

“จตุพร” ชี้ หากก้าวไกล มั่นใจ “พิธา” ได้เป็นนายกฯ จริง 13 ก.ค. คงไม่นัดขอบคุณประชาชนวันนี้ เสี่ยง”ถึงเลือด” เชื่อโอกาสเป็นนายกฯ เป็น “ศูนย์” เตือน เพื่อไทย คิดออกแบบเกม ยื้อชิงนายกฯ เขี่ยทิ้งก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ระวังสูญเสียครั้งใหญ่ วันที่ 9 ก.ค. 66 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ถึงเลือด?” โดยเชื่อว่า พรรคก้าวไกลนัดขอบคุณประชาชนที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ อาจเป็นเพราะโอกาสของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะได้เป็นนายกฯ ไม่สวยงาม หรือไม่มีเสียง ส.ว.มาหนุนช่วยให้ผ่านฉลุยตามความมั่นใจที่ได้ประกาศก่อนหน้านี้นายจตุพร กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้และต่อไป เรามาพูดเพื่อบอกว่า อย่าให้ถึงเลือดกันเลย ขณะที่ ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ประกาศว่าได้เสียง ส.ว.ครบแล้ว ซึ่งถ้าเชื่ออย่างนั้นตนก็ยินดีด้วย ดังนั้น การนัดชุมนุมขอบคุณประชาชนเวลา 16.30 น. ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ จึงควรไปฉลองชัยล่วงหน้ากันได้เลย อย่างไรก็ตาม ใครจะเชื่ออย่างไรก็ควรใช้ความสุขเช่นนั้นได้อย่างเต็มที่อีกทั้งประเมินว่า ในทางการเมืองแล้ว ถ้าเส้นทางเลือก นายพิธา เป็นนายกฯ สวยงาม ราบรื่นดีหมด และ ส.ว.พร้อมหนุนช่วยตามคำประกาศได้เสียงครบ 376 คงไม่มีปัญหาอะไร และอาจไม่มีนัดขอบคุณประชาชนในวันที่ 9 ก.ค. ด้วย แต่เมื่อพรรคก้าวไกลนัดชุมนุม จึงมีความหมายอีกด้านหนึ่งแสดงถึงไม่เชื่อว่า การเลือกนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะราบรื่น สวยงาม และผ่านฉลุยอีกอย่าง การนัดหมายชุมนุม 9 ก.ค.นั้น เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณแนวโน้มถึงเลือด เนื่องจากการโหวตนายกฯ จะไม่เรียบร้อย และสิ่งสำคัญจะนำแนวโน้มไปสู่เหตุการณ์ไม่คาดคิด ดังนั้น ถ้า นายพิธา เมื่อมีความหวังแต่ไม่สมหวัง โดยไม่ผ่านการโหวตยกแรกในวันที่ 13 ก.ค.แล้ว จะเป็นเรื่องใหญ่ หากมีการชุมนุมแบบไร้แกนนำหลังการโหวตรอบแรกแล้ว ย่อมเป็นเรื่องน่าห่วงอย่างยิ่งกับการถึงเลือดส่วนเพื่อไทยออกปากตอกย้ำช่วยและหนุน นายพิธา ให้เป็นนายกฯ เต็มที่ แต่คำพูดของพรรคเพื่อไทยฟังดูรื่นหู แต่กลับแอบแฝงและมีนัยการเมืองซ่อนเร้น เพื่อรอคิวแคนดิเดตนายกฯ พรรคตัวเองจะได้เป็นนายกฯ หรือแต่งตัวรอย้ายข้ามขั้วไปดึงบางพรรคจากฝ่าย 188 เสียง มาตั้งรัฐบาล“ดังนั้น การชุมนุมจึงเป็นการกดดันชัดเจน หาก นายพิธา ได้เสียงจาก ส.ว.ครบถ้วน คงไม่มีใครนัดจัดชุมนุมกันเช่นนี้ เพราะจะนิ่งสงบรอผลโหวตวันที่ 13 ก.ค. แต่นัดชุมนุมจึงสะท้อนถึงความไม่มั่นใจ และแสดงถึงมีโอกาสเป็นศูนย์เปอร์เซ็นจะได้เป็นนายกฯ เพราะเสียงจาก ส.ว.มีไม่ครบ 65 เสียง ตามความต้องการ”tt ttนายจตุพร เชื่อว่าวันที่ 13 ก.ค.นี้ การนัดโหวตนายกฯ รอบแรก นายพิธา ไม่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ 376 เสียงชัดเจน แต่ยังมีโอกาสในสภาได้อีกครั้งในวันที่ 19 ก.ค. ซึ่งเวลาห่างกันสัปดาห์หนึ่ง ยิ่งช่วงเวลาแบบนี้น่าหวาดหวั่นยิ่ง อาจจะไม่ได้โหวตอะไรเลยก็ได้ เพราะมวลชนจะลุกลาม จนจะเข้าสภาไปโหวตในรอบสองต่อไปได้หรือไม่“การประเมินนั้น เชื่อว่าทางที่โหวตไม่ได้จะเป็นนายกฯ คือ ทางใหญ่ อีกทั้งพรรคเพื่อไทยสำแดงอาการรอ โดยได้พยายามช่วยอย่างเต็มที่แล้ว แต่เป็นการช่วยเพื่อแต่งตัวรอสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม หากมีความจริงใจแล้ว ทำไมไม่ยอมยกให้ตำแหน่งประธานสภากับก้าวไกล การบอกช่วยเต็มที่แบบนี้เรียกว่ากะล่อน เพราะรู้อยู่แล้วว่าก้าวไกลตั้งรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้น ใครออกแบบย้ายขั้ว สลับข้างกัน ให้คิดดีๆ”อีกทั้งย้ำว่า หาก นายพิธา โหวตไม่ผ่านได้เป็นนายกฯ แล้ว โอกาสที่จะถูกเพื่อไทยทิ้งให้เป็นฝ่ายค้านแน่นอน เพราะก้าวไกลเป็นสิ่งแปลกปลอมของนักการเมืองทุกพรรค แต่ปัญหาจะเกิดคือ มวลชนลงเต็มถนนแบบไร้การจัดตั้ง ไม่มีแกนนำ ความวุ่นวายจึงน่าวิตกกังวลรวมทั้งประเมินว่า การเลือกนายกฯ ที่จะเริ่ม 13 ก.ค.นี้ พฤติกรรมกะล่อนของพรรคเพื่อไทยจะพยายามออกแบบเหมือนการจัดวางตำแหน่งประธานสภา คือ ทำอย่างไรก็ตาม ต้องไม่ให้ก้าวไกลได้ตำแหน่งประธานสภา ดังนั้น การเลือกนายกฯ ยอมไม่แตกต่างกัน ต้องออกแบบการหนุนช่วยเต็มที่ โดยผลลัพธ์จะออกมาเป็น นายพิธา ต้องไม่ได้เป็นนายกฯ เท่านั้น แต่ที่สุดจะไม่ง่ายเหมือนการเลือกประธานสภา“การพิสูจน์พฤติกรรมของเพื่อไทยจะเกิดขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. เมื่อ นายพิธา ไม่ผ่าน ก็มีโอกาสโหวตอีกรอบในวันที่ 19 ก.ค. หากไม่ผ่านอีก ก็จะเห็นสันดานและธาตุแท้ของพรรคเพื่อไทย อ้างไฟเขียวและความจำเป็นที่ต้องทิ้งพรรคก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน”นายจตุพร มั่นใจว่าในทางการเมือง เมื่อแต่ละฝ่ายยังดำรงความมุ่งหมายของตัวเองไว้แล้ว ย่อมส่อแนวโน้มจะเกิดเลือดนองท้องช้าง แล้วความมุ่งหมายของทุกฝ่ายจะไม่ได้อะไรเลย พวกออกแบบเกมย้ายขั้ว จึงต้องเตรียมจิตใจไว้ด้วย เพราะอาจจะไม่เป็นไปตามที่คิด และเมื่อ 13 ก.ค.โหวตไม่ผ่าน แล้วรอบสองจะได้โหวตหรือไม่ ซึ่งสัญญาณมวลชนนอกสภาแรงมาก ดังนั้น เกมนี้ที่เล่นกันอยู่ ท้ายสุดอาจไม่มีใครได้เป็นนายกฯ เลย.