วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

ศาลปกครองกลาง เพิกถอนคำชี้ขาด อนุญาโตตุลาการ คดีโฮปเวลล์ ชี้คดีขาดอายุความ

Image
ศาลปกครองกลาง พิจารณาคดีโฮปเวลล์ใหม่ พิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้ ก.คมนาคม-รฟท. ชดใช้ค่าเสียหายโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) กว่า ๑.๑ หมื่นล้านบาท ชี้ การใช้สิทธิเรียกร้องของบริษัทขาดอายุความตามกฎหมาย เมื่อวันที่ ๑๘ ก.ย. ๖๖ ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการสั่งที่ให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน ๑๑,๘๘๘.๗๕ ล้านบาท ประกอบด้วยเงินค่าก่อสร้าง ๙,๐๐๐ ล้านบาท เงินค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่บริษัทชำระไปแล้ว ๒,๘๕๐ ล้านบาท และเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน ๓๘,๗๔๙,๘๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย ๗.๕% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า ๕๐๐ ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วันนับคดีถึงที่สุด หลังศาลปกครองสูงสุดเมื่อวันที่ ๔ มี.ค. ๒๕๖๕ มีคำสั่งให้ศาลปกครองชั้นต้นรับคำขอพิจารณาคดีใหม่ศาลให้เหตุผลว่า การที่ บริษัท โฮปเวลล์ฯ ได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาเมื่อวันที่ ๓๐ ม.ค. ๔๑ จึงมีสิทธิที่จะเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการได้อย่างช้าที่สุดภายในวันที่ ๓๐ ม.ค. ๔๖ แต่ บริษัท โฮปเวลล์ฯ กลับยื่นคำเสนอข้อพิพาท เมื่อวันที่ ๒๔ พ.ย. ๔๗ จึงพ้นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่รู้ หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการเสนอข้อพิพาทตามมาตรา ๕๑ แห่ง พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองฯ พ.ศ.๒๕๔๒ ที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าวไป ๑ ปี ๙ เดือนเศษ สิทธิเรียกร้องของ บริษัท โฮปเวลล์ฯ จึงขาดอายุความตามกฎหมาย และโดยที่ปัญหาเรื่องอายุความในการใช้สิทธิเรียกร้องเป็นบทบัญญัติอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ในการพิพากษาคดี ศาลปกครองสามารถยกขึ้นวินิจฉัยแล้วพิพากษาได้ตามข้อ ๙๒ แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.๒๕๔๓ การที่คณะอนุญาโตตุลาการรับข้อพิพาทที่ผู้คัดค้านยื่นพ้นเวลาไว้พิจารณา และมีคำชี้ขาดข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ ๖๔/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๓๐ ก.ย. ๕๑ จึงเป็นกรณีที่การยอมรับ หรือการบังคับตามคำชี้ขาดขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนที่ศาลปกครองมีอำนาจเพิกถอนและปฏิเสธการบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้ตามมาตรา ๔๐ วรรคสาม (๒) (ข) และมาตรา ๔๔ แห่ง พระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ.๒๕๔๕ จึงพิพากษาให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ ๑๑๙/๒๕๔๗ ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ ๖๔/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ ทั้งหมด และเพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ ๔๔/๒๕๕๐ ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ ๗๐/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๑ ทั้งหมด และมีคำสั่งปฏิเสธไม่รับบังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในข้อพิพาทหมายเลขดำที่ ๑๑๙/๒๕๔๗ ข้อพิพาทหมายเลขแดงที่ ๖๔/๒๕๕๑ ลงวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๕๑ กับให้คำสั่งศาลที่ให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด คดีหมายเลขแดง ที่ อ.๒๒๑-๒๒๓/๒๕๖๒ ไว้ในระหว่างพิจารณาคดีใหม่มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าคดีจะถึงที่สุด หรือจนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นสำหรับคดีกล่าว เมื่อวันที่ ๒๒ เม.ย. ๒๕๖๒ ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษาให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ ๘ พ.ย. ๒๕๕๑ โดย รฟท.ต้องคืนเงินชดเชยให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน ๑๑,๘๘๘.๗๕ ล้านบาท ประกอบด้วยเงินค่าก่อสร้าง ๙,๐๐๐ ล้านบาท เงินค่าตอบแทนจากการใช้ประโยชน์ที่ดินที่บริษัทชำระไปแล้ว ๒,๘๕๐ ล้านบาท และเงินค่าออกหนังสือค้ำประกัน ๓๘,๗๔๙,๘๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย ๗.๕% ต่อปี และคืนหนังสือค้ำประกันมูลค่า ๕๐๐ ล้านบาท โดยดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน ๑๘๐ วันนับคดีถึงที่สุด จากนั้น กระทรวงคมนาคม กับ รฟท.ได้ยื่นขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ เนื่องจากเห็นว่า บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด การเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการขาดอายุความตามกฎหมายไปแล้ว และในวันที่ ๔ มี.ค. ๒๕๖๒ ศาลปกครองสูงสุด โดยที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีตามคำร้องของกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ก่อนที่วันนี้ ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตดังกล่าว เป็นผลให้ กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ยังไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน ๑๑,๘๘๘.๗๕ ล้านบาท  อย่างไรก็ตาม บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ในคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้อีกภายใน ๓๐ วัน.