วันศุกร์, 8 ธันวาคม 2566

สาวอุดรฯ แต่งหนุ่มจีน แลกสินสอด 1 แสน ถูกขัง 3 ปี เหตุ "ไม่ท้อง" ตามสัญญา

05 ก.ค. 2023
52

สาวอุดรฯ แฉแก๊งแม่สื่อแม่ชัก จัดสรรให้แต่งงานกับชายชาวจีน แลกสินสอด 1 แสน ทำสัญญาจะต้องตั้งท้องภายใน 6 เดือน แต่ตัวเองเคยมีลูก และทำหมันแล้ว ทำให้ถูกสามีกับแม่สามีทำร้าย ขังไว้ถึง 3 ปี รู้ความจริงแม่สื่อรับเงินมาถึง 1 ล้าน สุดท้ายหนีออกมาได้จึงเปิดเผยเรื่องราวไว้เป็นอุทาหรณ์ และอยากให้ จนท.ช่วยตรวจสอบว่าแก๊งแม่สื่อเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่จากกรณีมีพ่อแม่ชาวอุดรธานีมาขอความช่วยเหลือ น.ส.เตย (นามสมมติ) อายุ 31 ปี ลูกสาวที่แต่งงานกับชายชาวจีนด้วยการแนะนำของแม่สื่อ โดยเสนอสินสอด 1 แสนบาท จดทะเบียนสมรส พร้อมกับทำสัญญาต้องมีบุตรภายใน 6 เดือน และเดินทางไปอยู่ประเทศจีน เมื่อให้กำเนิดบุตรแล้วหญิงไทยจะเดินทางกลับ หรืออยู่ต่อก็ไม่มีปัญหา แต่ลูกสาวไม่มีบุตรเนื่องจากเคยแต่งงาน มีลูก 2 คน และทำหมันแล้ว ทำให้สามีชาวจีนและแม่สามีทุบตีและกักขังไว้ในบ้านเป็นเวลา 3 ปี จนต้องหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลไทยในเมืองเซี่ยงไฮ้ ให้ดำเนินการส่งตัวกลับเมืองไทยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2566 นั้น ต่อมา วันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปหา น.ส.เตย   อายุ 31 ปี ชาวอุดรธานี ซึ่งตกเป็นเหยื่อแก๊งแม่สื่อ เพิ่งเดินทางกลับมาถึงบ้านเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2566 และขอพักผ่อนให้สบายใจก่อนให้สัมภาษณ์ ซึ่ง น.ส.เตย เปิดเผยเรื่องราวที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งแม่สื่อให้ฟังเพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่หญิงไทย จะได้ไม่เป็นตกเป็นเหยื่อแก๊งแม่สื่ออีก โดยเล่าว่า ตนเคยแต่งงานเมื่ออายุ 18 ปี แต่ได้แยกทางกับสามี ตอนนี้มีลูกติด 2 คน อายุ 13 ปี และ 7 ขวบ โดยไปทำงานนวดแผนไทยที่พัทยา จ.ชลบุรี เพื่อส่งเงินมาให้พ่อแม่เลี้ยงลูกเรื่อยมา  จนเดือนสิงหาคม 2562 มีเพื่อนผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้าน โทรมาหาตน เล่าว่ามีแม่สื่อชาวไทยมาติดต่อผู้หญิงไทยให้ไปแต่งงานกับชายชาวจีน โดยจะให้ค่าสินสอด 1 แสนบาท แต่ต้องจดทะเบียนสมรส และเดินทางไปอยู่บ้านผู้ชายที่ประเทศจีน เมื่อมีบุตรแล้วจะกลับบ้าน หรืออยู่ต่อก็ได้ ซึ่งตอนนั้นตนคิดแต่เพียงว่าอยากให้ครอบครัวดีขึ้น จนกระทั่งมาพบกับแม่สื่อชาวไทยและจีนมาหาเพื่อนและตนที่บ้าน ซึ่งได้บอกแม่สื่อว่าตนเคยมีลูกมาแล้ว และทำหมันแล้ว แต่แม่สื่อก็บอกว่าไม่ต้องพูด ไม่ต้องบอกให้หนุ่มจีนรู้ ต่อมาแม่สื่อพาหนุ่มจีนมารู้จักตนกับเพื่อน ซึ่งหนุ่มจีนทั้ง 3 คนเป็นคนเลือกผู้หญิง และพอใจที่จะแต่งงานกับพวกตน จากนั้นก็ได้ทำสัญญากันขึ้น โดยแต่งงานกันแล้วให้ไปอยู่ที่บ้านผู้ชาย ภายใน 6 เดือนต้องตั้งครรภ์มีบุตร หากมีการทำร้ายร่างกายกันขึ้น สามารถเดินทางกลับเมืองไทยได้ ซึ่งมีแม่สื่อและแม่ของตนเป็นคนลงชื่อในสัญญา จากนั้นแม่สื่อก็จัดงานแต่งตามประเพณี โดยจัดที่บ้านของตน 2 คู่ มีค่าสินสอดคนละ 1 แสนบาท นำมาวางให้ญาติทางฝ่ายผู้หญิงได้เห็น โดยตนได้ถ่ายคลิปเอาไว้ น.ส.เตย เล่าต่อไปว่า หลังจากจัดพิธีแต่งงานเสร็จ หนุ่มชาวจีนก็พาตนไปยื่นขอวีซ่า และรอวีซ่าประมาณ 1 เดือน ซึ่งช่วงนั้นก็ถือว่าเป็นการทดลองอยู่ด้วยกัน ตนรู้สึกว่าการแต่งงานอยู่ด้วยกันแบบไม่มีความรักคงจะไปไม่รอด จึงแจ้งแม่สื่อไป แต่แม่สื่อก็บอกให้ตนทนไปก่อน ไปอยู่ที่ประเทศจีน 6 เดือน พอไม่ตั้งครรภ์แล้วค่อยคิดหาทางกลับ แต่พอไปอยู่ได้ 2 เดือนก็ติดต่อแม่สื่อไม่ได้อีกเลย เหมือนเป็นการลอยแพ ตนต้องทนอยู่กับครอบครัวสามีถึง 6 เดือน แต่ก็ยังไม่มีลูก ตนได้บอกกับแม่สามีว่าตนมีลูกและทำหมันแล้ว แต่ครอบครัวสามีไม่เชื่อ หลังจากนั้นสามีและแม่สามีก็ได้ทุบตีทำร้าย บอกว่าเสียเงินให้แม่สื่อตั้ง 1 ล้านบาท เพื่อหาผู้หญิงไทยมาแต่งงาน เพื่อให้มีลูกไว้สืบสกุล แต่ตนไม่มีลูกให้จึงทำร้าย หนักเข้าก็กักขังตนไว้ในบ้านนาน 3 ปี ดีที่มีพ่อสามีช่วยพูดปลอบใจให้อดทน แต่ตนทนไม่ได้จึงได้หลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากสถานกงสุลไทยในเมืองเซี่ยงไฮ้ให้ส่งกลับประเทศไทย โดยต้องเสียค่าปรับวีซ่าหมดอายุ 1 หมื่นบาท และค่าเครื่องบิน 1.8 หมื่นบาทเอง ก็ยอมเพราะอยากกลับบ้าน ส่วนเพื่อนอีก 2 คนที่แต่งงานไปพร้อมกับตน โชคดีได้ครอบครัวสามีที่ดี แต่ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ เพราะมีโรคประจำตัวไทรอยด์ จึงเดินทางกลับไทย และไปหางานทำเลี้ยงครอบครัว น.ส.เตย เล่าต่ออีกว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านก็มาคิดว่าแม่สื่อที่จัดหาคู่ได้เงินจากหนุ่มจีนไป 1 ล้านบาท แต่เสียค่าสินสอดให้พวกตน 1 แสนบาท และไม่สนใจช่วยเหลือที่ไปตกระกำลำบาก หรือโดนทำร้าย แม่สื่อมีหน้าที่จัดการหาคู่ให้ แลกกับค่าจ้างอย่างงาม เหมือนเป็นการค้ามนุษย์ ส่วนสาเหตุที่หนุ่มจีนให้แม่สื่อหาผู้หญิงไทยแต่งงานด้วย เพราะถ้าแต่งกับหญิงชาวจีนด้วยกัน เจ้าบ่าวต้องมีบ้าน มีรถ และมีค่าสินสอดจำนวนมาก รวมแล้วคงจะหมดไม่ต่ำกว่า 4-5 ล้าน แต่งกับผู้หญิงไทยแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อมีบุตรก็จะได้มีผู้สืบสกุล และจะได้ไปลดหย่อนภาษี “ฝากเตือนผู้หญิงไทย หากแม่สื่อพ่อสื่อมาหาคู่ให้หนุ่มชาวจีน ให้ระวัง คิดให้มาก คิดให้ดี ถ้าหากพบหนุ่มชาวจีนและครอบครัวที่ดีก็ถือว่าโชคดีไป มีเงื่อนไขต้องตั้งครรภ์มีลูกให้ครอบครัวชาวจีน ถ้าไม่มีก็ต้องถูกทุบตี กักขัง 3 ปีเหมือนหนูที่ไม่ได้ออกจากบ้าน จนคิดฆ่าตัวตายถึง 2 ครั้ง และป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไม่ว่าผู้ชายประเทศไหนมีทั้งดีและไม่ดี ถ้าโชคไม่ดีก็ไม่ต้องประสบชะตากรรมเช่นเดียวกับหนู” ทั้งนี้การที่ น.ส.เตย ออกมาเปิดเผยเรื่องราวครั้งนี้ แค่ต้องการอยากให้ประสบการณ์ชีวิตเป็นอุทาหรณ์ให้แก่สาวไทยรายอื่น และอยากเปิดเผยว่ามีเรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นกับสังคมไทย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและกำกับดูแลว่าขบวนการแม่สื่อเข้าข่ายการค้ามนุษย์หรือไม่ แต่ไม่ได้ประสงค์ดำเนินคดีกับใคร ทั้งสามีชาวจีน และแก๊งแม่สื่อ.