วันจันทร์, 2 ตุลาคม 2566

ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ระบุวันที่

ที่ประชุม ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภา แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่ เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เมื่อมี ส.ส.ได้รับเลือกตั้งถึง 95% แล้วให้นําร่าง พ.ร.ฎ. ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 6 มิถุนายน 2566 เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกประชุมรัฐสภา พ.ศ. 2566 โดยยังไม่ได้ระบุวันที่เรียกประชุมรัฐสภา เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ พร้อมมอบให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประสานกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานองคมนตรี เมื่อมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ได้รับเลือกตั้งถึงร้อยละ 95 หรือ 475 คนแล้ว ให้นำร่าง พ.ร.ฎ.เรียกประชุมรัฐสภา ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายต่อไปทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 83 บัญญัติให้สภาผู้แทนราษฎรจำนวน 500 คน มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 400 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 100 คน ขณะที่มาตรา 84 บัญญัติให้ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อมี ส.ส. ได้รับเลือกตั้งถึงร้อยละ 95 ของจํานวน ส.ส.ทั้งหมดแล้ว (จำนวน 475 คน) หากมีความจำเป็นจะต้องเรียกประชุมรัฐสภา ก็ให้ดำเนินการเรียกประชุมรัฐสภาได้ และมาตรา 85 วรรคสี่ บัญญัติให้ กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว มีเหตุอันควรเชื่อว่าผลการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 95  ของเขตเลือกตั้งทั้งหมด ซึ่ง กกต. ต้องตรวจสอบเบื้องต้นและประกาศผลการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็ว แต่ต้องไม่ช้ากว่า 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง (ภายใน วันที่ 13 ก.ค. 2566) ประกอบกับมาตรา 121 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ภายใน 15 วัน นับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้ง ส.ส. อันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป (ภายในวันที่ 27 กรกฎาคม 2566) ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก และ มาตรา 122 วรรคหนึ่ง วรรคสอง และวรรคสี่ บัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมรัฐสภา ทรงเปิดและทรงปิดประชุม โดยพระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำรัฐพิธี เปิดประชุมสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งแรกด้วยพระองค์เอง หรือจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระรัชทายาทซึ่งทรงบรรลุนิติภาวะแล้วหรือผู้ใดผู้หนึ่งเป็นผู้แทนพระองค์ มาทำรัฐพิธีก็ได้.