


เปิดปากกับภาคภูมิ คุยกับนักวิชาการ ชำแหละข้อกฎหมาย ปมหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี “พิธา” จะรอด หรือ ไม่รอด? เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 25 พฤษภาคม 2566 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กรณี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” โดนร้องสอบปมหุ้นสื่อบริษัทไอทีวี ขัดต่อคุณสมบัติ ส.ส. และการเซ็น MOU ของ 8 พรรคผิด พ.ร.บ.พรรคการเมือง จะมีความผิดหรือไม่?tt ttทั้งนี้ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เมื่อวาน (24 พฤษภาคม) ตนได้เข้ายื่นเอกสารเพิ่มเติมเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อของ นายพิธา เพื่อให้ กกต.นำไปประกอบการพิจารณา ซึ่งจุดเริ่มต้นเริ่มจากมีคนในแวดวงการเมืองนำข้อมูลมาให้ดู จึงมีการตรวจสอบข้อมูลต่างๆ และได้เอกสารสำคัญที่พิมพ์ขึ้นเมื่อ 3 พฤษภาคม 2566 แต่ตนได้รับเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 จากนั้นได้ขอเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นรายชื่อของผู้ถือหุ้นทั้งหมดของปี 2564 ซึ่งเห็นชื่อของ คุณพิธา ถือหุ้นมาก่อนล่วงหน้า การตรวจสอบของเราจะต้องให้ความเป็นธรรม จึงขอเอกสารมาทั้งหมด เพื่อดูว่ามีรายชื่อผู้สมัครรายอื่นๆ อีกหรือไม่ แต่ก็พบว่ามี คุณพิธา คนเดียวและจากคำให้สัมภาษณ์ของพรรคก้าวไกล อธิบายว่า คุณพิธา แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 พบว่า นายพิธา แจ้งเงินลงทุนไว้ 45 รายการ แต่ไม่พบลงทุนในหุ้นบริษัทไอทีวี ซึ่งสุดท้ายเลขาฯ กกต. บอกว่า เป็นการมายื่นรายการเพิ่มเติม แต่การมายื่นเพิ่มเติมเขาไม่ได้เปิดเผย เมื่อถามว่า บริษัทไอทีวีไม่ได้เปิดกิจการแล้ว แต่คงสถานะไว้เพื่อฟ้องร้องเท่านั้น นายเรืองไกร กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นคนละประเด็น การตรวจพยานหลักฐานอย่ามีจิตใจเอนเอียง ซึ่งบริษัทไอทีวีมีวัตถุประสงค์เพื่อประกอบกิจการที่เกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ หรือสื่อมวลชนใดๆ ส่วนเรื่องที่ได้ยื่นขอให้ กกต.ตรวจสอบบันทึกข้อตกลง (MOU) ที่พรรคก้าวไกล ทำร่วมกับอีก 7 พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วยกันว่า เข้าข่ายกระทำการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองปี 2560 มาตรา 28 หรือไม่ ส.ส. หรือ ส.ว. เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทยไม่อยู่ภายใต้อาณัติมอบหมาย แต่มีการตกลงว่าจะเอา 112 หรือไม่เอา 112 หรือจะเอากัญชา หรือไม่เอากัญชา อยากถามว่ามันเหตุให้ร้องเรียนหรือไม่tt ttทั้งนี้ ผศ.ดร.ปริญญา กล่าวว่า หากดูคดีของ คุณธนาธร เมื่อปี 2562 และฟังคำร้องจาก คุณเรืองไกร คิดว่าน่าจะหลุดจากการเป็น ส.ส. แต่ก่อนอื่นต้องดูว่า การรับสมัครเป็น ส.ส. ดูว่าหุ้นที่ถอนอยู่เป็นกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ หรือไม่ หากไม่เป็นสื่อก็ไม่ต้องดูต่อ หากเป็นสื่อก็มาดูต่อทั้งนี้ ยกตัวอย่าง กรณีของ คุณภาดาท์ วรกานนท์ พรรคพลังประชารัฐ แม้ว่าจะมีวัตถุประสงค์เรื่องของสื่อ แต่เมื่อดูงบกำไรขาดทุน บริษัทไม่มีรายได้ใดๆ จากการให้บริการ อีกทั้งเมื่อพิจารณารายได้เมื่อปี 2560 เป็นรายได้ที่มาจากการฝึกอบรม ดังนั้น ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า บริษัทนี้ไม่ได้ทำกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่ออีกตัวอย่างคือ กรณีของ คุณปกรณ์ มุ่งเจริญพร พรรคภูมิใจไทย แม้จะมีวัตถุประสงค์ให้บริการวิทยุโทรทัศน์ แต่แบบต่างๆ ทางการค้า ระบุว่า เพื่อประกอบกิจการแข่งกีฬา ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริษัทนี้ไม่ได้ประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อใดๆ นั่นคือ ศาลดูที่ข้อปฏิบัติส่วนบริษัทไอทีวี ข้อเท็จจริงปรากฏว่า บริษัทไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อมาตั้งแต่ 2550 และไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้นตั้งแต่ปี 2557 แต่ที่ยังบริษัทอยู่ เพราะมีการฟ้องร้อง รายได้คือ 20 ล้านบาท มาจากดอกเบี้ยและเงินลงทุน หากเทียบในบรรทัดฐานเดียวกันก็ถือว่า ไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อ.