วันจันทร์, 2 ตุลาคม 2566

เดือนนี้รู้ผลศาลปกครองสูงสุด ไอทีวีฟ้อง สปน. คนจับตาอาจกระทบ “พิธา”

“จิรายุ” แชร์บทความ “จตุรงค์ สุขเอียด” เดือนนี้ใกล้รู้ผลไอทีวีฟ้อง สปน. พร้อมเผยข้อสังเกตความบังเอิญของช่วงเวลามีคนซื้อหุ้นทั้งที่นิ่งมานาน จับตาอาจกระทบ “พิธา”วันที่ 4 มิถุนายน 2566 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์ไอทีวี (itv) แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า ถ้า itv ฟื้น จะเกิดอะไรขึ้น โดยตนเองรู้สึกกระอักกระอ่วนใจมากว่า 16 ปี ที่ถูกไล่ออกอย่างไม่เป็นธรรมหลังจากไอทีวีถูกปิดโดยรากของเผด็จการยึดอำนาจ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ปี 2549 และกลายไปเป็นทีไอทีวี (TITV) โดยเมื่อย้ายไปอีกสถานีก็โดนรัฐบาลยุคนั้นไล่ออกอีก ชีวิตระหกระเหินเดินตามทางชีวิตจนมาถึงวันนี้ โดยเมื่ออ่านบทความของ นายจตุรงค์ สุขเอียด อดีตประธานสหภาพแรงงานหัวหน้างาน บริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) เพื่อนร่วมชะตากรรมจอดำไอทีวีแล้วมึนต่อสำหรับเนื้อหาของ นายจตุรงค์ ระบุ ได้รับทราบมาว่าเดือนมิถุนายนนี้ไอทีวีอาจรู้ผลชนะคดีสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เขาว่าน่าจะชนะ เป็นข่าวที่ยอมรับว่ารู้สึกตื่นเต้น หากไอทีวีกลับมาทำข่าวไม่ว่าจะผ่านช่องปกติหรือออนไลน์ แต่คิดไม่ถึงว่า ไม่กี่วัน มีข่าวจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงที่กำลังหาเสียงเลือกตั้งว่าอีก 2 วัน จะมีข่าวใหญ่ให้ติดตาม ในฐานะนักข่าวก็อยากรู้ แต่ก็เงียบหายไป เนื้อหายังระบุต่อไปอีกว่า จนก่อนลงคะแนนเลือกตั้งไม่กี่วัน ปรากฏมีคนไปร้อง กกต. ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นไอทีวี นักข่าวก็ถาม กกต. ว่าจะขาดคุณสมบัติหรือไม่ กกต. ก็ตอบว่าไม่เร่งรัด แล้วก็ผ่านเลือกตั้งมา ข้องใจในบทบาทปัจจุบันไอทีวีจึงถามเพิ่มเติมว่าหลังจากจอดำไปเมื่อปี 2550 แล้ว ยังทำสื่อกันอยู่ไหม เขาว่าไอทีวีไม่มีทีมผลิตสื่อของตัวเองนานแล้วตั้งแต่จอดำ แต่มีการลงทุนด้านอื่นตามข่าวส่วนหุ้นไอทีวีมีการซื้อขายกันได้อยู่หรือไม่ เขาว่าหุ้นไอทีวีถูกถอดจากตลาดหลักทรัพย์แล้วเมื่อปี 2557 แต่หุ้นไปอยู่ที่ศูนย์รับฝาก บังเอิญอะไรไม่รู้ก่อนที่จะมีคนไปร้องเรียนเรื่องหุ้น นายพิธา มีคนหนึ่งไปซื้อหุ้นกันแล้วเปลี่ยนชื่อผู้ถือ รู้สึกแปลกเพราะมันไม่มีราคา แล้วก็นิ่งมานาน ทำไมมาซื้อกัน ตอนนี้ไอทีวีไม่มีทีมผลิตคอนเทนต์ของตัวเอง แต่ยังมีวัตถุประสงค์ตามจดแจ้งอยู่ สามารถจัดหารายการได้ ถ้าจำไม่ผิดคาดว่าเดือนนี้คงรู้ผลจากศาลปกครองสูงสุด ถึงสถานะของไอทีวีว่าจะชนะคดีตามคาดหรือไม่ นี่คือสิ่งที่ไม่เฉพาะแต่เจ้าของ นักลงทุนรายเล็ก รายย่อย จนถึงอดีตพนักงานอย่างเรารอคอยมาแสนนาน“แต่ใครจะคิดว่าจะบังเอิญอะไรกับไทม์ไลน์ทางการเมืองพอดิบพอดี ไอทีวีเกิดจากผลพวงเหตุการณ์นองเลือดพฤษภา 35 เปลี่ยนมือจากนักลงทุนหลายรายมาสู่เครือชินฯ จอดำจากเหตุการณ์รัฐประหารปี 49 และตอนนี้คงกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่ออำนาจทางการเมืองปี 66 ถึงตอนนี้ ในใจอยากให้ไอทีวีหลับไปตลอดกาลเลยครับ อย่าตื่นขึ้นมาสร้างความวุ่นวายใดๆ ในบ้านเมืองนี้อีก ไม่ต้องห่วงคนไอทีวีหรอกนะ ทุกคนปลอดภัยดี”ซึ่งการนำบทความของ นายจตุรงค์ มาโพสต์อีกครั้งนั้น มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและแชร์ออกไปจำนวนมาก รวมถึงรอฟังผลว่าจะมีผลกระทบต่อ นายพิธา ในฐานะว่าที่นายกรัฐมนตรีอย่างไรด้วย.