
กองทัพอิสราเอลเริ่มถอนกำลังออกจากเมืองเจนิน ในเขตเวสต์แบงก์ หลังปฏิบัติการด้านความมั่นคงนาน 2 วัน ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 12 ศพกองกำลังอิสราเอลถอนกำลังออกจากเมืองเจนินของปาเลสไตน์เมื่อวันอังคาร หลังจากปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในเขตเวสต์แบงก์ในรอบหลายปีผู้เห็นเหตุการณ์ 2 คน กล่าวกับรอยเตอร์ว่า เห็นขบวนยานพาหนะทางทหารของอิสราเอลเดินทางออกจากเมืองเจนินในช่วงค่ำวานนี้ ซึ่งดูเหมือนจะส่งสัญญาณยุติปฏิบัติการของอิสราเอลที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวันจันทร์ ที่ส่งผลให้ชาวปาเลสไตน์ 12 คน ทหารอย่างน้อย 5 คน และทหารอิสราเอล 1 นาย เสียชีวิต ขณะที่ผู้อยู่อาศัยที่อพยพออกจากค่ายผู้ลี้ภัยระหว่างการต่อสู้ ก็เริ่มกลับมาสำรวจความเสียหายปฏิบัติการซึ่งกองทัพ ระบุว่า มีเป้าหมายเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานและอาวุธของกลุ่มติดอาวุธในค่ายผู้ลี้ภัยเจนิน เริ่มต้นด้วยโดรนโจมตีในวันจันทร์ พร้อมกำลังทหารกว่า 1,000 นายค่ายผู้ลี้ภัยที่มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 14,000 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่น้อยกว่าครึ่งตารางกิโลเมตร เป็นหนึ่งในจุดศูนย์กลางของคลื่นความรุนแรงที่แผ่ขยายไปทั่วเขตเวสต์แบงก์มานานกว่าหนึ่งปี กองทัพ ระบุว่า ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากเริ่มถอนกำลัง กลุ่มติดอาวุธชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ได้ยิงจรวด 5 ลูกไปยังอิสราเอล จรวดถูกยิงสกัดและไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ นอกจากนั้นในวันอังคาร ได้เกิดเหตุคนร้ายขับรถยนต์พุ่งชนประชาชน และพยายามใช้มีดไล่แทงประชาชน ที่กรุงเทลอาวีฟ ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 คน ส่วนคนร้ายซึ่งเป็นชายชาวปาเลสไตน์ วัย 20 ปี ถูกวิสามัญในขณะที่กองทหารอิสราเอลถอนกำลังออกจากเมืองเจนิน ยังคงได้ยินเสียงระเบิดในเมืองทางตอนเหนือของเวสต์แบงก์ ท่ามกลางรายงานการสู้รบใกล้กับโรงพยาบาลเจนิน ด้านกลุ่มแพทย์ไร้พรมแดน กล่าวว่า กองกำลังอิสราเอลได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่โรงพยาบาลที่ทีมกำลังทำงานอยู่กองทัพอิสราเอล กล่าวว่า พวกเขาไม่ทราบเรื่องที่กองกำลังของตนยิงแก๊สน้ำตาในบริเวณใกล้เคียงโรงพยาบาล แต่ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มมือปืนที่ประจำตำแหน่งในสุสาน และเป็นภัยคุกคามต่อกองกำลังที่ถอนกำลังออกไปด้านกลุ่มนักสู้ชาวปาเลสไตน์จากกลุ่มติดอาวุธ เช่น ฮามาส ญิฮาดอิสลามปาเลสไตน์ และฟาตาห์ ได้สร้างกำแพงป้องกันค่ายด้วยสิ่งกีดขวาง และคอยเฝ้าสังเกตเพื่อตอบโต้การโจมตีของกองทัพอิสราเอลที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำระบบไฟฟ้าและน้ำประปายังคงถูกตัดขาดในค่ายผู้ลี้ภัยและในบางพื้นที่ของเมือง หลังจากรถดันดินที่ไถถนนเพื่อหาระเบิด ได้ทำให้สายเคเบิลและท่อน้ำหลักได้รับความเสียหายกองกำลังอิสราเอลเปิดเผยการค้นพบห้องเก็บระเบิดใต้ดิน โดยตู้หนึ่งซ่อนอยู่ในอุโมงค์ใต้มัสยิด ยึดอาวุธได้ 1,000 ชิ้น และจับกุมผู้ต้องสงสัย 30 คน สภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ กล่าวว่า ได้อพยพประชาชน 500 ครอบครัว ออกจากค่ายราว 3,000 คน ด้านกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บราว 100 ราย โดย 20 รายในจำนวนนี้อาการสาหัส ขณะที่กลุ่มญิฮาดอิสลามอ้างว่า ผู้เสียชีวิต 4 ใน 12 รายเป็นนักรบ ฮามาสอ้างว่า นักรบของตนเสียชีวิตเป็นรายที่ 5 ส่วนเจ้าหน้าที่อิสราเอล กล่าวว่า ไม่มีพลเรือนเสียชีวิตการต่อสู้ครั้งนี้ ยิ่งเป็นการเน้นย้ำว่าไม่มีสัญญาณใดๆ ของการแก้ปัญหาทางการเมืองต่อความขัดแย้งที่ยาวนานหลายทศวรรษ และปฏิกิริยาระหว่างประเทศต่อปฏิบัติการก็แตกต่างกันไป โดยสหรัฐฯ กล่าวว่า พวกเขาเคารพสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันตัวเอง แต่กล่าวว่ามีความจำเป็นที่ต้องหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บล้มตายของพลเรือน สหภาพยุโรป กล่าวว่า มีความกังวลอย่างมากต่อเหตุการณ์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น และหน่วยงานขององค์การสหประชาชาติได้แสดงความตื่นตระหนกในระดับปฏิบัติการทางทหารคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า จะประชุมกันแบบปิดประตูตามคำร้องขอของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และบาห์เรน เพื่อประณามปฏิบัติการดังกล่าวธุรกิจหลายแห่งทั่วเวสต์แบงก์ปิดทำการในวันอังคาร เพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องให้หยุดงานเพื่อประท้วงการโจมตีดังกล่าว ซึ่งทางการปาเลสไตน์อธิบายว่าเป็น “อาชญากรรมสงคราม.”