วันอาทิตย์, 3 ธันวาคม 2566

ทอ. ยันไม่มีการลงโทษทหารใหม่จนตาบอด แพทย์ชี้เกิดจากโรคตาขี้เกียจ

04 ก.ค. 2023
32

ทอ. โต้โซเชียล ยันไม่มีการลงโทษทหารใหม่จนตาบอด วอนสังคมฟังความรอบด้าน แพทย์วินิจฉัย เป็นโรคตาขี้เกียจ ตามองเห็นที่เลือนรางสองข้าง ไม่ได้มาจากการฝึก ย้ำพลทหารรายนี้ไม่ได้เข้ารับการฝึก พร้อมจัดบัดดี้ให้คอยดูแลตลอดเวลา เพราะ ทอ.ให้ความสำคัญคุณภาพชีวิตทหารกองประจำการ ทั้งดูแลสิทธิ สวัสดิการเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 พล.อ.ต.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิป อ้างถึงพลทหารสังกัดหน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ร้องว่าถูกทำโทษจนทำให้ตาบอด ว่า ขณะนี้ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผบ.ทอ. ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้วและได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน พร้อมชี้แจงให้สาธารณชนทราบเพื่อแสดงถึงความโปร่งใสโดยอยากขอให้สังคมฟังความอย่างรอบด้าน เนื่องจากกองทัพอากาศมีนโยบายที่ชัดเจน และเน้นย้ำอยู่เสมอไม่ให้มีการทำร้ายร่างกายทหารหรือการลงโทษที่เกินกว่าเหตุในระหว่างการฝึก อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของทหารกองประจำการให้ดีขึ้นมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามหากผลการสอบสวนพบว่ามีการกระทำที่ขัดต่อนโยบายดังกล่าว ก็จะมีการลงโทษตามระเบียบโดยไม่มีข้อยกเว้นโฆษก ทอ. กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นจากผู้เกี่ยวข้อง พบว่า เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 66 พลทหารคนดังกล่าว รายงานตัวเข้ารับการฝึก ณ หน่วยฝึกทหารกองประจำการใหม่ ศูนย์การทหารอากาศโยธิน หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน และแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ว่าตนเป็นโรคตาขี้เกียจtt ttวันที่ 16-17 พ.ค. 66 มีการฝึกเบื้องต้น อาทิ ท่าตรง ท่าตามระเบียบพัก ท่าทำความเคารพ และการดำเนินการด้านธุรการต่างๆ ทั้งนี้ พลทหารรายนี้ไม่ได้เข้ารับการฝึกเนื่องจากแจ้งว่าปวดตา จึงได้รับอนุญาตให้พักโดยนอนที่เตียงสนามในเต็นท์ของหน่วยฝึก รอดำเนินการเรื่องสิทธิการรักษาแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายต่อมาวันที่ 18 พ.ค. 66 ได้เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) กรมแพทย์ทหารอากาศ โดยมีอาการปวดกระบอกตามากทั้งสองข้าง แสบตา น้ำตาไหล ลืมตาไม่ค่อยขึ้น ซึ่งเจ้าตัวแจ้งว่าเป็นมาตั้งแต่เด็ก โดยแพทย์โรงพยาบาลทหารอากาศ (สีกัน) วินิจฉัยว่าเป็นโรคตาขี้เกียจ สายตามีการมองเห็นที่เลือนรางสองข้าง และได้ทำการรักษาตามอาการ พร้อมทั้งวางแผนทำการตรวจรักษาอย่างต่อเนื่องโดยส่งตัวไปพบจักษุแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช กรมแพทย์ทหารอากาศ และสุดท้ายได้นัดส่งต่อไปตรวจพิเศษที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพิ่มเติม”ตลอดห้วงเวลาดังกล่าวพลทหารรายนี้ไม่ได้เข้ารับการฝึกแต่อย่างใด และหน่วยฝึกได้จัดบัดดี้ให้คอยดูแลตลอดเวลา ทั้งการรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ และการดำเนินชีวิตประจำวันอื่นๆ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในการรับส่งพาไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง นอกจากนี้ในระหว่างการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมองเพื่อหาสาเหตุในการบกพร่องทางสายตา ได้ตรวจพบเนื้องอกขนาดเล็กในสมองอีกโรคหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการตรวจรักษาเช่นกัน ทางหน่วยฝึกกองทัพอากาศได้แจ้งรายละเอียดกับผู้ปกครอง (มารดา) แล้วก่อนหน้านี้ และผู้ปกครองได้รับทราบตกลงให้ทางหน่วยฝึก เป็นผู้ดูแลขณะที่ทำการตรวจรักษา และรอการปลดประจำการซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายที่จะต้องใช้เวลาดำเนินการพอสมควร” พล.อ.ต.ประภาสกล่าวtt ttโฆษก ทอ. กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นข่าวที่เกิดขึ้น อาจเกิดจากความวิตกกังวลและไม่เข้าใจในกระบวนการต่างๆ ทั้งที่ทางหน่วยฝึก ได้ดูแลให้พลทหารได้เข้าถึงบริการทางการแพทย์และได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องมาตลอด ซึ่งผู้บังคับบัญชาได้มอบหมายให้ผู้เกี่ยวข้องไปทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและตัวพลทหารเพิ่มเติมแล้ว จากการตรวจสอบเรื่องการทำร้ายร่างกายนั้นทั้งจากครูฝึกและทหารกองประจำการในผลัดเดียวกัน กองทัพอากาศขอเรียนยืนยันว่าไม่มีการทำร้ายร่างกายหรือการทำโทษพลทหารที่เกินกว่าเหตุแต่อย่างใด”ขอเรียนเพิ่มเติมว่า ผบ.ทอ. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการยกระดับคุณภาพชีวิตทหารกองประจำการ ด้วยการดูแลให้ได้รับสิทธิ สวัสดิการ รวมถึงปรับปรุงสภาพแวดล้อม ที่พักอาศัย สิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น เพื่อเสริมสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติงาน และสร้างแรงจูงใจให้เข้ารับราชการในกองทัพอากาศหลังจากปลดประจำการ” โฆษก ทอ.กล่าว