วันเสาร์, 9 ธันวาคม 2566

กกต.ชงศาลรัฐธรรมนูญปมหุ้นไอทีวี สกัด “พิธา” นายกฯ12 ก.ค.ลุ้นรับ-ไม่รับ (คลิป)

10 ก.ค. 2023
61

ปชป.เล่นกันแรง ชิงธง หน.พรรคคนใหม่ กันสื่อออกนอกห้องหวังได้ฉะกันเต็มที่ กลุ่มเชียร์ “อภิสิทธิ์” เดินเกมล่มองค์ประชุม สกัดขั้ว “เฉลิมชัย-เดชอิศม์” ที่ดัน “นราพัฒน์” ชิงดำ “อลงกรณ์-ดร.เอ้” ถอนตัว “นราพัฒน์” เปรยขอเป็นแค่ 2 ปี ผลักดันวาระ “ประชาธิปัตย์วันเดโมแครต” “ประเสริฐ” ลั่น 8 พรรคร่วมไม่มีแตกแถว โหวต “พิธา” ชื่อเดียวแต่รอถามก้าวไกลจะต้องโหวตกันกี่รอบ “ภูมิธรรม” แย้มขึ้นกับความเป็นจริง ก้าวไกลขอกำลังใจ “ด้อมส้ม” วันเลือกนายกฯ 13 ก.ค. “พิธา” อ้อน ส.ส.-ส.ว.เลือกข้าง ปชต.ไม่ใช่เพื่อตัวเอง รทสช.โต้ไม่คิดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย “ชัยวุฒิ” อวย “ลุงป้อม” เหมาะผู้นำ “สมชาย” แขวะเพื่อน ส.ว.ที่จะโหวตให้ “พิธา” ลืมปิดสวิตช์ตัวเอง “หมออำพล” ไม่สนขอโชว์จุดยืนที่มั่นคงศึกชิงธงผู้นำพรรคประชาธิปัตย์เล่นกันหนัก เดินเกมชิงไหวชิงพริบถึงขั้นกลุ่มผู้สนับสนุนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค รีเทิร์นกลับมา ช่วยฟื้นฟูพรรค ดึงเกมล่มองค์ประชุมสกัดกลุ่มนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาเลขาธิการพรรค ที่พยายามผลักดันนายนราพัฒน์ แก้วทอง ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่tt tt“เสี่ยต่อ” ดัน “นราพัฒน์” ชิงดำเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ กทม. นายชัยชนะ เดชเดโช รักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ประจำปี 2566 ว่า อาจมีม้ามืดที่ยังไม่เป็นข่าวประกาศตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในที่ประชุมวันนี้ มีคุณสมบัติครบถ้วนเป็น ส.ส.หลายสมัย การศึกษาดี เคยทำงานเป็นผู้บริหารประเทศมาแล้ว ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย มีชื่อเสียงและวงศ์ตระกูลดี ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีก๊กมีขั้ว หากมีการรีแบรนด์สร้างความเปลี่ยนแปลงได้ พรรคจะเป็นเอกภาพมากขึ้น อาจเป็นนิมิตหมายที่ดีที่หัวหน้าอยู่ภาคหนึ่ง เลขาธิการพรรคอยู่ภาคหนึ่ง เป็นสิงห์เหนือมาเจอเสือใต้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อดีต ส.ส.ภาคเหนือหลายสมัย และไม่มีชื่ออยู่ในข่าวคือนายนราพัฒน์ แก้วทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคดูแลพื้นที่ภาคเหนือ อดีตกรรมการผู้ช่วย รมต.ประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.พิจิตร ที่มีนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค ให้การสนับสนุน“จ้อน” ถอนตัวไม่ร่วมประชุมขณะที่นายอลงกรณ์ พลบุตร รักษาการรองหัวหน้าพรรคและผู้สมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ส่งข้อความผ่านกลุ่มไลน์สื่อมวลชน และห้องไลน์กลุ่ม ส.ส.และอดีต ส.ส.ที่มีสมาชิกในห้อง 146 คน ขออภัยที่ไม่ได้ไปร่วมประชุม แต่ขอให้สมาชิกพรรคทุกคนร่วมแรงร่วมใจฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ของเรา ขอให้หันหน้าพูดคุยกันฉันพี่น้องให้เกียรติกัน ร่วมกันขับเคลื่อนพรรคด้วยอุดมการณ์สู่เป้าหมายเดียวกัน นั่นคือการยืนหยัดในจุดยืนประชาธิปไตยด้วยความซื่อสัตย์สุจริต วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการก้าวใหม่ของตัวเอง และโอกาสใหม่จากประชาชน หัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องมีจุดยืนประชาธิปไตย มีความซื่อสัตย์สุจริต มีภาวะผู้นำที่เข้มแข็ง มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า สามารถสร้างพลังความเป็นเอกภาพฟื้นฟูปฏิรูปพรรค อย่าให้ซ้ำรอยปี 2561“ดร.เอ้” ย้ำชัดไม่ลงชิงหัวหน้านายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ยืนยันไม่ลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคอย่างเด็ดขาด เมื่อถามว่าม้ามืดที่จะชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคมองว่าเป็นใคร นายสุชัชวีร์ตอบว่า ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ เพราะมีหลายคนเข้าชิง อาจมีผู้สมัครเพิ่มเติมก็ได้ ส่วนคุณสมบัติที่เหมาะจะเป็นหัวหน้าพรรค ต้องเป็นผู้นำพาพรรคไปสู่การเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าทุกคนคิดเรื่องนี้ขาใหญ่ ปชป.มากันพร้อมหน้าต่อมาเวลา 09.00 น. เริ่มมีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2566 เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ (กก.บห.) มีบรรดาแกนนำพรรคเข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง อาทิ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค รวมถึง ส.ส.และสมาชิกพรรค ทั้งนี้ นางนวลพรรณ ล่ำซำ หรือมาดามแป้ง ผู้จัดการทีมชาติไทย มาพร้อมนายโพธิพงษ์ ล่ำซำ บิดา ที่เป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวสั้นๆว่า “คุณพ่อเป็นโหวตเตอร์” ขณะที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ที่มีชื่อได้รับการสนับสนุนจากหลายกลุ่มในพรรค ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์โดยกล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆก่อนเข้าประชุมว่า ขอให้รอในที่ประชุม จะพูดในที่ประชุม“จุรินทร์” ฝัน ปชป.กลับมายิ่งใหญ่เมื่อเริ่มเข้าสู่วาระการประชุม ที่มีองค์ประชุมจำนวน 299 คน ครบตามกฎหมายและข้อบังคับพรรค เป็นที่น่าสังเกตว่ามีสมาชิกระดับอาวุโสหลายคนเข้าร่วมประชุมด้วย อาทิ นายโพธิพงษ์ ล่ำซำ นายพิเชษฐ์ พันวิชาติกุล นายนิพนธ์ ธาราภูมิ นายไพฑูรย์ แก้วทอง เป็นต้น นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค กล่าวเปิดประชุมว่า เชื่อว่าพรรคจะกลับมายิ่งใหญ่ได้อีก ขอบคุณหลายคนที่ล่มหัวจมท้ายฟันฝ่าอุปสรรคมาถึงขณะนี้ หลังเลือกตั้งมีโอกาสพบกับหลายๆคน หลายคนมาขอโทษที่ไม่สามารถนำชัยชนะมาสู่พรรคได้ และมาให้กำลังใจก็ขอให้ทุกคนสู้ต่อไปอย่าท้อถอย ท่ามกลางวิกฤติย่อมมีโอกาสเสมอ ขอให้ช่วยกันเป็นกำลังสำคัญให้กับพรรคต่อไป “ฝาก กก.บห.ชุดใหม่นำพรรคไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน เปิดโอกาสให้คนทุกรุ่นนำพาพรรคเดินหน้าไปสู่การเป็นสถาบันทางการเมือง ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขสืบไป”tt ttห้ามสื่อเกาะติดหวังฉะกันเต็มที่ด้านนายสาธิต ปิตุเตชะ รักษาการรองหัวหน้าพรรค ลุกขึ้นหารือพร้อมเสนอญัตติขอยกเลิกข้อบังคับพรรคที่ 87 (สัดส่วนผลคะแนนโหวต 70% ของ ส.ส. และ 30% ของสมาชิกพรรค 19 กลุ่ม) หรือรอให้มี กกต.พรรคก่อน ขณะที่นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม. เสนอให้สื่อมวลชนออกจากห้องประชุมเพื่อจะได้พูดคุยกันอย่างเต็มที่ว่าพรรคควรเดินไปอย่างไร เพราะอาจมีการสื่อสารที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง การพูดของเรามีเวลาจำกัด อาจทำให้การสื่อสารไปยังบุคคลภายนอกผิดพลาดได้ ขอเชิญสื่อมวลชนออกนอกห้องประชุม นายจุรินทร์จึงประกาศเชิญสื่อมวลชน และผู้ไม่เกี่ยวข้องออกจากที่ประชุม ทั้งนี้การเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่เคยเชิญสื่อออกจากห้องประชุม ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ไม่อนุญาตให้สื่อร่วมอยู่ทำข่าว18 ส.ส.ขั้ว “เสี่ยต่อ” ตีตกญัตติสำหรับบรรยากาศภายในห้องประชุมทางพรรคจัดที่นั่งให้นายอภิสิทธิ์นั่งรวมกับอดีตหัวหน้าพรรคติดกับนายจุรินทร์ แต่นายอภิสิทธิ์กลับไปนั่งในส่วนของสมาชิกใกล้กับนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายอภิสิทธิ์กล่าวทักทายบรรดาสมาชิกพรรคในห้องประชุม และทักทายพูดคุยกับนายเฉลิมชัยด้วย ขณะที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ในขั้วนายเฉลิมชัย และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรค จับกลุ่มนั่งอยู่แถวหน้าปีกซ้าย ส่วน ส.ส.ใน กลุ่มที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ที่มีน้อยกว่า กระจายตัวนั่งอยู่ 2 แถวหน้าที่พรรคจัดให้ ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาถกเถียงปมญัตติของนายสาธิตนานกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรค เสนอญัตติขอใช้เสียง 3 ใน 5 ขององค์ประชุมเท่าที่มีอยู่ เพื่องดเว้นข้อบังคับที่ 37 ให้เลื่อนการประชุมเลือก กก.บห. และหัวหน้าพรรคชุดใหม่ออกไปก่อนเพื่อให้มีการหารือกันภายในพรรค ปรากฏว่าผลการลงคะแนนในญัตติของนายสาธิต ที่ให้งดเว้นข้อบังคับที่ 87 มีเสียงสนับสนุน 147 คะแนน ไม่ถึง 3 ใน 5 ขององค์ประชุม และเป็นที่สังเกตว่าทั้ง 2 ญัตติ ส.ส.ทั้ง 18 คนในขั้วของนายเฉลิมชัย และนายเดชอิศม์ไม่ได้ยกมือโหวตให้ทั้ง 2 ญัตติ ทำให้ญัตติมีอันตกไป“องอาจ” แห้วชงเลื่อนไม่สำเร็จนายองอาจกล่าวว่า สาเหตุที่เสนอญัตติดังกล่าวเพราะเห็นว่าการประชุมตั้งแต่ช่วงเช้าสมาชิกมีการถกเถียงกันมาก มีการกระทบกระทั่งกันตลอด หากยังให้ดำเนินการต่อไปอาจก่อให้เกิดผลกระทบภายในพรรค เพราะจะมีคนแพ้คนชนะ แต่ถ้ามีโอกาสยืดเวลาออกไปเพื่อให้ได้พูดคุยกันก่อน เราจะร่วมกันชนะคนอื่น เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าสมาชิกพรรคบางส่วนอยากให้ชะลอการเลือกหัวหน้าพรรคออกไป เพื่อรอลุ้นโอกาสที่จะได้เข้าร่วมรัฐบาล หากผลสรุปพรรคเป็นฝ่ายค้านก็จะยกตำแหน่งหัวหน้าพรรคให้นายอภิสิทธิ์ไปบริหารจัดการปฏิรูปพรรค นายองอาจตอบว่า ไม่ได้คิดถึงเรื่องรอเป็นรัฐบาล แค่อยากให้พวกเรามีโอกาสพูดคุยให้ตกผลึกมากกว่างัดข้อเล่นเกมล่มองค์ประชุมกระทั่งเวลา 14.15 น. สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทยอยเข้าห้องประชุมเพื่อประชุมต่อในช่วงบ่าย แต่ปรากฏว่ามีสมาชิกอยู่กันบางตา เมื่อมีการประกาศให้ผู้มีสิทธิโหวตยืนยันตัวตน มีอยู่เพียง 221 คน ตามข้อบังคับพรรคต้องมีองค์ประชุมไม่น้อยกว่า 250 คน จึงถือว่าไม่ครบองค์ประชุม ทำให้บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตึงเครียด เพราะยังไม่มีสมาชิกทยอยเข้ามาเพิ่ม ขณะที่นายชัยชนะ เดชเดโช เสนอให้รอองค์ประชุมที่กำลังเดินทางมา ขอให้เลื่อนไปประชุมอีกครั้งเวลา 15.00 น. ต้องให้ความเป็นธรรมกับสมาชิกที่เสียสละเวลามาประชุมในวันนี้ หลายคนมาจากต่างจังหวัด แต่ยังมีหลายคนเดินเข้าออกห้องประชุม มีบางส่วนนั่งอยู่นอกห้องประชุมไม่เข้าร่วมประชุม กระทั่งเวลา 15.00 น. มีการเรียกผู้มีสิทธิเลือกตั้งเข้าห้องประชุมอีกครั้ง และหลังจากนับองค์ประชุม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช กกต.พรรค ปชป. แจ้งว่ามีองค์ประชุมเพียง 201 คน ดังนั้น กกต.พรรคจึงไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ เพราะองค์ประชุมไม่ครบ นายจุรินทร์กล่าวว่า เมื่อองค์ประชุมไม่ครบก็ประชุมไม่ได้ หลังจากนี้ตนและเลขาธิการพรรคจะหารือเพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง และขอยุติการประชุมในเวลา 15.09 น.ขั้ว “มาร์ค” แก้เกมดัน “นราพัฒน์”ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่องค์ประชุมล่ม เพราะสมาชิกส่วนหนึ่งที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์ให้ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค แก้เกมโดยการไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม หลังกลุ่ม ส.ส.ในซีกของนายเดชอิศม์ มีมติยืนยันไม่ให้งดใช้ข้อบังคับพรรคที่ 87 เรื่องสัดส่วนคะแนนโหวต และมีท่าทีสนับสนุนนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ที่ได้รับการสนับสนุนจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ทำให้สมาชิกพรรคหลายคนไม่อยู่ร่วมองค์ประชุม โดยเฉพาะนายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค ที่ให้การสนับสนุนนายอภิสิทธิ์ โดยมีกระแสข่าวว่านายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค จะเป็นผู้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ต่อที่ประชุมด้วยตนเอง แต่นายนราพัฒน์ยืนยันจะลงแข่งขัน สมาชิกพรรคจึงมีความกังวลว่าผลคะแนนที่ออกมาจะไม่เป็นธรรมtt tt“ชวน” ให้ กก.บห.ไปเคลียร์กันนายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชา ธิปัตย์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า โดยสรุปแล้วยังคุย กันไม่เสร็จ หลังจากนี้ต้องถามนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรค เมื่อถามว่าที่เกิดเหตุนี้เพราะพรรคยังไม่เป็นเอกภาพใช่หรือไม่ นายชวนตอบว่า คิดว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น ขั้นตอนหลังจากนี้คงต้องมีการพูดคุยกันใน กก.บห.ชุดรักษาการ“นราพัฒน์” เปรยขอเป็นแค่ 2 ปีนายนราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กก.บห.ชุดรักษาการคงเรียกประชุมก่อนวันที่ 13 ก.ค. เพื่อดำเนินการให้ทันกรอบเวลา 60 วันตามข้อบังคับพรรค หากมีการพูดคุยปรับความเข้าใจกันได้ และพรรคเดินต่อไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นตนก็ได้ เป็นใครก็ได้ที่จะเป็น หัวหน้าพรรคคนใหม่ แต่ถ้าใครเห็นด้วยกับแนวคิดของตนที่จะทำให้พรรคกลับมาเข้มแข็งได้ก็ยินดี ขึ้นอยู่กับสมาชิกจะลงคะแนนให้ เมื่อถามว่าการแสดงจุดยืนแบบนี้แสดงว่าจะไม่ถอยใช่หรือไม่ นายนราพัฒน์ตอบว่า เจตนาอยากเข้ามาบริหารปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรค รวมถึงผนวกผู้อาวุโสกับคนรุ่นใหม่เข้าด้วยกัน คิดว่าอาจอยู่ในตำแหน่ง 1 ปีครึ่ง ไม่เกิน 2 ปี เพื่อคืนอำนาจให้สมาชิกพิจารณาอีกครั้ง แต่หากวันนี้เรายังเป็นแบบนี้ก็ถือว่าแพ้ภัยตัวเอง ฉะนั้นการสื่อสารภายในองค์กรถือเป็นเรื่องที่สำคัญ “วันข้างหน้าหวังว่าพรรคฯจะเป็นพรรควันเดโมแครต หรือวันประชาธิปัตย์ให้ได้ ผมใช้เวลาตัดสินใจระยะหนึ่งเข้ามาเสนอตัวชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค หากได้รับโอกาสผมยินดีจะมาเป็นคนขับเคลื่อนกฎ และร่างข้อบังคับหรือกติกาให้มีความทันสมัยต่อโลก”8 พรรคไม่แตกแถวโหวต “พิธา”ที่พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นัดหารือ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเพื่อเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับการโหวตนายกรัฐมนตรีว่า มีการนัดประชุมในวันที่ 11 ก.ค. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา มีวาระพูดคุยเรื่องการโหวตนายกฯ พร้อมสรุปสถานการณ์ทางการเมือง แต่เข้าใจว่าคงไม่มีการพูดคุยกันถึงกรณีหากไม่สามารถโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกลได้ในครั้งแรก จะโหวตอีกกี่ครั้ง เนื่องจากพรรค ก.ก.มีความมั่นใจว่าโหวตครั้งเดียวผ่าน ขอย้ำว่าฝั่งพรรคร่วมทั้ง 8 พรรค เราจะเสนอชื่อนายพิธาเพียงชื่อเดียวไม่น่ามีพรรคไหนเสนอชื่อแข่งเมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ที่อาจมีการเสนอชื่อแข่ง นายประเสริฐตอบว่า มีการประเมินเรื่องนี้เช่นกัน กำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่ แต่เท่าที่ฟังการให้สัมภาษณ์ของหัวหน้าพรรคต่างๆ ไม่ค่อยเห็นด้วยกับการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ฉะนั้นโอกาสที่จะมีการเสนอแข่งคิดว่ายังไม่น่ามี ต้องติดตามสถานการณ์ของแต่ละพรรคต่อไป เมื่อถามว่าพรรค ก.ก.แจ้ง เบื้องต้นมาแล้วหรือยังว่ามีเสียง ส.ว.ที่จะสนับสนุนนายพิธากี่เสียง นายประเสริฐตอบว่า “ไม่ได้แจ้ง” ในส่วนของพรรคเพื่อไทยจะมีการพูดคุยกับ ส.ส.ในวันที่ 12 ก.ค. หลังประชุมสภาผู้แทนราษฎรเสร็จ เพราะมีหลายวาระที่ต้องหารือกัน เช่น การปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ควรต้องทำอะไรบ้างรอถามก้าวไกลต้องโหวตกี่รอบผู้สื่อข่าวรายงาน ทั้ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยืนยันจะลงมติไปในแนวทางเดียวกัน คือสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกฯเพียงชื่อเดียว ในวงหารือของ 8 พรรคยังไม่มีการคุยถึงแผนสำรองหากนายพิธาไม่ผ่านการโหวตในรอบแรก มีแนวโน้มว่าจะเสนอชื่อนายพิธาอีกในรอบต่อไป แต่เตรียมมีการสอบถามความชัดเจนจากแกนนำพรรคก้าวไกล ว่าจะต้องโหวตกันกี่ครั้งหากไม่ผ่านในครั้งแรก หรือจะให้โหวตนายพิธาไปเรื่อยๆ จนกว่า ส.ว.จะหมดวาระช่วงเดือน พ.ค.2567 หรือไม่ ก็หวังอยากให้ผ่านตั้งแต่รอบแรก จะได้เริ่มทำงาน แต่มีความกังวลหากขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามเสนอชื่อแข่งขัน แต่เชื่อว่าทุกคนจะเคารพเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ส่วนการแบ่งโควตากระทรวง เบื้องต้นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเริ่มมีการเจรจากันบ้างแล้ว ส่วนพรรคขนาดเล็กยังไม่มีความชัดเจน คาดต้องรอโหวตเลือกนายกฯให้เสร็จสิ้นก่อนtt tt“ภูมิธรรม” ชี้ขึ้นกับความเป็นจริงนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เตรียมเรียกประชุม ส.ส.พรรคในวันที่ 12 ก.ค. เพื่อกำหนดแนวทางการโหวตเลือกนายกฯในวันที่ 13 ก.ค. พรรค พท.ยังคงยืนยันหลักการและเจตจำนงที่จะผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้เป็นนายกฯคนที่ 30 อย่างเต็มความสามารถ รวมทั้ง สนับสนุนให้พรรค ก.ก.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส.ส.ของพรรคจะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน คือโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯ ส่วนจะต้องโหวตกี่ครั้งคงต้องขึ้นกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอ้อนเลือกข้าง ปชต.ไม่ใช่ “พิธา”ที่ จ.สุพรรณบุรี เวลา 10.40 น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมายังโรงเรียนอนุบาลวัดป่าเลไลยก์ ขอบคุณประชาชนที่ลงคะแนนสนับสนุนเลือกตั้ง นายพิธากล่าวว่า แม้พรรคก้าวไกลจะไม่ได้ ส.ส.ที่สุพรรณบุรี แต่ขอขอบคุณที่เลือกบัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลเป็นที่หนึ่งของจังหวัด ยืนยันพร้อมเป็นนายกฯของคนสุพรรณบุรีและคนไทยทั้งประเทศ การกลับมาสุพรรณบุรีวันนี้มาในฐานะ หัวหน้าพรรคจัดตั้งรัฐบาล สัญญาว่าเมื่อจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ พร้อมนำทั้ง 8 พรรค แก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนทันที เราอยู่ในระบบที่ไม่ปกติมาเป็นสิบปี ทั้งการทำรัฐประหาร นิติสงคราม การยุบพรรค ขอสื่อสารถึงนักการเมืองทุกคน วันนี้เมื่อประชาชนให้ฉันทามติกับพรรคการเมือง 8 พรรคแล้ว ถ้าเพื่อน ส.ส.ทุกคนบอกว่าพอกันทีกับความอปกติ ท่านไม่ต้องเลือกพิธา แต่ท่านต้องเลือกรัฐบาลที่มาจากประชาชนใช่หรือไม่tttt ttttttttconst jwplayer1 = jwplayer(“cover_jwplayer_k3faZUkZ”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v2/media/k3faZUkZ” tttt});ttttส่งสัญญาณ ส.ส.-ส.ว.สุพรรณฯนายพิธากล่าวอีกว่า ส.ว.หลายคนบอกว่าอยากโหวตเพื่อหลักการ อยากจะโหวตให้รัฐบาลเสียงข้างมากที่มาจากประชาชน ฉะนั้นเราต้องให้กำลังใจกับ ส.ว.ที่มีความกล้าหาญ ที่ออกมาแสดงว่า ประชาชนเลือกอย่างไร ส.ว.ก็เลือกอย่างนั้น ไม่ต้องคิดว่าให้โอกาสนายพิธา แต่ให้โอกาสประเทศไทย เปลี่ยนความผิดปกตินี้ให้กลับมาเป็นความปกติ ส.ว.ที่ยืนอยู่ข้างอนาคตและความถูกต้อง ขอให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาให้ประชาชน อีก 4 วันจะถึงการตัดสินใจในวันที่ 13 ก.ค. จะบอกว่า 10-20 ปีข้างหน้าของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ขอให้ทุกท่านที่รู้จัก ส.ส.สุพรรณบุรี ส.ว.สุพรรณบุรี ช่วยกันพูดกับเขาอย่างมีวุฒิภาวะ ว่าการเลือกครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกนายพิธา ไม่ใช่การเลือกพรรคก้าวไกล แต่คือการเลือกระบอบประชาธิปไตยtttt ttttttttconst jwplayer1 = jwplayer(“cover_jwplayer_VJnTjRod”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v2/media/VJnTjRod” tttt});tttt“ด้อมส้ม” สู้ฝนที่เซ็นทรัลเวิลด์ต่อมาเวลา 16.30 น. ที่ลานหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำและ ส.ส.พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรม “ขอบคุณประชาชนฟังเสียงทุกคนก่อนโหวตนายกฯ” มีแกนนำทยอยเดินทางเข้าร่วม อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ น.ส.สิริลภัส กองตระการ ส.ส.กทม. นอกจากนี้ ยังมี น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า มาร่วมด้วย มีแฟนคลับพรรคก้าวไกลจำนวนมากมาร่วมกิจกรรมดังกล่าว มีบางส่วนต่อคิวรอถ่ายภาพกับ ส.ส.กันอย่างคึกคัก ขณะที่บางส่วนกางร่มจับจองพื้นที่เพื่อรอฟังปราศรัย ท่ามกลางสภาพอากาศเมฆครึ้ม มีฝนตกโปรยปราย โดยนายพิธาจะได้ขึ้นเวทีกล่าวปราศรัยกับพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ“พิธา” ย้ำอีก 13 ก.ค. วาระสำคัญก่อนหน้านี้นายพิธาได้ย้ำผ่านการโพสต์เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ระบุว่า วันที่ 13 ก.ค.นี้ มีวาระ สำคัญที่จะกำหนดทิศทางประเทศ คือการโหวตนายกรัฐมนตรีภายใต้รัฐธรรมนูญ 2560 แม้ผลเลือกตั้งจะออกมาชัดเจนว่าพรรคก้าวไกลได้รับคะแนนมาเป็นอันดับหนึ่ง และเราเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับ 8 พรรค ที่ได้รับฉันทามติจากประชาชนรวม 27 ล้านเสียง หรือ 72% ของผู้ใช้สิทธิเลือกตั้ง แต่เรายังคงต้องรอการตัดสินใจของ ส.ว.“ทิชา” ขอ ส.ว.มีความกล้าหาญขณะที่นายเพชร กรุณพล เทียนสุวรรณ และ น.ส.สิริลภัส กองตระการ “หมิว” เปิดเวทีทักทายและให้ประชาชนมีส่วนร่วมพูดคุยในหัวข้อ “ความหวังและความฝันต่อนายกรัฐมนตรี คนที่ 30” ส่วนใหญ่สนับสนุนนายพิธาให้เป็นนายกฯ คนที่ 30 และบริหารประเทศตามแนวนโยบายของพรรคก้าวไกล ส่วนนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีต ส.ส. กล่าวปราศรัยว่า ตอนนี้มั่นใจ 90% ว่าการโหวตนายกฯ ครั้งแรกนายพิธาจะได้เป็นนายกฯ ขอให้ทุกคนไปเจอกันวันที่ 13 ก.ค. เพื่อให้กำลังใจนายพิธา และ ส.ส.ก้าวไกล เสร็จจากภารกิจส่งนายพิธาเข้าทำเนียบแล้วจะเดินหน้าขับไล่ผู้ชายคนนั้นออกจากบ้านหลวงให้ได้ ต่อมานางทิชา ณ นคร อดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และนักสิทธิมนุษยชนกล่าวปราศรัยว่า ฝากถึง ส.ว.ว่าคุณคือสติและปัญญาของสังคม ที่สำคัญเป็นพิเศษคุณคือเสาหลักของประชาธิปไตย ขอให้ทุกการตัดสินใจของ ส.ว.ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. เป็นการตัดสินใจอย่างกล้าหาญ มีวิสัยทัศน์ ให้คนหนุ่มสาวนำทัพ ให้ระบอบประชาธิปไตยของประเทศนี้เปลี่ยนเป็นประวัติศาสตร์ที่สง่างามมีคุณค่าสำหรับลูกหลานของพวกเราทุกคนหยอดหวาน ส.ว.ทำงานร่วมกันกระทั่งช่วงค่ำ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขึ้นกล่าวปราศรัยท่ามกลางสายฝนว่า ฝนจะตกฟ้าจะร้องประชาชนไม่เคยทิ้ง ตนจะไม่ทิ้งประชาชนเช่นกัน เรามาไกลเกินกว่าจะถอยแล้ว เหนื่อยอีกนิดเดียวพวกเราจะถึงเส้นชัยไปด้วยกัน เหลือเวลาอีกเพียง 4 วันเท่านั้น ทั่วโลกกำลังจับตาดูพวกเราอยู่ ประเทศไทยเป็นของประชาชนทุกคน วันที่ 13 ก.ค. จะเป็นการตัดสินใจของนักการเมืองทั้งสภาล่างและสภาสูง ประเทศไทยจะเป็นแบบไหน ถ้าเราตัดสินใจถูกต้องให้โอกาสประเทศไทย เลือกอยู่กับอนาคตประเทศไทยจะเจริญไม่เป็นสองรองใครแน่นอน แต่ถ้าเราเลือกผิด ฝืนมติประชาชน ทำให้ความไม่ปกติยังคงไม่ปกติต่อไป ไม่รู้ว่าโอกาสทองแบบวันที่ 13 ก.ค.จะมาถึงอีกเมื่อไร “ขอส่งข้อความถึงประชาชนว่าถ้าพวกคุณไม่ถอยผมก็ไม่ถอยเช่นกัน ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ถ้าพวกเราร่วมมือกัน” ขอให้ทุกคนปรบมือดังๆ ยาวๆ ให้กับทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ที่มาของพวกเราอาจต่างกัน แต่เมื่อได้พูดคุยก็ห่วงชาติบ้านเมืองไม่ต่างกัน เมื่อเป็นนายกฯจะขอทำงานร่วมกันในช่วง 1 ปีสุดท้ายที่เหลือ ขออนุญาตปรึกษาและทำงานกับ ส.ว. เพื่อประชาชนเท่านั้น ไม่มีดีลลับ มีแต่ดีลรักtt ttถึงเวลาฟ้าเปิดอย่าฝืนธรรมชาตินายพิธากล่าวอีกว่า ฟ้าหลังฝนย่อมสวยงามเสมอ ฝนตกมานานมากพอแล้ว ถึงเวลาฟ้าเปิดอย่าฝืนธรรมชาติอีกเลย เวลาฝนตกมันลงมาที่ดิน และตกทั่วฟ้า ฝนตกขึ้นฟ้ามันฝืนธรรมชาติเป็นไปไม่ได้ เราให้ธรรมชาติเป็นธรรมชาติ ให้ระบบเป็นระบบ ตนไม่ใช่นายกฯที่สมบูรณ์แบบ แต่จะเป็นนายกฯที่ขยันที่สุด ขอสัญญากับทุกคนว่าจะพูดคุยรับฟังประชาชน และขอถวายชีวิตนี้ให้กับประชาชนทั้งประเทศ วันนี้ไม่มีเหน็ดเหนื่อยไม่มีท้อแท้ เชื่อว่าเมื่อเราร่วมมือกันอะไรก็เป็นไปได้ ถึงเวลาที่ประเทศนี้ต้องขับเคลื่อนไปด้วยความหวัง พอกันทีกับความกลัว วันนี้ทุกอย่างอาจมืดมิด แต่สัญญาว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันที่สว่างไสวของพี่น้องประชาชนรทสช.โต้ไม่คิดตั้ง รบ.ข้างน้อยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงการวิเคราะห์เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค รทสช. จะลงชิงตำแหน่งนายกฯว่า พรรค รทสช.ยืนยันหลายครั้งแล้วว่าไม่มีแนวคิดหรือนโยบายจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นสิ่งที่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้น นักวิชาการที่ไม่มีข้อมูลชัดเจนควรหยุดพูดหรือวิเคราะห์เพื่อจุดประเด็นนี้อีก รทสช.มีอุดมการณ์ชัดเจน แนวทางของผู้บริหารรวมถึงหัวหน้าพรรคในฐานะแคนดิเดตนายกฯ แสดงความชัดเจนว่าไม่ประสงค์จะแข่งชิงตำแหน่งนายกฯ เพราะสร้างความเสียหายต่อประเทศ ทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ แค่จะโหวตร่างกฎหมายก็ไม่ผ่านแล้ว จะบริหารประเทศได้อย่างไร อยากให้นักวิชาการหยุดคิดเรื่องนี้ ทำให้เกิดความสับสนกับประชาชน ไม่ใช่นั่งจินตนาการเอาความคิดตัวเองมาชี้นำ ขอให้หยุดการกระทำ และขอให้ประชาชนหยุดเชื่อการวิเคราะห์ที่ไม่มีหลักฐานเตือน ส.ว.เลือกคนที่ไม่มีชนักนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครทสช. กล่าวว่า มั่นใจว่า ส.ว.ทุกคนมีวิจารณญาณยึดประโยชน์ชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนเป็นที่ตั้ง การจะเลือกใครมาเป็นนายกฯต้องเลือกคนที่ดี มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีข้อกังขาให้สงสัยต้องไปตีความกันอีก ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลยังเคยรณรงค์ปิดสวิตช์ ส.ว.มาแล้ว คงจำกันได้ การมุ่งยกเลิกมาตรา 112 ลดโทษคนที่ทำผิดกลายเป็นแค่มาเสียค่าปรับเป็นการดึงสถาบันลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน ขอถามหน่อยเป็นการปกป้องสถาบันตรงไหน เชื่อแน่ว่าคนไทยรับไม่ได้ รวมไปถึงอีกหลายเรื่องที่แกนนำพรรคก้าวไกลจะดำเนินการ คนไทยรับไม่ได้แน่“ขิง” ย้ำจุดยืนชัดเจนไม่โยงใครนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค รทสช. โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ว่า อาจารย์คนนี้ยังคงพูดจาส่อเจตนาอคติชัดเจน พยายามโยงว่าติดนิสัยพ่อเลี้ยงฯ พูดคลุมเครือหวังให้คนเกิดความรู้สึกเป็นลบ ทั้งที่ชัดเจนมาตลอดว่าเป็นตัวของตัวเอง ทำอะไรขอรับผิดชอบเอง ไม่ต้องไปโยงมั่วๆแบบนี้ ส่วนเรื่องการแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย พรรคได้ยืนยันจุดยืนไปแล้ว พอเถอะ ใช้ตำแหน่ง “อาจารย์” มาสื่อสารวิจารณ์โดยส่อเจตนาให้ร้ายกันแบบนี้ไม่เหมาะสม สื่อหลายรายการที่เชิญท่านไป ไม่ค่อยเปิดโอกาสให้ตนชี้แจงเลย ขอใช้พื้นที่ตรงนี้ชี้แจงก่อนที่สังคมจะถูกชี้นำไปให้เข้าใจผิดมากกว่านี้“ชัยวุฒิ” ชี้ “ลุงป้อม” เหมาะผู้นำนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ชั่วโมงข่าวเสาร์อาทิตย์” ทางไทยพีบีเอส ถึงการโหวตเลือกนายกฯว่า ตามหลักการต้องให้พรรคที่ได้เสียง ส.ส.อันดับ 1 เสนอชื่อก่อน หากไม่ผ่านก็เป็นสิทธิของพรรคอันดับ 2 แต่หากแคนดิเดตของพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ผ่าน คงต้องพูดคุยกันว่าจะมีพรรคอื่นเข้ามาช่วย หรือสมการการเมืองจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่รัฐบาลต้องเป็นเสียงข้างมาก หากมีการพลิกขั้วโดยพรรคเพื่อไทยจับมือกับขั้วรัฐบาลเก่าก็ต้องมีการเจรจากันว่าแคนดิเดตของพรรคใดเหมาะสมจะเป็นนายกฯ ส่วนตัวมองว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรค พปชร.เหมาะสมที่สุด สุดท้ายต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลผสม ใครจะเป็นนายกฯอยู่ที่การเจรจา เชื่อว่า พล.อ.ประวิตรมีคุณสมบัติที่เหมาะสม สามารถนำพาประเทศไปข้างหน้าได้เลือกนายกฯจบภายใน ก.ค.นี้เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตรพร้อมจะเป็นนายกฯหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า พร้อมมานานแล้วและเชื่อว่าทุกฝ่ายยอมรับว่า พล.อ.ประวิตรไม่ขัดแย้งกับใคร สามารถประสานงานและเป็นที่เคารพของเกือบทุกกลุ่มทุกพรรค ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอชื่อนายกฯหรือไม่นั้น ตามหลักการพรรคร่วมรัฐบาลเดิมต้องพูดคุยกันก่อน และจะเสนอชื่อเพียงคนเดียว ตอนนี้ทุกพรรคมีสิทธิเสนอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ยังมีสิทธิ หรือเพื่อไทยเองก็ต้องคุยกัน ยังมีเวลา เชื่อว่าการเลือกนายกฯจะเสร็จสิ้นภายในเดือน ก.ค.tt tt“สมชาย” แว้งแขวะเพื่อน ส.ว.นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า เรื่องการ โหวตเลือกนายกฯ เปรียบเทียบว่าหากใครทำธุรกิจ เราก็อยากให้เขามาสานต่อธุรกิจอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า ต้องมีจังหวะก้าวที่เหมาะสม ลูกต้องแสดงฝีมือให้เห็น หากพ่อแม่จะขอกลับไปอยู่บ้านโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ทำให้เขาเห็นว่าธุรกิจเขาจะมั่นคงปลอดภัย แต่หากจะเอาธุรกิจไปเสี่ยง ถามว่าพ่อแม่คนไหนจะ ปล่อย “คุณก็ต้องทำให้ ส.ว.ไว้วางใจว่าคุณจะพัฒนาประเทศไปข้างหน้า โดยไม่ไปสร้างปัญหาความขัดแย้ง หากจะแสดงอะไรก็แสดงออกด้วยการกระทำ ไม่ใช่ ด้วยคำพูด ที่สับสนมากคือเรียกร้องมาตลอด 4 ปีว่าให้ ส.ว.ปิดสวิตช์ แต่วันนี้บอกให้เปิดสวิตช์เลือกเฉพาะคุณ ห้ามเลือกคนอื่น ตกลงจะเอาอย่างไรแน่ ส่วน ส.ว.หลายคนที่ออกมาประกาศว่าจะเลือกพิธา ก็งงมาก ทั้งที่ประกาศตอนจะปิดสวิตช์ตัวเองแล้วว่าจะไม่เลือกใครแล้ว ก็ต้องเหมือนกันไม่ใช่เมื่อเป็นพิธาแล้วจะเลือก”ขู่ กกต.ไม่ส่งศาล รธน.เจอ 157ต่อมา นายสมชาย แสวงการ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า เตือนความจำ กกต. มีหน้าที่ส่งศาลรัฐธรรมนูญ แม้อาจลืม ม.151 แต่ต้องไม่ลืม ม.157 ขอหยิบยก กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ และประมวลกฎหมายอาญาที่เกี่ยวข้องมาเตือนสติอีกครั้ง พร้อมฝากความห่วงใยไปยัง กกต.ว่าตามที่ กกต.ใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 151 เรื่องนี้ กกต.เป็นเจ้าภาพเอง ควรต้อง เร่งพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคท้าย ว่านายพิธาขาดคุณสมบัติ ส.ส. เพราะถือหุ้นสื่อหรือไม่ เวลาล่วงเลยมานานมากแล้ว กกต.สมควรชี้แจงให้ทราบผลสรุปของเรื่องนี้เป็นอย่างไร หาก กกต.ปล่อยเรื่องนี้ล่าช้าเนิ่นนานไปอาจ มีบุคคลไปกล่าวโทษร้องทุกข์ว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.อาญา มาตรา 157 ได้“หมออำพล” โชว์จุดยืนมั่นคงขณะที่ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “พร้อมโหวตนายกฯ ผมเตรียมโหวตให้คน ที่พรรคการเมืองรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนฯเสนอชื่อ เพื่อให้เข้าไปเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากบริหาร ประเทศต่อไป ใช้เหตุผลเดียวกันกับที่เคยใช้ตอนโหวต เลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อปี 2562 จะกลับ กลิ้งเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ประวัติศาสตร์จะจารึกและบันทึกไว้ครับ ที่จริงก็ไม่อยากใช้อำนาจตามบทเฉพาะ กาลมาตรา 272 นี้ แต่เมื่อหน้าที่นี้ยังมีอยู่ จำเป็นต้อง ทำหน้าที่ต่อไป เพื่อให้กลไกและกติกาตามรัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่เดินหน้าไปได้ โดยจะทำหน้าที่แบบไม่ตั้งตน เป็นใหญ่ ไม่หาเหตุผลใดๆมาอ้างเพื่อขวางเสียงประชาชน ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีความพยายามเสนอแก้ไขหน้าที่และอำนาจนี้ หรือที่เรียกว่าปิดสวิตช์ ส.ว. ด้วย มองว่า ส.ว.ไม่ควรมีหน้าที่และอำนาจเลือกนายกฯ เพราะไม่เป็นไปตามหลักประชาธิปไตยที่แท้จริง ควรเป็นหน้าที่และอำนาจของ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้ง โดยตรงเท่านั้น ซึ่งผมเห็นด้วย ดังนั้น ทุกครั้งที่มีการ ขอแก้ไขจึงโหวตเห็นด้วยให้ปิดสวิตช์ ส.ว. แต่เสียง ส.ว.เห็นด้วยไม่ถึง 1 ใน 3 (ไม่ถึง 84 เสียง) คือเสียง ส.ว.ส่วนใหญ่ยังไม่ต้องการให้ปิดสวิตช์ จึงยังคงอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ (=สวิตช์ยังเปิดอยู่) ถ้าจะอ้างปิดสวิตช์ตอนนี้ก็จะเท่ากับอ้างเพื่อไม่ทำหน้าที่ และกลายเป็นการขัดขาคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ”จับตา กกต.จ่อส่งตีความหุ้นไอทีวีผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงาน กกต. กรณีมีผู้ยื่นร้องต่อ กกต. ขอให้พิจารณาและส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 คดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล มีชื่อถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด มหาชน เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) และมาตรา 101 (6) หรือไม่ โดยมีการรวบรวมข้อเท็จจริง ข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆ เสร็จสิ้นแล้ว เตรียมเสนอต่อที่ประชุม กกต. พิจารณาต้นสัปดาห์นี้ ปกติกกต.จะมีประชุมทุกวันจันทร์และอังคารของสัปดาห์ มีรายงานว่าจะมีการเสนอเรื่องดังกล่าวในการประชุมวันที่ 10 ก.ค. และคาดว่าที่ประชุม กกต.จะมีมติส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยให้สำนักงานดำเนินการทันที และปกติศาลรัฐธรรมนูญจะมีการประชุมประจำสัปดาห์ในวันพุธ ซึ่งสัปดาห์นี้ตรงกับวันที่ 12 ก.ค. หากศาลรัฐธรรมนูญรับวินิจฉัย และมีคำสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ไว้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย อาจมีผลต่อการโหวตนายกฯ ในวันที่ 13 ก.ค.นี้โพลชี้เลือกนายกฯไม่ราบรื่นวันเดียวกัน สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ สุ่มตัวอย่าง 1,078 คน กรณี “คนไทยกับการเมืองไทยหลังจากได้ประธานสภา” ระหว่างวันที่ 5-7 ก.ค. พบว่าความเห็นต่อการเมืองไทยในช่วงนี้ ส่วนใหญ่ร้อยละ 71.65 อยากเห็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่และรัฐบาลใหม่โดยเร็ว รองลงมามองว่าปัญหาและอุปสรรคของรัฐบาลใหม่คือการจัดสรรตำแหน่งไม่ลงตัว มุ่งประโยชน์ส่วนตัวมากเกินไป การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ควรคำนึงถึงประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าของพรรคการเมือง นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังคาดว่าการเลือกนายกฯไม่น่าจะราบรื่น และหากได้รัฐบาลใหม่แล้วอยากให้เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ค่าใช้จ่าย ค่าครองชีพ ส่วนความในใจของประชาชนที่อยากบอกรัฐบาลใหม่ คือขอให้ตั้งใจทำงาน ร่วมมือกันพัฒนาประเทศ สร้างผลงานให้เป็นรูปธรรมtt ttพท.จี้ “บิ๊กตู่” ชี้แจงปม “ธาริต”อีกเรื่อง น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ตั้งคณะกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนคืนความยุติธรรมให้ประชาชนที่สูญเสียในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 พร้อมเปิดเผยข้อมูลนายทหารใหญ่ ที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารข่มขู่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหารปี 2557 และนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการรัฐประหารทั้งหมด ควรแสดงความกล้าหาญออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงนี้กับสังคม ว่าสิ่งที่นายธาริตเปิดเผยนั้นเป็นส่วนหนึ่งของต้นตอการรัฐประหาร 2557 จริงหรือไม่ การรัฐประหารแท้ที่จริงแล้วเป็นการพยายามช่วยเหลือให้ผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งสลายการชุมนุมประชาชนในปี 2553 หลุดคดี หรือเป็นเพียงการทำเพื่อให้ตัวเองรอดพ้นความผิดหรือไม่ พรรคเพื่อไทยติดตามทวงคืนความยุติธรรมให้กับผู้สูญเสียมาต่อเนื่อง คนสั่งการต้องไม่ลอยนวลอยู่เหนือความผิด ประชาชนต้องไม่ตายฟรี เจ็บฟรี พี่น้องคนเสื้อแดงต้องได้รับความยุติธรรม พรรคเพื่อไทยเห็นความสำคัญกับการที่รัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนที่กำลังจัดตั้งขึ้นใหม่ ต้องให้ความสำคัญกับการทำความจริงให้ปรากฏ และคืนความยุติธรรมให้ประชาชนโดยด่วน