วันอาทิตย์, 3 ธันวาคม 2566

“พิธา” ขอ “ส.ส.-ส.ว.” ตัดสินใจให้ถูกเพื่ออนาคตประเทศ อย่าให้ประชาชนผิดหวัง

“พิธา” หัวหน้าก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ขอ “ส.ส.-ส.ว.” ตัดสินใจให้ถูกเพื่ออนาคตประเทศ อ้อนสมาชิกสภาอย่าทำให้ประชาชนผิดหวัง บอก ถึงเวลาฟ้าเปิด อย่าฝืนธรรมชาติอีกเลยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. 66 ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวปราศรัยว่า ฝนจะตกฟ้าจะร้องประชาชนก็ไม่เคยทิ้งตน และตนจะไม่ทิ้งประชาชนเช่นกัน เรามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้วใช่ไหม เหนื่อยอีกนิดเดียวพวกเราจะถึงเส้นชัยไปด้วยกัน เหลือเวลาอีกเพียง 4 วันเท่านั้นที่จะเป็นเวลาประวัติศาสตร์ ทั่วโลกกำลังจับตาดูพวกเราอยู่ เวลาที่เหลือ 4 วัน เราจะถึงเส้นชัยอย่างแน่นอนtt ttประเทศไทยเป็นของประชาชนทุกคน ไม่ได้เป็นของใคร ในวันที่ 13 ก.ค. จะเป็นการตัดสินใจของนักการเมืองทั้งสภาล่างและสภาสูงที่จะต้องตัดสินใจร่วมกันว่าสภาในอีก 1 ทศวรรษ หรือศตวรรษ ของประเทศไทยจะเป็นแบบไหน ถ้าเราตัดสินใจถูกต้อง ให้โอกาสประเทศไทย เลือกประเทศไทยและอยู่กับอนาคตประเทศไทย จะเจริญไม่เป็นสองรองใครแน่นอน แต่ถ้าเราเลือกผิด ฝืนมติประชาชน ทำให้ความไม่ปกติของการเมืองไทย ในช่วง 10 ปีทีผ่านมา ยังคงไม่ปกติต่อไป ตนไม่รู้ว่าโอกาสทองแบบวันที่ 13 ก.ค.นี้จะมาถึงอีกเมื่อไร การเดินทางของการเมืองเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.ที่พี่น้องทุกคนไปใช้สิทธิ์ ทำให้ตนและพรรคก้าวไกลได้มา 14 ล้านเสียง พรรคเพื่อไทยได้มา 10 ล้านเสียง รวมกับพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลแล้ว มากกว่า 25 ล้านเสียง เพื่อบอกว่าประเทศไทยต้องไม่เหมือนเดิม แต่ 2 เดือนที่ผ่านมา เหมือนเลือกตั้งเสร็จแล้วแต่มันไม่เสร็จเสียที มันเป็นเพราะความไม่ปกติของการเมืองไทย ที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ลบล้างอำนาจประชาชนมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โอกาสนี้จะเป็นการคืนความปกติให้กับการเมืองไทย ดังนั้นไม่ว่าพวกท่านจะมาจากสภาล่าง หรือสภาสูงทั้ง 750 คน มีโอกาสที่จะคืนความปกติให้กับการเมืองไทยให้ประเทศไทยเดินหน้า ให้เราเท่าเทียมกัน และเท่าทันโลกกับเขาเสียทีtt tt“ผมขอส่งข้อความถึงประชาชนว่าถ้าพวกคุณไม่ถอยผมก็ไม่ถอยเช่นกัน ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ถ้าพวกเราร่วมมือกัน ดังนั้น 13 ก.ค.นี้ ผมพร้อมที่จะเป็นนายกฯ ของพวกคุณทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ รุ่นใหญ่ หรืออยู่ตรงไหนของประเทศไทย จะเลือกหรือไม่เลือกผมก็ตาม ขอให้นายกฯ ที่ชื่อพิธาได้รับใช้พวกคุณทุกคน ฝากถึงเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เราทุกคนล้วนเป็นผลลัพธ์จากความอปกติของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผ่านการยุบพรรค การรัฐประหาร นิติสงคราม ไม่ว่าท่านจะเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล สามารถให้โอกาสประเทศไทย คืนความปกติให้กับประชาชนทุกคน ขอว่าอย่าพลาดโอกาสนี้ เพราะประชาชนอาจจะหมดศรัทธาในระบบรัฐสภา หมดศรัทธาในตัวพวกท่าน แล้วจะไม่ให้อภัยพวกเราอีก ขออย่าทำให้ประชาชนต้องผิดหวัง ถึงพี่ๆ เพื่อนๆ สมาชิกวุฒิสภา แม้ว่าที่มาของพวกเราจะแตกต่างกัน แต่เราคือนักการเมืองของประชาชนเหมือนกัน ผมขอแสดงความขอบคุณและชื่นชมทุกท่านที่บอกว่าจะเป็น ส.ว.ที่ลงมติตามรัฐบาลเสียงข้างมาก และจะไม่โหวตสวนมติประชาชนแน่นอน ดังนั้นขอให้ทุกคนในที่นี้ปรบมือดังๆ ยาวๆ ให้กับทั้ง ส.ส.และส.ว. อย่างไรก็ตามที่มาของพวกเราอาจต่างกัน แต่เมื่อตนได้พูดคุยกับพวกเขา ก็ห่วงชาติบ้านเมืองไม่ต่างกันจากผม เขาก็ต้องการให้เศรษฐกิจดีขึ้น ต้องการแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษา การกีฬา ไม่ต่างกัน พวกท่านคืออดีตข้าราชการ อดีตทหาร เป็นคนที่มีประสบการณ์ที่สามารถช่วยประเทศนี้ได้ ดังนั้นเมื่อตนเป็นนายกฯ ก็จะขอทำงานร่วมกันในช่วง 1 ปีสุดท้ายที่เหลือของพวกท่าน ขออนุญาตปรึกษาและทำงานกับ ส.ว. ใน 1 ปีที่เหลือของท่าน เพื่อประชาชนเท่านั้น ไม่มีดีลลับ มีแต่ดีลรัก” นายพิธา กล่าวtt tttt ttนายพิธา กล่าวอีกว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ฝนตกมานานมากพอแล้ว ถึงเวลาฟ้าเปิด อย่าฝืนธรรมชาติอีกเลย เวลาฝนตกมันลงมาที่ดิน และตกทั่วฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้ามันฝืนธรรมชาติ เป็นไปไม่ได้ เราให้ธรรมชาติเป็นธรรมชาติ ให้ระบบเป็นระบบ ตนไม่ใช่นายกฯ ที่สมบูรณ์แบบ แต่ตนจะเป็นนายกฯ ที่ขยันที่สุด ตนขอสัญญากับทุกคนว่าตนมีปัญหาคิดไม่ออกเมื่อไร ก็จะกลับมาที่ถนนและพูดคุยรับฟังประชาชน และขอถวายชีวิตนี้ให้กับประชาชนทั้งประเทศ ตนสัญญากับทุกท่านไม่ได้ว่าการเดินทางของพวกเราจะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง แต่หากมีอุปสรรคขวากหนามไปเรื่อยๆ และตราบใดที่เราเดินอยู่ด้วยกัน รับรองจะคุ้มค่าแน่นอน และในเมื่อตนสารภาพกับทุกคนอย่างนี้แล้วก็ขอเสียงคนที่จะเดินไปพร้อมกับนายกฯ ที่ชื่อพิธาหน่อย เอาให้ดังไปถึงทำเนียบรัฐบาลเลย วันนี้ไม่มีเหน็ดเหนื่อย ไม่มีท้อแท้ ตนเชื่อว่าเมื่อเราร่วมมือกันอะไรก็ไปเป็นไป ถึงเวลาที่ประเทศนี้ต้องขับเคลื่อนไปด้วยความหวัง พอกันทีกับความกลัว วันนี้ทุกอย่างอาจจะมืดมิด แต่ตนสัญญาว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สว่างไสวของพี่น้องประชาชน.tt tttt tt