


ชาวสวนผักที่บ้านบึงใคร่นุ่น อ.เมือง โอดช่วงนี้ขอนแก่นฝนตกบ่อย ทำให้ผักกะเพราที่ปลูกในสวนผลิใบออกเยอะกว่าปกติ ทำให้ราคาตกอย่างมากในขณะนี้ จากปกติถุงละ 100 บาท เหลือแค่ 50 บาท ขณะที่บ้านบึงสวางค์ ชาวสวนกำลังเริ่มปลูกบวบงู แต่ยังหวั่นเจอน้ำท่วมเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ก.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านบึงใคร่นุ่น ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักรายใหญ่ของ จ.ขอนแก่น หลังพบว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดฝนตกลงมาที่ จ.ขอนแก่น อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเขต อ.เมือง ทำให้ผักกะเพราผลิใบออกเยอะกว่าปกติ จึงทำให้ราคาตกอย่างมากในขณะนี้ ขณะที่เกษตรกรบ้านบึงสวางค์ ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น กำลังเร่งเตรียมแปลงปลูกบวบงู เพื่อให้ทันต่อช่วงหน้าฝนที่กำลังจะมาถึงนางระบล เดชแพง อายุ 68 ปี เกษตรกรผู้ปลูกผักกะเพรา บ้านบึงใคร่นุ่น กล่าวว่า กะเพราปลูกไม่ยาก ในช่วงฝนตกที่ผ่านมาออกใบเยอะมาก จึงทำให้ราคาตกลงมาแบบครึ่งต่อครึ่ง ซึ่งก่อนหน้านี้ถุงละ 25 กำ ราคาขายส่งอยู่ที่ 100 บาท แต่สัปดาห์นี้ถุงละ 25 กำ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 50 บาท ซึ่งสาเหตุที่ราคาถูกในช่วงนี้ เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดเป็นจำนวนมากtt tt”ช่วงเดือน มี.ค.-พ.ค. ช่วงนั้นราคาจะสูง เพราะผลผลิตออกน้อย แต่ความต้องการเท่าเดิม จึงทำให้ราคาช่วงนั้นดีมาก และปลูกขายไม่ทัน เพราะกะเพราเป็นผักที่ทุกร้านอาหารนำไปประกอบอาหารเป็นอาหารจานหลัก ซึ่งเกษตรกรจะมองว่าผักกะเพราเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของผักภาคอีสานที่ขาดไม่ได้ ซึ่งที่สวนจะมีพ่อค้า แม่ค้า จากค้าส่งผักรายใหญ่ของภาคอีสาน มารับถึงแปลงเป็นประจำ และมียอดสั่งซื้อผักแบบหมุนเวียนไปตามฤดูกาล ทำให้ครอบครัวต้องเตรียมแปลงเพาะปลูกผักตามฤดูกาลกันตลอดทั้งปี” เกษตรกรผู้ปลูกผักกะเพรา บ้านบึงใคร่นุ่น กล่าวtt ttขณะที่ นายบุญ แก้วสวนจิก อายุ 62 ปี ชาวบ้าน ม.5 บ้านบึงสวางค์ ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ปีนี้ราคาพริกค่อนข้างจะดีกว่าปีที่ผ่านๆ มา เพราะมีการปรับขึ้นปรับลง และขณะนี้ได้เตรียมแปลงไว้ปลูกบวบงู บนพื้นที่ประมาณ 2 งาน แต่ก็ห่วงว่าปีนี้น้ำจะท่วมเหมือนปีที่ผ่านมา แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ขึ้นอยู่กับฝนและน้ำที่จะปล่อยมาจาก จ.ชัยภูมิ และ จ.หนองบัวลำภูชาวสวนผักที่บ้านบึงสวางค์ กล่าวด้วยว่า หมู่บ้านของเราเป็นพื้นที่รับน้ำ ทุกวันนี้ชาวบ้านก็ทำการเกษตรแบบเสี่ยงๆ ทุกครั้งที่ปลูกเสร็จน้ำก็จะท่วม แต่การปลูกผักของชุมชนของเราเป็นอาชีพทำเลี้ยงครอบครัว ไม่ว่าจะฝนดีหรือไม่ดี ท่วมหรือไม่ท่วม ก็ต้องทำอาชีพนี้เหมือนเดิม ขณะที่การเยียวยาขึ้นอยู่กับมาตรการของทางรัฐบาล แม้จะไม่คุ้มค่าที่ลงทุนไป แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรกลับคืนมาเลย.