


“จตุพร” ฟันธง หาก “พิธา” โหวตนายกฯ ไม่ผ่าน พรรคก้าวไกลมีโอกาสถูกเพื่อไทยทิ้งให้เป็นฝ่ายค้านแน่นอน ชี้ การช่วยเต็มที่แบบนี้เรียกกะล่อน มีนัยแอบแฝงรอคิวแคนดิเดตพรรคตัวเองเป็นผู้นำรัฐบาลวันที่ 8 กรกฎาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ถึงเลือด?” โดยมองว่า การที่พรรคก้าวไกลนัดขอบคุณประชาชนที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ อาจเป็นเพราะโอกาสของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สวยงาม หรือไม่มีเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มาหนุนช่วยให้ผ่านฉลุยตามความมั่นใจที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้ ส่วนสถานการณ์ในขณะนี้และต่อไป เรามาพูดเพื่อบอกว่าอย่าให้ถึงเลือดกันเลยส่วนที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประกาศว่าได้เสียง ส.ว.ครบแล้ว ถ้าเชื่ออย่างนั้นตนก็ยินดีด้วย ดังนั้น การนัดชุมนุมขอบคุณประชาชนก็ควรไปฉลองชัยล่วงหน้ากันได้เลย ซึ่งใครจะเชื่ออย่างไรก็ควรใช้ความสุขเช่นนั้นได้อย่างเต็มที่tt ttจตุพร พรหมพันธุ์นายจตุพร ยังประเมินว่า ในทางการเมืองแล้วถ้าเส้นทางเลือก นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี สวยงาม ราบรื่นดีหมด และ ส.ว. พร้อมหนุนช่วยตามคำประกาศได้เสียงครบ 376 คงไม่มีปัญหาอะไร และอาจไม่มีนัดขอบคุณประชาชนในวันที่ 9 กรกฎาคม แต่เมื่อพรรคก้าวไกลนัดชุมนุมจึงมีความหมายอีกด้านหนึ่ง แสดงถึงการไม่เชื่อว่าการเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ จะราบรื่นและผ่านฉลุย“การนัดหมายชุมนุม 9 กรกฎาคม เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มถึงเลือด เนื่องจากการโหวตนายกฯ จะไม่เรียบร้อย และสิ่งสำคัญ จะนำแนวโน้มไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดคิด ดังนั้นถ้านายพิธา เมื่อมีความหวังแต่ไม่สมหวัง โดยไม่ผ่านการโหวตยกแรกในวันที่ 13 กรกฎาคมแล้ว จะเป็นเรื่องใหญ่ หากมีการชุมนุมแบบไร้แกนนำหลังการโหวตรอบแรกแล้ว ย่อมเป็นเรื่องน่าห่วงอย่างยิ่งกับการถึงเลือด”ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกปากตอกย้ำช่วยและหนุน นายพิธา ให้เป็นนายกรัฐมนตรีเต็มที่ นายจุตพร ระบุว่า คำพูดของพรรคเพื่อไทยฟังดูรื่นหู แต่กลับแอบแฝงและมีนัยการเมืองซ่อนเร้นเพื่อรอคิวแคนดิเดตพรรคตัวเองจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี หรือแต่งตัวรอย้ายข้ามขั้วไปดึงบางพรรคจากฝ่าย 188 เสียงมาตั้งรัฐบาลดังนั้น การชุมนุมจึงเป็นการกดดันชัดเจน หากนายพิธา ได้เสียงจาก ส.ว.ครบถ้วน คงไม่มีใครนัดจัดชุมนุมกันเช่นนี้ เพราะจะนิ่งสงบรอผลโหวตวันที่ 13 กรกฎาคม แต่นัดชุมนุมจึงสะท้อนถึงความไม่มั่นใจ และแสดงถึงมีโอกาสมีเป็น 0% จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเสียงจาก ส.ว. มีไม่ครบ 65 เสียงตามความต้องการขณะเดียวกัน นายจตุพร เชื่อว่าวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ การนัดโหวตนายกรัฐมนตรีรอบแรก นายพิธา จะไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ 376 เสียงชัดเจน แต่ยังมีโอกาสในสภาได้อีกครั้งในวันที่ 19 กรกฎาคม ซึ่งเวลาห่างกัน 1 สัปดาห์ ช่วงเวลาแบบนี้น่าหวาดหวั่นยิ่ง อาจจะไม่ได้โหวตอะไรเลยก็ได้ เพราะมวลชนจะลุกลาม จนจะเข้าสภาไปโหวตในรอบสองต่อไปได้หรือไม่ tt ttพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ทั้งนี้ เชื่อว่า ทางที่โหวตไม่ได้จะเป็นนายกรัฐมนตรี คือทางใหญ่ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยสำแดงอาการรอ โดยได้พยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้ว แต่เป็นการช่วยเพื่อแต่งตัวรอสถานการณ์ เพราะหากมีความจริงใจทำไมไม่ยอมยกให้ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรให้กับพรรคก้าวไกล การบอกช่วยเต็มที่แบบนี้เรียกว่ากะล่อน เพราะรู้อยู่แล้วว่าพรรคก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้น ใครออกแบบย้ายขั้วสลับข้างกันให้คิดดีๆ“หากนายพิธา โหวตไม่ผ่านได้เป็นนายกฯ แล้ว มีโอกาสที่จะถูกเพื่อไทยทิ้งให้เป็นฝ่ายค้านแน่นอน เพราะก้าวไกลเป็นสิ่งแปลกปลอมของนักการเมืองทุกพรรค แต่ปัญหาจะเกิดคือ มวลชนลงเต็มถนน แบบไร้การจัดตั้ง ไม่มีแกนนำ ความวุ่นวายจึงน่าวิตกกังวล และประเมินว่า การเลือกนายกฯ ที่จะเริ่ม 13 กรกฎาคมนี้ พฤติกรรมกะล่อนของพรรคเพื่อไทยจะพยายามออกแบบเหมือนการจัดวางตำแหน่งประธานสภาฯ คือ ทำอย่างไรก็ตามต้องไม่ให้ก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภาฯ ดังนั้น การเลือกนายกฯ ยอมไม่แตกต่างกัน ต้องออกแบบการหนุนช่วยเต็มที่โดยผลลัพธ์จะออกมาเป็นนายพิธาต้องไม่ได้เป็นนายกฯ เท่านั้น แต่ที่สุดจะไม่ง่ายเหมือนการเลือกประธานสภาฯ”สำหรับการพิสูจน์พฤติกรรมของพรรคเพื่อไทยจะเกิดขึ้นในวันที่ 13 กรกฎาคม เมื่อนายพิธา ไม่ผ่านก็มีโอกาสโหวตอีกรอบในวันที่ 19 กรกฎาคม หากไม่ผ่านอีกก็จะเห็นสันดานและธาตุแท้ของพรรคเพื่อไทย ที่อ้างไฟเขียวและความจำเป็นที่ต้องทิ้งพรรคก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน อีกทั้ง นายจตุพร มั่นใจว่า ในทางการเมืองเมื่อแต่ละฝ่ายยังดำรงความมุ่งหมายของตัวเองไว้แล้ว ย่อมส่อแนวโน้มจะเกิดเลือดนองท้องช้าง แล้วความมุ่งหมายของทุกฝ่ายจะไม่ได้อะไรเลย พวกออกแบบเกมย้ายขั้วจึงต้องเตรียมจิตใจไว้ด้วย เพราะอาจจะไม่เป็นไปตามที่คิด และเมื่อ 13 กรกฎาคม โหวตไม่ผ่าน แล้วรอบ 2 จะได้โหวตหรือไม่ ซึ่งสัญญาณมวลชนนอกสภาแรงมาก ดังนั้น เกมนี้ที่เล่นกันอยู่ ท้ายสุดอาจไม่มีใครได้เป็นนายกฯ เลย.