





“เปิดปากกับภาคภูมิ” จตุพร พรหมพันธุ์ วิเคราะห์ทิศทางการเป็นนายกฯ ของ “พิธา” จะมีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ในวันตัดสินชี้ชะตาประชุมสภา 13 ก.ค. ที่กำลังจะถึงนี้วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ในรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32 ดำเนินรายการโดย นายภาคภูมิ พันธุ์สถิตย์ ได้พูดคุยกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน วิเคราะห์เส้นทางการเป็นนายกฯ ของ “พิธา” จะราบรื่นหรือไม่ ในวันโหวตเลือกนายกฯ 13 ก.ค. ที่จะถึงนี้tt ttนายจตุพร พรหมพันธุ์ เผยว่า ตำแหน่งประธานสภาวางสุชาติ ตันเจริญไว้ตั้งแต่ต้น แต่เชื่อว่าจะต้องถึงจุดเลี้ยว ไม่งั้นอยู่ๆ คุณมดดำก็คงไม่ไปคุยกับพ่อ และโพสต์ตอนดึกอย่างแน่นอน เพราะมันจุดวัดใจที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา อย่างพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ต้นก็บอกว่าเป็นของเพื่อไทย เพราะห่างกัน 10 เสียง แต่แล้วก็เปลี่ยนไปมาว่าให้พรรคลำดับที่ 1 เป็น เพราะมั่นใจว่าจะได้แต่สุดท้ายก็เป็นเกมที่โยนให้ อ.วันนอร์ เพราะไม่ต้องการให้พรรคก้าวไกลได้นั่งตำแหน่งประธานสภา พอเสนอ อ.วันนอร์ พรรคก้าวไกล ก็ไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น เพราะด้วยคุณวุฒิและวัยวุฒิที่ไม่สามารถสู้ได้ ซึ่งเป็นเป้าประสงค์ของเพื่อไทยทั้งหมด คือ ตำแหน่งต้องไม่ใช่พรรคก้าวไกล และเพื่อดีเลย์ความขัดแย้ง และดีเลย์การลงท้องถนน tt ttเพราะถ้า อ.สุชาติ ไม่ถอนก่อน และก้าวไกลก็ไม่ถอย อ.วันนอร์เขาก็ไม่กล้ารับตำแหน่ง แต่นี่ดีที่คุยกันได้แล้ว แต่หากสถานการณ์มันแตกหักกับก้าวไกลเร็ว คนก็จะลงถนนเร็วเกินไป จึงต้องเปลี่ยนเกม เพื่อชะลอความขัดแย้งไว้ก่อน ให้ไปเริ่มต้นอีกครั้งช่วงโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งตนเชื่อว่าเสียง 312 ก็จะยกมือโหวตให้พิธา ในวันที่ 13 ก.ค. แต่คุณพิธาจะต้องสู้ 376 เพราะในวันนั้น ส.ว.เกือบทั้งหมด ก็จะงดออกเสียง ขณะที่ 188 ก็จะงดออกเสียงเช่นเดียวกัน ทำให้พิธาไม่ผ่านด่าน 376 เสียง ดังนั้น พรรคเพื่อไทยก็จะเดินมาส่งให้คุณพิธาไปจนสุดทาง คือยกโหวตให้ หากโหวตครั้งที่ 2 ไม่ผ่านอีก ก็คงต้องเป็นคราวของเพื่อไทยtt ttแต่ตนยังยืนยันว่า คุณพิธาไม่มีทางได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะรัฐธรรมนูญ ปี 60 ที่เขียนไว้ว่า หากฝั่งเดิมใครชนะ ให้วุฒิสภาโหวตตาม เหมือนในปี 2562 แต่กรณีที่แพ้ ต้องไม่เกิน 126 แต่รอบนี้แพ้ 188 วุฒิสภางดออกเสียง เสียง 312 ที่ชนะก็ไม่สามารถหาเสียงมาเพิ่มได้ ซึ่งออกแบบมาอย่างรัดกุม เพราะห่างอยู่ 64 เสียง การต้องเอาเสียงมาจากวุฒิสภาที่มาจาก 3 ป. นั้นเป็นศูนย์ จะเอาความเชื่อมาจากไหนว่า เขาจะโหวตให้ เพราะเมื่อเขาออกแบบมาอย่างนี้ ก็ดำรงความมุ่งหมายไว้แล้วในการที่รักษาอำนาจไว้ ดังนั้น มันเป็นเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ tt ttหากคุณพิธาไม่ผ่านในวันที่ 13 ก.ค. อ.วันนอร์อาจจะให้โหวตครั้งที่ 2 อีกครั้ง แล้วหากได้เช่นเดิม มันไม่ผ่าน ก็ต้องไปตกลงกันอีกในพรรค 8 พรรค โดยเอาคุณเศรษฐา ซึ่งทาง 8 พรรคก็จะไปวนที่การยกมือให้เท่าเดิม คือ 312 มันก็จะเป็นแบบเดิมคือติดล็อกจัดตั้งรับบาลไม่ได้ ซึ่งตนนี้หากไม่มีการสลายขั้ว ก็คงไปต่อไม่ได้อีกแล้ว เพราะฉะนั้นมันจะเป็นจุดแยกทางที่แต่ละพรรคเคยได้สัจจะวาจาไว้ ซึ่งมันประกาศกันไว้มากtt ttหากเกมของเพื่อไทย คือต้องสลัดทิ้งก้าวไกลให้เป็นพรรคฝ่ายค้าน ก็จะเป็นความวุ่นวาย คนจะเต็มท้องถนน แล้วที่หนึ่งใน ส.ว. บอกว่าเสนอพิธาเป็นนายกฯ ยังไงก็ไม่ผ่าน และจะโหวตให้พรรคเพื่อไทย ก็ต่อเมื่อไม่มีพรรคก้าวไกล แปลว่าเพื่อไทยต้องข้ามขั้ว ไปจับมือกับอีกซีก เพราะ ส.ว. ไม่มีทางยากที่จะมาโหวตให้พิธา และน้อยมากที่จะเปล่งวาจาให้ ฉะนั้นจะหวังเสียงจาก ส.ว. เป็นไปไม่ได้เลย ถึงได้ก็เป็นเสียงหลักหน่วยซึ่งมันจะไปจบให้พรรคเพื่อไทยสลัดก้าวไกล ดันให้ไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน และเพื่อไทยก็จะต้องบอกสังคมว่าพยายามแล้ว แต่มันไม่ได้ เสนอพิธาแล้ว มันไม่ได้ หรือเสนอเศรษฐาก็ไม่ได้อีก ได้เท่าเดิม 312 ซึ่งจะเป็นการเสนอให้สิ้นสงสัยเท่านั้น ส่วนประชาชนจะเชื่อไหม ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่อย่างไรคนก็จะลงถนน ความวุ่นวายก็จะเต็มไปหมด ดังนั้นวิธีแก้คือทุกฝ่ายต้องมานั่งคุยกัน เพื่อะแก้ไขปัญหาสถานการณ์บ้านเมืองให้ได้ เพราะคนที่จะเป็นชนวนก็คือ ส.ส.อย่างไรก็ตาม สามารถติดตามรายการ “เปิดปากกับภาคภูมิ” พร้อมกันได้ทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป ได้ทางไทยรัฐทีวี ช่อง 32.