วันอาทิตย์, 3 ธันวาคม 2566

13 ก.ค.เลือกนายกฯ "วันนอร์" กั๊กโหวตแข่งได้กี่ครั้ง ก้าวไกลไม่ลดเพดานแก้ 112 (คลิป)

“วันนอร์” เคาะ 13 ก.ค. ประชุมร่วมรัฐสภาเลือกนายกฯ ไม่ตอบต้องลงมติกี่รอบ แต่ต้องเลือกจนกว่าจะได้ 376 เสียงการันตีเก้าอี้ผู้นำ “ชัยธวัช” เคลียร์ไม่ชงชื่อ “พิเชษฐ์” แค่ผิดคิว ยืนกรานไม่ถอยแก้ ม.112 กร้าวไม่ทำทุกอย่างแลกเป็นรัฐบาล “ชลน่าน” แจงไม่ได้ปรี๊ดแตก แค่สื่อสารผิดพลาด “บิ๊กตู่” จ่อทูลเกล้าฯ ประธาน-รองประธานสภาฯ ถกนอกรอบ รมต. บอก “การเมืองว่ากันไป อย่าเอาผมไปเกี่ยว” “ธนกร” แย้มรอคุยพรรคร่วมฯเดิม ส่งคนชิงนายกฯหรือไม่ “ชัยวุฒิ” เผยผุดวิปรัฐบาลขั้วเก่าโหวตสู้ “บิ๊กป้อม” ปัดนั่งหลับคาสภาฯ ลูกน้องโวยโดนดิสเครดิต “เสรี” ไม่เชื่อ ส.ว.เรียกกล้วยแลกโหวต ขู่ไม่ถอยแก้ ม.112 ไม่ยอมผ่านให้ “กิตติศักดิ์” แบะท่าโหวตคน พท. ตั้งเงื่อนไขสลัดทิ้ง ก.ก. ป.ป.ช.สั่ง “พิธา” ส่งหลักฐานเคลียร์ปมผู้จัดการมรดกหลังจากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเอกฉันท์เลือกนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯ ล่าสุดได้มีการหารือเตรียมพร้อมกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี โดยได้กำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค. เวลา 09.30 น.tt tt“วันนอร์” ถกฝ่ายประจำลุยงานสภาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เข้าร่วมประชุมกับเลขาธิการสภาฯ ที่ชั้น 10 ห้องประชุมประธานสภาฯ เตรียมความพร้อมการรับสนองพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นประธานสภาฯ มี ส.ส.ของพรรคประชาชาติทั้งหมดเข้าร่วม จากนั้นเวลา 12.00 น. นายวันมูหะมัดนอร์ให้สัมภาษณ์ว่า ระหว่างรอการโปรดเกล้าฯเป็นประธานสภาฯได้เชิญเลขาธิการสภาฯ รองเลขาธิการสภาฯ และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเตรียมการรับสนองพระบรม ราชโองการฯ อาจเป็นช่วง 1-2 วันนี้ และเตรียมเปิดประชุมสภาฯและประชุมร่วมรัฐสภา หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้ว จะประชุมสภานัดแรกในวันที่ 12 ก.ค. มีระเบียบวาระเพียงให้ ส.ส.ที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งจะปรึกษาหารือกันว่าจะประชุมสภาฯแต่ละสมัยจำนวนกี่วันและวันไหนบ้าง แม้ที่ผ่านมาจะจัดประชุมวันพุธและวันพฤหัสบดีกำหนด 13 ก.ค.วันโหวตนายกฯนายวันมูหะมัดนอร์กล่าวต่อว่า ส่วนการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกฯ จะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. เวลา 09.30 น. ได้หารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาแล้ว สำนักงานเลขาธิการสภาฯจะออกหนังสือเชิญสมาชิกทั้ง 2 สภามาประชุมร่วมกัน เมื่อถามว่าการโหวตนายกฯในส่วนของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกล ที่มีแนวโน้มว่าจะโหวตไม่ผ่าน จะให้โหวตกี่ครั้ง นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า จำนวนครั้งคงพูดไม่ได้ เพราะครั้งเดียวอาจผ่านก็ได้คือได้ 376 เสียง แต่ถ้าไม่ครบต้องพิจารณาการประชุมรอบต่อไป และต้องวิเคราะห์ดูว่าคะแนนที่ได้มีเท่าไหร่ถึงจะครบ 376 เสียง และหากฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะขอเวลาการประชุมกี่ครั้ง แต่โดยสรุปคือรัฐสภาต้องประชุมให้ได้นายกฯ ไม่ใช่นายพิธาคนเดียว หากนายพิธาได้ถือว่าได้ไป แต่ถ้าไม่ได้ต้องหาจนกว่าจะได้นายกฯ เพราะรัฐสภามีหน้าที่เลือกนายกฯตามรัฐธรรมนูญเพื่อไปบริหารประเทศ เราจะขาดนายกฯไม่ได้ไม่ตอบกี่รอบต้องเลือกจนกว่าจะได้“แต่ในเบื้องต้นพูดอย่างเป็นกลาง คือ ส.ส.ที่มีหน้าที่สำคัญออกกฎหมายและพิจารณางบประมาณได้ร่วมกันจะตั้งรัฐบาลแล้ว 312 เสียง เมื่อวันที่ 4 ก.ค. แสดงให้เห็นแล้วว่าการเลือกรองประธานคนที่ 1 ได้คะแนน 312 เสียง อันนี้จะเป็นหลัก แต่การเลือกนายกฯไม่ใช่เสียงข้างมาก 312 เสียงแล้วจะได้เป็น ต้องได้ 376 เสียงเป็นอย่างน้อย ยังขาดอีก 64 คะแนน และหากไม่ได้ต้องโหวตให้ได้ 376 เสียง หากวันแรกไม่สามารถ ถือว่าการประชุมวันนั้นต้องจบ และนัดโหวตนายกฯนัดครั้งต่อไป โดยต้องคำนึงความพร้อมของสมาชิกด้วย เพื่อให้ทุกคนเข้าร่วมประชุมครบถ้วน เชื่อมั่นว่าหากเราทำอะไรด้วยความเหมาะสมเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน สิ่งนั้นจะบรรลุเป้าหมาย” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวเมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลยังยืนยันเสนอชื่อนายพิธาจะให้ประชุมอีกหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่าต้องเป็นคนเดิมหรือคนใหม่ แต่เบื้องต้นต้องเป็นคนที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดคุณสมบัติครบถ้วน แต่หากรายชื่อทั้งหมดที่ส่งไปยัง กกต.ยังไม่ผ่าน ต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กำหนดว่าให้รัฐสภาเสนอคนนอกได้ แต่เป็นขั้นตอนที่ยาว เพราะรัฐสภาต้องมีเสียงมากกว่า 2 ใน 3 ที่เห็นว่าควรจะให้เสนอคนนอกเข้ามาโหวตในสภาฯได้ ต้องได้เสียง 376 เสียงถือว่าเป็นนายกฯได้ เราไม่สามารถที่จะไปคาดเดาได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือต้องมีนายกฯ และเป็นนายกฯที่บริหารประเทศต่อไปได้สัญญา 8 พรรคมัดดัน “พิธา” ถึงที่สุดเมื่อถามว่าประธานจะดูปัจจัยคำมั่นสัญญาของ 8 พรรคร่วมฯที่จะดันนายพิธาให้ถึงที่สุดหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า พรรคร่วมรัฐบาลได้ตกลงใจร่วมกันว่าจะสนับสนุนหัวหน้าพรรคที่มีเสียงข้างมากที่ได้รับการเลือกตั้งมาเมื่อวันที่ 14 พ.ค.เป็นข้อตกลง 8 พรรค แต่รัฐสภาต้องทำหน้าที่เลือกนายกฯ การโหวตเป็นเรื่องของรัฐสภาที่มี ส.ว.เกี่ยวข้อง หากเฉพาะสภาฯอย่างเดียวไม่มีปัญหาอะไร เพราะ 312 เสียงถือว่าเกินครึ่งไปเยอะแล้วtt tt“ชัยธวัช” ชี้ไม่ชงชื่อ “พิเชษฐ์” แค่เข้าใจผิดเมื่อเวลา 11.00 น. ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าว นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรค พท. ตำหนิกลางสภาฯที่ไม่ยอมเสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรค พท. เป็นรองประธานคนที่ 2 ว่า ก่อนหน้านี้ตกลงกันแล้วว่าระหว่างนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค พท. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. และตนว่าจะเสนอกันเป็น 3 ฝั่ง คือนายพิธาจะเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา นายประเสริฐ เสนอชื่อพรรค ก.ก. และ พ.ต.อ.ทวีเสนอชื่อพรรค พท.จะวนกันไปแบบนี้ หลังเกิดเรื่องนายประเสริฐได้ขอโทษแล้ว และบอกว่าเป็นความผิดพลาดในการสื่อสารกัน ย้ำว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เป็นความผิดพลาดในการทำงานเป็นเรื่องปกติ เข้าใจกันแล้วขอโทษ ขอบคุณกัน เชื่อว่าไม่มีรอยร้าว เพราะถ้าตนเป็น นพ.ชลน่าน ถ้าเข้าใจแบบนั้นอาจไม่พอใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อมีการชี้แจงและอธิบายกันเข้าใจกันดี ไม่มีปัญหา เมื่อถามว่านายพิเชษฐ์เคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าไม่รีบจัดตั้งรัฐบาล พรรค พท.อาจพลิกขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลเอง นายชัยธวัชกล่าวว่าตราบใดที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลยังจับมือกันแน่น จะตั้งรัฐบาลได้สำเร็จแน่นอน มีเป้าหมาย หลักการชัดเจน คงไม่ใช่ทำงานการเมืองยอมแลกกับทุกอย่าง ใช้ทุกวิธีการเพื่อจะได้อำนาจและเป็นรัฐบาลเพราะจะไม่เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชนจวก ส.ว.สายปั่นเกินจริงมุ่งทำลายนายชัยธวัชกล่าวอีกว่า ความคืบหน้าการรวมเสียง ส.ว. บอกเป็นตัวเลขแน่นอนไม่ได้ ต้องให้เกียรติกัน มีเวลาเหลืออีกประมาณ 10 วัน จะพยายามทำความเข้าใจมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะมีความพยายามนำประเด็นต่างๆมาปั่นเกินความเป็นจริง ทำลายความเชื่อมั่น พรรค ก.ก. ได้ชี้แจงไปแล้วและเข้าใจกันด้วยดี ส่วนการจัดสรรโควตา ครม.จะชัดเจนต่อเมื่อได้นายกฯอย่างเป็นทางการแล้ว หากผลักดันนายพิธาได้สำเร็จจะมีรายละเอียดตามมา ทั้งนี้ การที่นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ตำแหน่งประธานสภาฯจะไม่กระทบกับโควตาใน ครม.ของพรรคประชาชาติ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ปล่อยฟรีโหวตประธานสภาฯจะเป็นโอกาสให้พรรค ภท.มาช่วยโหวตนายกฯให้นายพิธาหรือไม่ นายชัยธวัชตอบว่า ตอบคำถามแทนพรรค ภท.ไม่ได้ลั่นไม่ทำทุกอย่างแลกเป็นรัฐบาลนายชัยธวัชยังให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ของนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ตอนหนึ่งว่า เรื่องนิรโทษกรรมไม่ได้อยู่ในเอ็มโอยู 8 พรรค ไม่ได้เกี่ยวกับการนำนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กลับบ้าน ควรนิรโทษเฉพาะคดีการแสดงออก ทางการเมืองตั้งแต่ปี 2557 หรือปี 2548-2549 ถ้าเราจะบริหารประเทศโดยยังมีโจทย์ยากๆอยู่ ต้องปลดล็อกหลุมดำทางการเมืองให้ได้ ไม่ได้บอกว่าไม่มีใครผิด มีการกระทำผิดตามกฎหมายแต่เกิดขึ้นตามแรงจูงใจทางการเมืองที่มาปะทะกัน ทางออกที่ดีที่สุดคือสมานฉันท์นับหนึ่งใหม่ ไม่ใช่เกิดขึ้นครั้งแรกหลัง 6 ต.ค.19 เคยเกิดขึ้นมาแล้ว เพื่อเป็นประตูบานแรกที่ทุกฝ่ายจะมานั่งคุยกัน การจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค เราจะพยายามเต็มที่ ภายใต้กรอบทิศทางอย่างถูกต้อง คงไม่แลกหรือทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้เป็นรัฐบาล ไม่ได้อยู่ในความคิดของเรา เราทำพรรคอนาคตใหม่มาถึงพรรคก้าวไกลไม่ได้เพื่อชนะเลือกตั้งมาแชร์อำนาจ พรรคเหล่านี้มีเยอะพออยู่แล้ว เราอยากทำพรรคการเมืองสร้างความเปลี่ยนแปลงจริงๆ ถ้าเช่นนั้นไม่ต้องมีพรรคก้าวไกลดีกว่ายืนกรานไม่ถอยแก้ ม.112 ค้ำสถาบันเมื่อถูกถามว่าไม่มีทางถอย ยืนยันจะเสนอแก้กฎหมายมาตรา 112 ถึงแม้ ส.ว.บอกว่าถ้ายุติแก้ 112 อาจยกมือให้นายชัยธวัชตอบว่า เรายังเชื่อว่าการปรับปรุงแก้ 112 ให้ดีขึ้นเป็นประโยชน์ต่อสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ของไทยปัจจุบัน รวมถึงเป็นประโยชน์ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในระยะยาว เพียงแต่ที่ผ่านมาหลายฝ่ายที่คัดค้านรุนแรง อาจไม่เข้าใจเนื้อหาสาระเป็นอย่างไร หรือไม่ได้มองมาตรา112 ในฐานะกฎหมายด้วยซ้ำแต่มองเป็นเชิงสัญลักษณ์การแตะต้อง 112 เท่ากับแตะต้องสถาบัน ถ้ามีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันจะเข้าอกเข้าใจกันได้มากขึ้น เรายังยืนยันการที่จะธำรงรักษาสถาบันไว้ในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ ระยะยาวต้องปรับให้เข้ากับยุคสมัย ที่สำคัญการทำให้องค์พระมหากษัตริย์หรือสถาบันเป็นที่เคารพสักการะ ต้องทำให้ออกจากความขัดแย้งทางการเมือง อันนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด จริงๆพรรค ก.ก.เสนอนโยบายกฎหมายเยอะมาก แต่สื่อถามแต่มาตรา 112 และฝ่ายต้องการนำมาโจมตียกมาถกเถียงให้พรรค ก.ก.สูญเสียความนิยม เราไม่ได้มีวาระมาตรา 112 เรื่องเดียวtt tt“ชลน่าน” แจงไม่ได้ปรี๊ดแตกแค่ถามนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการกรรมกรข่าว คุยนอกจอ ถึงกรณีมีรายงานว่า นพ.ชลน่านโมโหหนักกลางสภาฯที่นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ไม่ยอมเสนอชื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงรายจากพรรค พท. เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 2 ทำให้นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส. บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค ต้องเดินมาขอโทษ เพราะเกิดจากการเข้าใจผิด โดย นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพียงแค่สื่อสารผิดพลาด ที่พรรค ก.ก.ไม่เสนอนายพิเชษฐ์ ยืนยันว่าไม่มีประเด็นอะไร ไม่อยากให้เรื่องเล็กน้อยเป็นประเด็น แล้วคนเอาไปขยายความ แค่ไปถามว่าเป็นอย่างไร เมื่อรู้ว่ามอบหมายให้พรรคประชาชาติจบไม่มีอะไร ไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร คนเขียนแล้วแต่คนตีความ ไม่อยากให้เป็นประเด็นอะไร ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง พอได้รับคำชี้แจงแล้วไม่มีอะไร“อ้วน” ชี้ถอยคนละก้าวยันหนุน “พิธา”นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค พท.ให้สัมภาษณ์ถึงการทาบทามนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาฯว่าวันที่ 2 ก.ค. ระหว่างแถลงข่าวการประชุม 8 พรรค ได้กระซิบนายวันมูหะมัดนอร์ว่าถ้ารับเป็นประธานสภาฯจะแก้ไขปัญหาได้ ห่วงอย่างเดียวเรื่องสุขภาพ นายวันมูหะมัดนอร์เองตอบรับจากนั้นกลับมาคุยกับคณะกรรมการบริหารพรรคหลายท่านเห็นด้วย แล้วจึงบอกกับนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการ ก.ก.ว่าไม่มีทางเลือกจริงๆ ถ้าทางนี้เป็นทางที่ดีกว่าเรา 2 พรรคเสนอร่วมกันจะเป็นภาพดีที่สุด ไม่ได้คิดอะไรเลย เป็นการถอยคนละก้าว การเสนอทางออกเป็นนายวันมูหะมัดนอร์แบบนี้ ไม่ว่า น.ส.แพทองธาร หรือทางพรรค เห็นตรงกันว่าเป็นทางออกที่ดี และเราพร้อมหนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก.เป็นนายกฯ ทำเพื่อประชาชนเห็นการเปลี่ยนและแก้ไขรัฐธรรมนูญ ความสัมพันธ์ของ 2 พรรคยังคงร่วมมือกัน เพื่อเป้าหมายทางการเมือง ต้องการให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยและได้รัฐบาลประชาธิปไตย มาแก้ปัญหาให้ประชาชนที่รอการเปลี่ยนแปลงอยู่ การตกลงกันไม่ได้จนต้องใช้คนกลาง ทุกอย่างจบลงด้วยดี ยืนยันพรรค พท.จะสนับสนุนพรรค ก.ก.เป็นแกนกลางจัดตั้งรัฐบาล โดยมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ เราจะทำให้ประสบความสำเร็จ และพรรค ก.ก.แสดงความเชื่อมั่นว่าจะทำได้สำเร็จ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นทั้ง 8 พรรคจะหารือกันเพื่อหาทางออกร่วมกันให้ได้ ตอนนี้ประธานสภาฯเรียบร้อยแล้ว ต้องเลือกนายกฯ จากนั้นค่อยฟอร์มรัฐบาล ตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆจะทำคู่ขนานกันไปนายกฯ นำถก ครม. 6 รมต.ลาประชุมเมื่อเวลา 09.00 น.ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีรัฐมนตรีลาประชุม ครม. 6 คน โดยก่อนประชุมนายกฯได้ชมการบรรเลงเพลง อาทิ The Impossible Dream (ความฝันอันสูงสุด) บทเพลงพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร โดยวงดุริยางค์เครื่องลมแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตัวแทนประเทศไทยไปจัดแสดงคอนเสิร์ตในงาน Bandmasters Association Annual Convention/Clinic ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจ่อทูลเกล้าฯ ปธ.-รอง ปธ.สภาฯนางณัฐฏ์จารี อนันตศิลป์ เลขาธิการ ครม.เปิดเผยว่า สภาฯส่งรายชื่อประธานสภาฯและ 2 รองประธานสภาฯมายังทำเนียบรัฐบาลแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนนายกฯนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงพยักหน้าเมื่อถูกถามว่าจะนำรายชื่อประธานสภาฯและรองประธานสภาฯขึ้นทูลเกล้าฯได้เมื่อไหร่ ทั้งนี้ขณะที่นายกฯเข้าฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ที่กระทรวงสาธารณสุขมาให้บริการพร้อมบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 นายกฯได้กล่าวทักทายผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มว่า “สวัสดีจ๊ะวันนี้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จ๊ะ” จากนั้นเวลา 12.25 น. นางณัฐฏ์จารีให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่าชื่อประธานสภาฯและรองประธานสภาฯทั้ง 2 คนส่งถึงสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว จากนี้เป็นขั้นตอนสู่กระบวนการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ คาดว่าใช้เวลาไม่นานยิ้มอารมณ์ดีแต่ยังงดจ้อสื่อต่อมาเวลา 11.45 น. หลังการประชุม ครม.พล.อ.ประยุทธ์เดินออกจากตึกสันติไมตรี มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯในฐานะรองหัวหน้าพรรครทสช. และนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม เดินพูดคุยตามขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เดินถึงทางเชื่อมหันมายิ้มทักทายสื่อมวลชน ที่มารอดักสัมภาษณ์ว่า“สวัสดีนะจ๊ะ” แต่ไม่ได้หยุดให้สัมภาษณ์tt ttให้ว่ากันไปอย่าเอาผมไปเกี่ยวการเมืองภายหลังการหารือผู้สื่อข่าวได้ถามรัฐมนตรีว่าจะไปอำลาหรือทำอะไรกัน แต่ไม่มีรัฐมนตรีคนใดตอบได้แต่ยิ้ม ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าที่ไม่ตอบคำถามใดๆ เป็นเพราะผลพวงจากคะแนนเลือกรองประธานสภาฯคนที่ 1 หรือไม่ ทั้ง พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรี ต่างไม่ตอบคำถาม โดย พล.อ.ประยุทธ์หันไปกล่าวกับนายอนุทิน นายชัยวุฒิ นายสุชาติ นายธนกร และนายอิทธิพล ที่เดินขึ้นมาส่งว่า“เรื่องการเมืองพวกคุณว่ากันไป อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้องเลย แต่ขอให้นึกถึงประเทศชาติเป็นหลักนะ” จากนั้นรัฐมนตรีแต่ละคนแยกย้ายกันกลับ มีเพียงนายธนกรที่ขึ้นไปพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ห้องทำงานต่อ 10 นาทีรทสช.รอหารือส่งคนชิงนายกฯนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯและรองหัวหน้าพรรค รทสช.กล่าวถึงการเสนอชื่อชิงรองประธานสภาฯคนที่ 1 เมื่อเลือกนายกฯจะเสนอชื่อแข่งหรือไม่ว่า วันที่ 11 ก.ค. จะประชุมส.ส.พรรค เข้าใจว่าจะพูดคุยกันเรื่องนี้ การเสนอชื่อนายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค รทสช. ชิงรองประธานสภาฯทราบอยู่แล้วเสียงเราสู้เขาไม่ได้ แต่ต้องยืนยันจุดยืนพรรคที่ไม่เห็นด้วยกับพรรคที่มีจุดยืนแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่วนจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกแข่งหรือไม่ครั้งนี้ไม่แน่ แต่ละพรรคจะหารือภายในก่อน และอาจหารือกันนอกรอบกับพรรคร่วมรัฐบาล ต้องมองหลายด้าน ในกติกาเสนอๆได้ จะเสนอหรือไม่ต้องคุยกันก่อนไม่ระแวง ภท.งดออกเสียงรอเสียบ รบ.เมื่อถามต่อว่าขณะนี้มองภาพว่าโอกาสที่พรรครทสช.จะเป็นฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ยังไม่ได้มองตรงนั้น แต่เราพร้อมทำทุกหน้าที่ ดูแล้วมันไม่ง่ายจากที่เราคิด ดูดินฟ้าอากาศอย่างที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) เคยบอก แล้วมันไม่ง่าย เมื่อถามว่าอาจเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้ใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ไม่ทราบแต่กลไกหลายอย่าง แค่ขั้นตอนก็เยอะ และยังมีเรื่องร้องเรียนต่างๆ เหนื่อยเหมือนกัน แต่อยากให้ตั้งรัฐบาลเร็วๆ เป็นกำลังใจให้แล้วกัน เมื่อถามว่า ภท.งดออกเสียง เพื่อสงวนท่าทีรอการจัดตั้งรัฐบาลอะไรบางอย่างใช่หรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า คงไม่ใช่ พรรค ภท.เป็นพรรคร่วมที่เราใกล้ชิดกันมาก นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท. เป็นคนที่เราเชื่อมั่นคุ้นเคยกัน มีความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอด พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค รทสช. เราเข้าใจกัน ขณะเดียวกัน เราไม่ได้ประสานอะไรมาก คุยกันหน้างานเลย ได้เสียงจากบางพรรคมาอาจไม่ครบ แต่บางพรรคครบ ต้องขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่โหวตให้ รวมถึงพรรคประชาธิปัตย์และพรรคชาติไทยพัฒนาผุดวิป รบ.ขั้วเดิมสู้โหวตชิงนายกฯนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเผยว่า ช่วงเดินมากับรัฐมนตรีคุยกันถึงผลโหวตเลือกรองประธานสภาฯคนที่ 1 พรรคขั้วรัฐบาลเดิมไม่ได้ประสานงานกันก่อนโหวต ไม่ใช่เสียงแตก แต่เพราะไม่มีโครงสร้างวิปในสภาฯเลยฉุกละหุก จำเป็นต้องปรับปรุงตั้งวิปรัฐบาลขั้วเดิมขึ้นมา แต่ไม่ต้องเป็นทางการ ทันการโหวตนายกฯแน่นอน พรรคไหนใหญ่ที่สุดจะผู้ประสานวิปพูดคุยกันเอง พล.อ.ประยุทธ์ไม่ลงมายุ่งงานสภาฯเป็นเรื่องพรรคการเมืองคุยกัน ส่วนที่พรรค ภท.งดออกเสียง ไม่ได้ซีเรียส ไม่ได้ประสานงานกันก่อนจะมีมติของขั้วรัฐบาลเดิมออกมา ยืนยันยังรักกันกลมเกลียว ยังไม่ไปไหนยังมัดรวมกันอยู่ 188 เสียง อีกฝั่งมี 312 เสียง ทำให้เห็นภาพเสียงแต่ละฝ่ายเป็นเท่าไหร่ การโหวตนายกฯต้องใช้ 376 เสียง ถ้ามีเสียง 312 เสียงคงไม่พอ เมื่อถามถึงสูตรจัดตั้งรัฐบาลที่พรรค ภท.จับกับพรรค พท.และพรรค พปชร.ให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.เป็นนายกฯและทิ้งพรรค ก.ก. นายชัยวุฒิตอบว่า ไม่ทราบ ยังไม่เคยได้ยินและยังไม่มีพูดคุยtttt ttttttttconst jwplayer1 = jwplayer(“cover_jwplayer_bm5EZCW4”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v2/media/bm5EZCW4” tttt});tttt“ลุงป้อม” ปัดไม่ได้นั่งหลับในสภาฯขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. เข้าร่วมประชุม ครม.ด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลเดิมแตก หลังโหวตชิงรองประธานสภาฯคนที่ 1 คะแนนหาย เมื่อถามว่ามีการนำเสนอภาพ พล.อ.ประวิตรนั่งก้มหน้าในสภาฯจนเกิดเสียงวิจารณ์ว่านั่งหลับ พล.อ.ประวิตรส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า “โธ่เอ๊ย ใครจะไปหลับเล่า ผมก็นั่งของผมอย่างนั้นมาตลอด ไม่เคยหลับ” เมื่อถามถึงกระแสข่าวจะมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร โหวตชิงตำแหน่งนายกฯ รวมถึงเสียงโหวตเลือกรองประธานสภาฯ ที่เสียงแตกจะมีผลต่อการเลือกนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบคำถามนี้ลูกน้องดาหน้าโต้โวยจ้องดิสเครดิตด้าน พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวว่า เสียงวิจารณ์ พล.อ.ประวิตรนั่งหลับไม่เป็นความจริง เป็นภาพท่านกำลังก้มมองดูพื้นและเงยหน้าขึ้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 พรรค พปชร.กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรจะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งหลับ ระหว่างนั่งอยู่ในสภาฯมีแต่คนเดินมาทักทาย ยกมือไหว้ตลอดเวลา ภาพน่าจะเป็นช่วงกำลังขยับเก้าอี้ นั่งไม่พอดีไม่สะดวก จนนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ต้องช่วยขยับอยู่หลายครั้ง ตนนั่งอยู่ใกล้ๆตลอดเวลายังไม่เห็นว่าหลับตอนไหน ด้วยความเป็นผู้ใหญ่นักการเมืองให้ความเคารพ หัวหน้าพรรคการเมืองและ ส.ส.จำนวนมาก เข้ามาทักทายกล่าวต้อนรับ การเผยแพร่รูปไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือมีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น อาจต้องการดิสเครดิตและทำลายภาพลักษณ์ พล.อ.ประวิตร ถือว่าผิดมารยาททางการเมือง ไม่ควรใช้วิธีเช่นนี้“ท็อป” บอกเร็วไปจะพูดเรื่องนายกฯนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตเลือกนายกฯ คงต้องรอดูจะเรียกประชุมรัฐสภาเมื่อไหร่ แล้วจึงมาตัดสินใจว่า ชทพ.จะมีทิศทางโหวตอย่างไร ต้องประชุมหารือกันก่อนช่วงเช้าวันโหวต เมื่อถามว่าจะเป็นมติของชทพ.เอง โดยไม่เกี่ยวข้องกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมใช่หรือไม่ นายวราวุธกล่าวว่า คงเร็วไปที่จะพูด คงต้องรอดูอีกสักพักหนึ่ง“เสรี” ไม่เชื่อ ส.ว.ขอกล้วยแลกโหวตนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.ในฐานะประธานคณะ กมธ.พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ส.ว.กล่าวถึงกระแสข่าวมี ส.ว.บางกลุ่มเรียกรับผลประโยชน์แลกโหวตให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรค ก.ก.เป็นนายกฯว่า ไม่ทราบข้อเท็จจริง ไม่ทราบตัวตนว่า ส.ว.เป็นใคร แต่ไม่เชื่อว่าจะเป็นจริง การซื้อเสียง ส.ว.แลกโหวตไม่ใช่จะเกิดแค่วงเล็กๆ ต้องได้เสียงถึง 60-70 เสียง หากเขาจะซื้อแค่ 10-20 เสียง จะไม่สามารถการันตีว่าจะได้รับเสียงโหวตเพียงพอตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด คือ 376 เสียง ฝั่ง 8 พรรคร่วมรัฐบาลมีเสียง 311 เสียง ยังขาดอีกเกือบ 70 เสียง หากทำจริงเชื่อว่าจะมีการบันทึกหลักฐานไว้ คงไม่ยอมให้การจ่ายผลประโยชน์มูลค่ามหาศาลกันฟรีๆ หรือไร้หลักฐาน ข่าวที่ออกมาไม่เป็นผลดีกับใครยิ่ง ส.ว.เอง คนที่จะโหวตต้องถูกจับจ้องและมองว่ามีผลประโยชน์ หรือเป็นไปตามกระแสข่าวหรือไม่ไม่ยอมแน่ถ้าไม่ถอยแก้ ม.112เมื่อถามว่า ส.ว.จะหารือร่วมกันก่อนวันโหวตนายกฯหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า คงมีการพูดคุยแต่เป็นแบบธรรมชาติและเป็นปกติ สัปดาห์หน้าวันที่ 10-11 ก.ค. ส.ว.จะมีการประชุม หลังจากเปิดสมัยประชุมสภาฯแล้ว เมื่อถามถึงการโหวตนายกฯยังยืนยันจุดยืนเดิมหรือไม่ นายเสรีตอบว่า ไม่ใช่ว่าจะยืนยันจุดเดิมหรือไม่ แต่พรรค ก.ก.และนายพิธาควรแสดงจุดยืน ถ้าไม่ยอมถอยแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จะไม่ถอยเช่นกันtt tt“กิตติศักดิ์” ลั่นไม่โหวต เพราะ ม.112นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.กล่าวถึงทิศทางการลงมติของ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯภายหลังที่ประชุมสภาฯ มีมติให้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ และจะเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งว่า ตำแหน่งประธานรัฐสภาไม่เกี่ยว หรือจะจูงใจให้ ส.ว.เปลี่ยนแปลงในการลงมติได้ แม้ ส.ว.จะมีความยินดี เห็นด้วยสนับสนุนให้นายวันมูหะมัดนอร์ มาทำหน้าที่ประธานรัฐสภา จากความรู้และประสบการณ์ที่ผ่านมา แต่สำหรับการเลือกนายกฯนั้น ก็ยังมั่นใจว่าในวันลงมติจะมีพรรคอื่นเสนอชื่อแข่งมากกว่า 1 พรรค แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะเป็นบุคคลใดที่จะถูกเสนอชื่อแข่ง และมั่นใจได้ว่าจะมีมากกว่า 1 คน 1 พรรคแน่นอน ส่วนตัวยังยืนยันจุดยืนเดิมไม่สามารถสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯได้ เนื่องจากพฤติกรรมและท่าทีหลายเรื่อง รวมทั้งประเด็นที่พรรค ก.ก.ยังคงสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112โหวตคน พท.แต่ต้องสลัดทิ้ง ก.ก.ก่อนเมื่อถามว่าหากมีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือนายเศรษฐา ทวีสิน 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรค พท. นายกิตติศักดิ์ ย้อนถามว่า ยังมีพรรค ก.ก.ร่วมรัฐบาลอยู่หรือไม่ หากมีไม่สนับสนุน แต่หากพรรค พท.สลัดออกจากพรรค ก.ก. พอจะสนับสนุนได้ เพราะ ส.ว.ต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ มั่นใจว่า ส.ว.ส่วนใหญ่คิดเช่นนี้ เมื่อถามว่าหากพรรค พท.สลัดพรรคก.ก.ออกจากสมการจัดตั้งรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านแล้ว แต่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกของพรรค ก.ก.ได้รับเสียงข้างมากจากสภาฯให้เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 จะทำให้เกิดปัญหาการประชุมสภาฯในอนาคตหรือไม่ นายกิตติศักดิ์กล่าวว่า ไม่กระทบแน่นอน ตามหลักการ ประธานสภาฯและรองประธานสภาฯเมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯแล้ว ต้องถอนตัวจากพรรคที่สังกัด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทำหน้าที่ เพราะหากประธานสภาฯหรือรองประธานสภาฯเอนเอียง เชื่อว่าจะไม่สามารถเอาตัวรอดได้ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบและกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่บิดเบือนระเบียบหรือกฎหมาย“อิสระ” ชิ่งไม่ร่วมวงชิง หน.ปชป.เมื่อเวลา 11.15 น. นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ กรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัยพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่วันที่ 9 ก.ค. มีใจความว่า “ตลอดสองสัปดาห์มีข่าวว่าเป็นตัวเต็งหัวหน้าพรรคบ้างม้ามืดบ้าง โซ่ข้อกลางบ้าง ต้องขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆพรรค ปชป.ที่ส่งข้อความ และโทร.มาแสดงการสนับสนุน บางท่านแสดงเจตจำนงขอมาร่วมทีม แต่ขอเรียนว่าไม่มีความประสงค์เป็นหัวหน้าพรรคในการประชุมวันที่ 9 ก.ค. ไม่ประสงค์จะมีตำแหน่งใดๆในคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ไม่ว่าหัวหน้าพรรคจะเป็นใครก็ตาม มีความสุขดีกับการให้เวลากับงานที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ มุ่งหวังจะเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงการเมือง เพื่อส่งเสริมงานนิติบัญญัติและประชาธิปไตยให้ยั่งยืน ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของพรรคเลย ขอส่งกำลังใจให้คนที่อยากเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ สมปรารถนาและขอให้นำพาพรรคสู่ยุคใหม่ที่ดีขึ้น โดยไม่ต้องใช้หรือดึงใครมาเป็นเครื่องมือ”ก๊วน “เสี่ยต่อ” ดัน “ดร.เอ้” ลุ้นเก้าอี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อนรักษาการเลขาธิการพรรคได้นัดคุยกับนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.และประธานคณะทำงานนโยบายกรุงเทพมหานคร ให้มาร่วมลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค หลังได้วางตัวนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา และรักษาการรองหัวหน้าพรรค ลงชิงหัวหน้าพรรค นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช และรักษาการรองเลขาธิการพรรค จะเป็นเลขาธิการพรรค แต่สมาชิกพรรคมองว่ามาจากสายภาคใต้ไม่เหมาะสม นายเฉลิมชัยจึงไปทาบทามนายสุชัชวีร์และขยับนายเดชอิศม์เป็นเลขาธิการพรรคโยกนายชัยชนะไปเป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคใต้ และวางตัว น.ส.วทันยา บุนนาค เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ กทม.แทนนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ที่จะไปเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคภารกิจของพรรคtt ttเจ้าตัวแบ่งรับแบ่งสู้กำลังตัดสินใจนายสุชัชวีร์กล่าวยอมรับว่า มีผู้ใหญ่ในพรรคส่งเทียบมาชักชวนให้ลงสมัครเป็นหัวหน้าพรรคปชป.จริง เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสที่น่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในพรรคได้ แต่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงสมัครหรือไม่ อยู่ระหว่างตัดสินใจ เพราะยังมีเวลาขาดคุณสมบัติแต่เล็งขอยกเว้นนายนริศ ขำนุรักษ์ อดีต ส.ส.พัทลุง ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกที่ไปร่วมเทียบเชิญนายสุชัชวีร์ ในสถานการณ์เช่นนี้จำเป็นต้องมีผู้เข้ามากอบกู้สถานการณ์ ใครที่อาสาเข้ามาตนพร้อมสนับสนุน บุคคลที่ปรากฏชื่อชิงทุกคนเหมาะสมทั้งสิ้น เข้าใจว่านายสุชัชวีร์ติดเรื่องคุณสมบัติตามข้อบังคับ ต้องสังกัดพรรคมาไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่เชื่อว่ายกเว้นข้อบังคับได้ ที่ผ่านมามีการดำเนินการมาแล้ว 2-3 ครั้ง“จ้อน” ขอหยุดล่าชื่อเชียร์หวั่นแตกแยกนายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคและผู้สมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า การประชุมใหญ่พรรค ปชป.วันที่ 9 ก.ค.จะเป็นไปโดยราบรื่น ไม่มีปัญหาในกรอบข้อบังคับและธรรมเนียมปฏิบัติของพรรค หวังว่าจะมีผู้สมัครหัวหน้าพรรคประกาศตัวก่อนวันประชุมใหญ่ให้สมาชิกทราบล่วงหน้าถึงแนวคิดจุดยืนนโยบายแบบตรงไปตรงมาเปิดเผย ขอติติงเรื่องเดียวไม่ควรให้ใครไปล่ารายชื่อแล้วออกแถลงการณ์สนับสนุนคนนั้นคนนี้ ตัวแทนสมาชิกหลายคนอึดอัดใจที่ต้องลงชื่อด้วยความเกรงใจ ถ้าแต่ละคนทำแบบเดียวกันทุกภาค ความแตกแยกแบ่งฝ่ายจะเกิดขึ้น พฤติกรรมแบ่งกลุ่มแบ่งพวกแบบนี้ควรเลิกได้แล้ว เราต้องการเอกภาพ การเปลี่ยนผ่านผู้นำพรรคจะได้ราบรื่นเรียบร้อย พรรค ปชป.ต้องการผู้นำที่มีจุดยืนประชา ธิปไตย มีภาวะผู้นำเข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า มีศักยภาพฟื้นฟูปฏิรูปพรรคและสร้างความเป็นเอกภาพในพรรค ให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองที่แข็งแกร่งในอุดมการณ์และเป็นพรรคทางเลือกหลักของประชาชนอีกครั้งหนึ่งมี 4 ชื่อว่าที่ผู้สมัครชิงผู้นำพรรคผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ผู้มีอำนาจในพรรค ปชป.ให้เจ้าหน้าที่พรรคเตรียมรูปและประวัติบุคคล ได้แก่ 1.นายอลงกรณ์ พลบุตร 2.นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ 3.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค 4.นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจทันสมัยพรรค 5.น.ส.จิตภัสร์ กฤดากร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและรักษาการรองเลขาธิการพรรค และ 6.น.ส.วทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง เพื่อเตรียมพร้อมกรณีมีสมาชิกพรรคเสนอชื่อเข้าชิงหัวหน้าพรรคในที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรค แม้เจ้าตัวจะไม่ประกาศตัวลงแข่งขันเป็นทางการ เมื่อวันที่ 4 ก.ค. น.ส.จิตภัสร์ประกาศผ่านเฟซบุ๊กปฏิเสธเข้าชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ต่อมาวันที่ 5 ก.ค. นายอิสระออกมาปฏิเสธและไม่ขอรับตำแหน่งใดๆใน กก.บห.ชุดใหม่ จึงเหลือชื่อผู้ที่คาดว่าจะถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคปชป.คนใหม่ รวม 4 คนขั้วหนุน “มาร์ค” สู้ขอใช้ 1 สิทธิ 1 เสียงผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ คือนายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรคและนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคและอดีต ส.ส.พรรคทั้งที่ยังเป็นสมาชิกพรรค และอดีตสมาชิกพรรคบางส่วนที่ลาออกไปแล้ว ยังส่งกำลังใจและพยามยามผลักดันเสนอชื่อให้นายอภิสิทธิ์กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค ล่าสุดมีการเคลื่อนไหวของตัวแทนสาขาพรรคทั้งในภาคอีสานและภาคเหนือ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้พรรคมีเอกภาพ และพยายามขอให้ยกเว้นข้อบังคับพรรคที่ให้สิทธิ ส.ส.ปัจจุบันที่มีสัดส่วนการโหวตที่เสียงร้อยละ 70 ขณะที่สมาชิกพรรคธรรมดาและอดีต ส.ส.มีสัดส่วนน้ำหนักการโหวตลงคะแนนที่ร้อยละ 30 ให้ทุกเสียงมีค่าเท่ากันที่ 1 สิทธิ 1 เสียงครม.ไฟเขียว 19 ล้านหนุน กกต.น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการจัดสรรงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอ เพื่อใช้จ่ายควบคุมการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. (เพิ่มเติม) รวม 19.96 ล้านบาท ของหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่ร่วมดำเนินการ 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) 10.50 ล้านบาท และบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) 9.45 ล้านบาท และ ครม.ยังอนุมัติงบประมาณรายจ่ายงบกลางฯ 17.38 ล้านบาท ตามที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (สำนักงาน กสม.) ขอรับการจัดสรรตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญมาตรา 169 (3) และเมื่อ กกต.ให้ความเห็นชอบแล้วสำนักงบประมาณจึงจะสามารถจัดสรรงบฯให้ได้ต่อไปtt ttเปิดเซฟ “พิธา” ยังครองหุ้นไอทีวีวันเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีการพ้นตำแหน่ง ส.ส. อาทิ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กรณีการพ้นตำแหน่ง ส.ส. เมื่อวันที่ 20 มี.ค.66 โดยนายพิธาแจ้งสถานะการหย่า เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.62 มีทรัพย์สิน 85,023,720 บาท หนี้สิน 20,740,176 บาท เมื่อเทียบกับบัญชีทรัพย์สินฯกรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.62 แจ้งว่า มีทรัพย์สิน 137,785,190 บาท ลดลง 52,761,470 บาท ในส่วนรายการเงินลงทุน นายพิธายังคงแจ้งถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) 42,000 หุ้น มูลค่า 44,100 บาท อยู่ ระบุมีสถานะเป็นผู้จัดการมรดก ตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ คดีหมายเลขแดงที่ 1860/2550 โดยยังไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ถึงการโอนหุ้นไอทีวีให้กับทายาท เมื่อปลายเดือน พ.ค.66 ทั้งๆที่ขอขยายเวลายื่นต่อ ป.ป.ช.ไปจนวันสุดท้าย 18 มิ.ย.66“เฮ้ง” หนี้อ่วม “รัตนเศรษฐ”รวยไร้หนี้นอกจากนี้ นายสุชาติ ชมกลิ่น อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งมีทรัพย์สิน 740, 218,072 บาท เป็นของนายสุชาติ 123,928,932 บาท เป็นของ น.ส.วิมลจิต อรินทมะพงษ์ คู่สมรส 445,238,385 บาท และทรัพย์สินบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ 171,050,755 บาท มีหนี้สิน 342,701,583 บาท เป็นหนี้สินของนายสุชาติ 301,862,412 บาท ของนางวิมลจิต 40,839,170 บาท นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีต ส.ส.พรรค พปชร.มี 87,055,695 บาท เป็นของนายสมศักดิ์ 32,934,089 บาท ของนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน คู่สมรส 54,121,605 บาท มีหนี้สิน 20 ล้านบาท นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต ส.ส.พรรค ก.ก.มี 8,325,077 บาท นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ อดีต ส.ส.พรรค ก.ก.มี 402,520,543 บาท นายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.พรรค พปชร.มี 83,005,004 บาท นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส. นครราชสีมา พรรค พปชร. มี 188,736,644 บาท ไม่มีหนี้สิน นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรค พปชร. มี 231,130,597 บาท นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ น้องภริยานายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรค พปชร.มี 206,212,943 บาท ไม่มีหนี้สินสั่ง “พิธา” ยื่นรายละเอียด ผจก.มรดกนายวัฒนชัย ส้มมี ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช.กล่าวถึงบัญชีทรัพย์สินของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ก.ก. กรณีการถือหุ้นบริษัทไอทีวีว่า ป.ป.ช.มีเอกสารที่นายพิธายื่นประกอบเพิ่มเติมหากสื่อมวลชนหรือประชาชนต้องการตรวจสอบทำหนังสือยื่นเข้ามาได้ ส่วนที่นายพิธาระบุว่าเป็นผู้จัดการมรดกหุ้นไอทีวีนั้น ป.ป.ช. ได้ขอเอกสารที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกไปแล้วเพราะอยากได้รายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง นายพิธายื่นเพียงคำสั่งศาลเท่านั้น รวมถึงรายการที่นายพิธาได้ยื่นต่อศาลไว้ด้วย โดยนายพิธาขอขยายเวลา 30 วันครบกำหนดในวันที่ 23 ก.ค. หาก ป.ป.ช.ได้รับเอกสารแล้วจะตรวจสอบอย่างละเอียด ส่วนกรณีการขายที่ดิน 14 ไร่ ใน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ของนายพิธา ที่สลักหลังว่าได้ทำการขาย แต่ไม่ได้ระบุวงเงินซื้อขาย ป.ป.ช.ขอเวลาตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน ขณะที่ ส.ส.ชุดใหม่จะเริ่มนับวันแรกในการยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. ตามกฎหมายกำหนดในระยะเวลา 60 วัน ครบกำหนดในวันที่ 2 ก.ย.66 ขอขยายเวลาได้อีก 60 วันม็อบ “หยุดเอเปก” ฟ้องเอาผิด ตร.เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ นายพายุ บุญโสภณ และผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 รวม 19 คน พร้อมทนายความมายื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ผบ.ตร. รองผบช.น.ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 (ผบก.น.1) ผบก.น.6 ผู้บังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน และ ผกก.สน.สำราญราษฎร์ ต่อศาลปกครองกลาง ข้อหาร่วมกันละเมิดเสรีภาพการชุมนุมและใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้ชุมนุม กรณีสลายการชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุด APEC 2022 บริเวณลานคนเมืองและถนนดินสอ กทม. เมื่อวันที่ 18 พ.ย.65 พร้อมขอให้ศาลมีคำพิพากษาให้ ตร.ชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 19 คน รวม 12,499,891 บาท เพื่อชดเชย เยียวยาความเสียหายและปกป้องคุ้มครองสิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญของประชาชนผู้ชุมนุม วางบรรทัดฐานที่ดีแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานเจ้าหน้าที่รัฐในการรับรองคุ้มครอง และเคารพต่อเสรีภาพการชุมนุม โดยสงบปราศจากอาวุธทุกกลุ่มต่อไป