
“อนุทิน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยืนยัน ท่าทีโหวตนายกฯ ยึดแถลงการณ์ ไม่เอาพรรค “แก้ ม.112-ไม่เอา รัฐบาลเสียงข้างน้อย” เห็นด้วย ควรโหวตครั้งเดียว ไม่หวั่น ถูกล่าแม่มด มั่นใจ ส.ส.- ส.ว. ต่างมีวิจารณญาณ-เอกสิทธิ์ของตัวเองเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ทำเนียบฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมของ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 11 ก.ค. นี้ว่า ถือเป็นการประชุมครั้งแรก หลังมีพิธีเปิดประชุมรัฐสภา ส่วนประเด็นเรื่องการโหวตเป็นประเด็นหนึ่งที่จะนำมาหารือในที่ประชุมด้วย จะเป็นการรับฟังความเห็นของ ส.ส.พรรคทุกคน และหารือถึงสถานการณ์การเมืองเรื่องต่างๆ ว่าจะมีทิศทางอย่างไร ในการลงมติเรื่องต่างๆ เหล่านั้นอย่างไรผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ ที่มีการเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล จะมีท่าทีอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้มีแถลงการณ์ในนามพรรคภูมิใจไทยชัดเจนแล้ว โดยที่ไม่ได้ระบุชื่อบุคคลใด เพราะทุกคนที่เป็น ส.ส. ประชาชนเลือกเข้ามา จึงต้องดูเรื่องประสบการณ์และแนวทางของพรรคการเมืองว่า หากเป็นแบบนี้แบบนั้นแล้ว เราจะไปด้วยได้หรือไม่ เพราะเหตุใด เราก็ต้องอธิบายให้ประชาชนเข้าใจเมื่อถามย้ำว่า แนวทางของพรรคภูมิใจไทย จะงดออกเสียงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ความชัดเจนอยู่ในแถลงการณ์ของพรรคภูมิใจไทย ขณะนี้ไม่ควรพูดอะไรที่ตอกย้ำ พรรคภูมิใจไทยยืนยันเจตนารมณ์ตามแถลงการณ์ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการยืนยันเสนอชื่อ นายพิธา พรรคภูมิใจไทย จะให้โอกาสโหวตกี่ครั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ทราบผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมพิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคุณสมบัติ นายพิธา จะกระทบการโหวตของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเพราะไม่ใช่เรื่องที่เราเกี่ยวข้องเมื่อถามว่า มองท่าทีของพรรคก้าวไกลอย่างไร ในกรณีที่พยายามเดินสายพบประชาชนเพื่อทำความเข้าใจกรณีการโหวตนายกฯ ที่จะต้องอาศัยเสียงของ ส.ส. และ ส.ว. เพื่อให้เลือก นายพิธา เป็นนายกฯ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่จะสื่อสารเรื่องต่างๆ เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีความเสียหายใดๆ เกิดขึ้น แต่ละพรรคการเมืองต่างมีแนวทาง เราคงไปวิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้เมื่อถามว่า แสดงว่า ส.ส. และ ส.ว.จะไม่กลัวการถูกล่าแม่มดในภายหลังการโหวตนายกฯ ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ทำไมต้องกลัว ส.ส. และ ส.ว.เป็นผู้มีวิจารณญาณ เป็นผู้มีเอกสิทธิ์ และไม่ทราบว่าแต่ละคนจะมีความเห็นเป็นอย่างไร สำหรับคำว่า “กลัว” คำว่า “ขู่” ทำกันไม่ได้อยู่แล้ว อย่างนั้นไม่มีประโยชน์ ทำให้เกิดความแตกแยกเปล่าๆ ทุกคนต่างมีจุดยืนอยู่แล้วผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงขณะนี้ พรรคที่ได้เสียงมากจะจัดตั้งรัฐบาลได้อยู่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องให้กำลังใจทุกคน หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น มันก็เป็นผลดี ส่วนทำอย่างไรให้ราบรื่นและได้รับการโหวตสนับสนุนจากทุกฝ่ายมันก็ดี ตรงไหนถอยได้ก็ถอยบ้างเมื่อถามว่า ในซีกพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ยังคาดหวังจะเกิดการพลิกผันหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ซีกไหน เพราะทุกซีกจบไปตั้งแต่การเลือกตั้งแล้ว ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านก็จบไปตั้งแต่การเลือกตั้ง และขณะนี้มีการรับรอง ส.ส.แล้ว จึงถือว่ายังไม่มีฝ่ายค้านหรือรัฐบาล มีแต่พรรคการเมืองแต่ละพรรคที่มีจุดยืนอย่างไร อย่างพรรคภูมิใจไทย ก็มีจุดยืนตามแถลงการณ์คือ ไม่เอาการแก้ไขมาตรา 112 และไม่เอารัฐบาลเสียงข้างน้อย ก็ชัดเจนในตัวเองผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหลักการของพรรคภูมิใจไทยเป็นอย่างนี้ สรุปแล้ว 71 เสียง จะโหวตให้ใคร นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ต้องฟังว่าในวันโหวตจะเสนอใครเป็นนายกรัฐมนตรี ภูมิใจไทยเป็นพรรคอันดับ 3 ยังไม่มีส่วนเป็นเจ้าภาพในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะพรรคอันดับหนึ่งและอันดับสองยังร่วมกันจัดอยู่ ยังไม่ใช่บทบาทของพรรคภูมิใจไทยเมื่อถามยํ้าว่า การที่ 71 เสียง จะไปรวมกับใคร จะต้องไม่เข้าเงื่อนไขการแก้มาตรา 112 และการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ เรื่องนี้เราพูดชัดเจนอยู่แล้ว พรรคภูมิใจไทยพูดแล้วทําเมื่อถามว่า ถ้าหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล และแคนดิเดตนายกฯ เป็นของพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทยจะรับได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะร่วมกับใคร พรรคภูมิใจไทยไม่ได้บอกว่าจะรับหรือไม่รับตัวบุคคล เราพูดถึงแนวทางและนโยบายของพรรคการเมือง ว่า พรรคไหนร่วมงานกันได้ หรือพรรคไหนที่เรามีความลำบากใจในการทํางานร่วมกัน รอให้ถึงวันนั้นก่อนเมื่อถามว่า คิดว่าการโหวตเลือกนายกฯ ควรมีกี่ครั้งจึงจะเหมาะสม และทำให้การเมืองเดินหน้าต่อไปได้ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ควรจะโหวตครั้งเดียว และเมื่อได้ผู้นำรัฐบาล ตามหลักประชาธิปไตยถ้าใครได้รับเสียงข้างมากตามรัฐธรรมนูญ คือ 376 เสียง เราก็ต้องยอมรับ และหากตรงนั้นไม่มีพรรคภูมิใจไทยอยู่ เราก็ต้องเป็นฝ่ายค้าน เราเคารพกติกาทุกอย่างผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าโหวตครั้งแรกไม่ผ่าน หากครั้งที่สองยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก็ไม่ควรมีครั้งต่อไปใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อยู่ที่บทบัญญัติ ก็ต้องไปตีความกัน และอยู่ที่ผู้ทำหน้าที่ประธานสภา ว่าจะวินิจฉัยอย่างไร ซึ่งมีคนส่งบทบัญญัติมาให้ตนดู คิดว่าก็ต้องตีความ แต่ถ้าจะมีการเสนอคนเดิมซํ้า ก็ต้องมีการขอญัตติ แต่สุดท้ายก็อยู่ที่ประธานสภาวินิจฉัย ส่วนการวินิจฉัยจะมีความเห็นชอบของสมาชิกรัฐสภาด้วยหรือไม่ ก็ต้องไปตีความเมื่อถามอีกว่า ทางฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลเดิมมีการพูดคุยเรื่องทิศทางโหวตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการนัดพูดคุยแต่อย่างใด ทุกคนก็รอดูว่า จําเป็นต้องโหวตไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ซีกเดิมไม่มีอยู่แล้ว มันจบไปแล้ว ถ้ามารวมตอนนี้ก็มี 188 เสียง ถ้าจะไปโหวตแข่งกัน จะเอาตรงไหนไปแข่ง เพราะพรรคภูมิใจไทยบอกแล้วว่า เราจะไม่ยอมให้ได้รัฐบาลมาโดยมีเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทยไปแบบนั้นไม่ได้ เพราะมันค้านกับจุดยืนที่พรรคได้พูดไว้เมื่อถามว่า เป็นการปิดประตูของซีกนี้เลยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปบอกว่าปิดประตูเลย เราต้องทําตามระบอบประชาธิปไตย ต้องมีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรก่อน ถ้า 188 เสียงไปรวมกัน โดยมีวุฒิสภามาโหวตให้ ถ้าวุฒิสภาส่งเราเสร็จ เราก็จะกลายเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยทันที แล้วต่อไปจะทำงานอย่างไร ก็จะไม่พ้นลาออก หรือต้องยุบสภา ก็ต้องเดือดร้อนประชาชนและงบประมาณอีก.