
นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน มอง “วันนอร์” นั่งประธานสภา เพื่อไทยแค่แก้เกม ให้ก้าวไกลชวดตำแหน่ง ชี้ ก้าวไกลชนะประธานสภาได้ แต่ “พิธา” ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่ติดใจ 77 ส.ส.ฝ่ายค้าน “งดออกเสียง” แค่สีสันการแข่งขันวันที่ 4 ก.ค. 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน มองถึงผลการโหวตเลือกประธานสภา และรองประธานสภา ว่า นี่เป็นการแก้เกมของพรรคเพื่อไทย หากตนเองไม่ได้ตำแหน่งประธานสภา ก็ต้องใช้คนกลางมาเป็น จึงออกมาเป็นชื่อของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ เพราะจุดประสงค์หลักของเพื่อไทย คือ ไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลได้เป็นประธานสภา ส่วนทางด้านของ นายวันมูหะมัดนอร์ ก็อาจจะไม่กล้ารับตำแหน่งเช่นกัน หากว่าทั้ง 2 พรรคตกลงกันไม่ได้”แน่นอนที่สุดในทางตัวบุคคล สถานะของอาจารย์วันนอร์อย่างไรก็ใจอยู่เหนือกว่า คุณหมออ๋อง โดยปริยาย ในเรื่องปัจเจกเรื่องตัวบุคคลดังนั้นนี่คือเกมเบื้องต้นว่าหากพรรคเพื่อไทยไม่ประสงค์ที่จะให้พรรคก้าวไกลมาเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติก็สำเร็จไปแล้ว และความเป็นอาจารย์วันนอร์ก็เป็นของกลางที่ซีก 188 เสียงรับได้”ส่วนผลโหวตที่ออกมาแสดงให้เห็นว่าพรรคฝ่ายค้านเสียงแตกหรือไม่ นายจตุพร มองว่า แม้ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะสามารถยืนหยัดในเสียง 312 เสียงได้ แต่ก็มองว่าเป็นคนละสนามกับการเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะการเลือกประธานสภาพอมีการเสนอนายวันมูหะมัดนอร์ มาทุกฝ่ายก็สบายใจซึ่งต้องมองว่าฝ่ายที่ได้ 312 เสียงจะแข็งแรงแค่ไหน จะมีการแปรสภาพงูเห่าหรือไม่ เพราะหากจะย้ายแบบเป็นพรรคคงไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยก็ประกาศชัดเจนเช่นเดียวกับพรรคก้าวไกลว่า ไม่เอา 2 ลุง ไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ / รวมถึง MOU ของพรรคร่วม ที่ปฏิเสธเรื่องของกัญชาอย่างสิ้นเชิง เสมือนเป็นการขีดเส้นใต้อย่างชัดเจนว่าไม่เอาพรรคไหน”เพราะฉะนั้น 188 จะเข้ามาใส่ 312 ไม่ได้ แต่คนใน 312 ไปในนามพรรคก็ไปไม่ได้อีก เพราะประกาศอย่างแข็งแรง เห็นหรือไม่ เพราะฉะนั้นมันก็ต้องมีงูเห่า”ส่วนความเป็นไปได้ที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายจตุพร วิเคราะห์ให้ฟังแบบนี้ว่า หาก นายพิธา หลุดจากการโหวตนายกรัฐมนตรี โดยตัดเรื่องของคดีหุ้นสื่อ หรืออุปสรรคอื่นๆ ก็จะเห็นว่าทำอย่างไรก็ไปไม่ถึง 376 เสียง จึงมองว่าหากไปไม่ได้ใน 1-2 ครั้ง ก็ต้องยอมรับว่ามันไปได้ไม่ได้ซึ่งหากมีการเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน หรือนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ขึ้นมา ก็จะติดกับดักเดิม สุดท้ายก็ถึงคิวของ พลเอกประวิตร ซึ่งในขณะนั้นหากหาเสียงเพิ่มอีก 63 เสียงได้ ส.ว.ก็ไม่ยาก”เพราะฉะนั้นกระดานการเมืองดูเหมือนว่ามันสมูต หลายคนก็จินตนาการบอกว่าเสียง 312 คะแนน ที่คุณหมออ๋องได้จะเป็นคะแนนของคุณพิธานั้นถูกต้อง แต่จะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเพราะขาดอีก 64 เสียง”ส่วนผลการโหวตเลือกรองประธานสภาคนที่ 1 ที่มีผลการงดออกเสียงถึง 77 คะแนน จะเป็นการสะท้อนอะไรหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า การที่มีการเสนอชื่อ นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นมาชิงตำแหน่งประธานสภา ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรทั้งสิ้น มองว่าเป็นเพียงการสร้างสีสัน บรรยากาศให้เกิดการแข่งขันเท่านั้น.