยแพทย์ประจำทีม จากนั้นในปี 2553 ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดขึ้นในขณะที่เขาออกลาดตระเวนในอัฟกานิสถาน เขาได้รับการช่วยเหลือจากทหารอเมริกันและเข้ารับการผ่าตัดสองครั้งก่อนที่จะถูกส่งตัวไปอังกฤษเพื่อรับการรักษาต่อไป สี่ปีต่อมาขณะอายุ 35 ปี เขาถูกปลดประจำการเว็บไซต์ของเขาระบุว่า หลังจากต้องเผชิญวันที่มืดมนในขณะที่เขาพยายามปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ มาการ์ซึ่งในขณะนี้อาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักรบอกว่า “ภารกิจของเขาคือการสร้างแรงบันดาลใจและเปลี่ยนการรับรู้เกี่ยวกับความพิการทั่วโลก”เขาปีนขึ้นไปบนยอดเขามงบล็องก์ คิลิมันจาโร และยอดเขาเมรา ที่สูง 6,476 เมตร ในเนปาล รวมทั้งทำภารกิจท้าทายอื่นๆ อีกหลายอย่าง เช่น พายเรือคายัค ดิ่งพสุธา ร่มร่อน และบันจี้จัมพ์ มาการ์เดินทางกลับเนปาลเพื่อปีนเขาเพื่อการกุศล โดยได้รับการสนับสนุนจากทีมนักปีนเขาชาวเนปาลในการให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษ เขากล่าวว่า “เสื้อแจ็กเกตของผมเย็นจนแข็งไปหมด แม้แต่น้ำอุ่นของเราที่ใส่ลงในกระติกน้ำร้อน ก็กลายเป็นน้ำแข็งและเราไม่สามารถดื่มได้” เขาพูดต่อว่า “ตอนที่ผมปีนลงมา ออกซิเจนหมด มีคนนำออกซิเจนขึ้นมา เขาล้มจนก้นกระแทก เรามีออกซิเจนเหลือใช้ได้ 30-40 นาที แต่เรามีเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงในการลง”เพื่อไปให้ถึงยอดเขา ซึ่งเป็นการทดสอบความอดทนอย่างจริงจังสำหรับนักปีนเขาทุกคน มาการ์ต้องอาศัยขาเทียมที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ หรือ “ขาแมงมุม” ตามที่เขาเรียก เขาบอกว่า “ตอนที่ผมปีนเขา ผมใช้ขาอีกข้าง และเราได้ใส่ถุงเท้าทำความร้อนเพื่อให้มันอุ่นขึ้น เพื่อที่ผมจะได้ไม่สูญเสียแขนขาไปมากกว่านี้ เพราะผมไม่สามารถสูญเสียไปมากกว่านี้ได้ ผมแค่ปีนขึ้นไปทีละก้าว”ตามโพสต์ในอินสตาแกรมของเขา มาการ์ในโทรศัพท์ผ่านดาวเทียมจากยอดเขาเอเวอเรสต์ว่า “นั่นเป็นเรื่องยาก ยากกว่าที่ผมจะจินตนาการได้ เราต้องเดินหน้าต่อไปและผลักดันไปสู่จุดสูงสุด ไม่ว่ามันจะเจ็บแค่ไหนหรือต้องใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม ถ้าผมสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของโลกได้ ใครๆ ก็ตามก็สามารถบรรลุความฝันได้โดยไม่คำนึงถึงความพิการ ไม่ว่าความฝันของคุณจะยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่ว่าความพิการของคุณจะท้าทายเพียงใด ด้วยความคิดที่ถูกต้อง ทุกสิ่งก็เป็นไปได้”ทั้งนี้ มาการ์ไม่ใช่ผู้พิการขาสองข้างคนแรกที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ โดยมาร์ค อิงกลิส ชาวนิวซีแลนด์เคยสร้างสถิติดังกล่าวในปี 2549 “เซี่ย ป๋อหยู” ผู้พิการขาสองข้างจากจีนก็ปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ในเดือนพฤษภาคม 2561 ด้วยความพยายามครั้งที่ห้าของเขามาการ์หวังว่าจะระดมเงินได้ 884,900 ปอนด์ หรือราว 38 ล้านบาท สำหรับองค์กรการกุศล 5 แห่งที่สนับสนุนทหารผ่านศึกและทหาร ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เท่ากับของความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์ บวกเลขศูนย์อีก 2 ตัว.