“ชาดา” แจงวลี ปราบผู้มีอิทธิผล ๖ เดือนไม่สำเร็จ จะพิจารณาตัวเอง ไม่ใช่ แต่เป็นกรอบเวลาที่จะเริ่มเห็นผล และเข้มข้นขึ้น นับหนึ่งตั้งคณะกรรมการแล้ว ลั่น ไม่มีพื้นที่ไหนหนักใจ หลัง “นายกฯ-กระทรวงมหาดไทย๑” มอบดาบปราบมาเฟียเมื่อเวลา ๑๔.๓๕ น. วันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๖๖ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวที่พรรคภูมิใจไทย ถึงกรณีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า หากแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล ๖ เดือนไม่สำเร็จ ก็พร้อมพิจารณาตัวเองนั้น ขอเรียนชี้แจงว่าจากคำสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นประโยคที่ติดต่อกัน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งตนบอกว่า ๖ เดือนจะเริ่มเห็นผล ภาพจะเริ่มชัดขึ้น เนื่องจากการปราบปรามผู้มีอิทธิพลมีมาหลายครั้งแล้ว เปรียบเสมือนไฟไหม้ฟาง วูบวาบมาหลายครั้ง แต่ตนไม่ต้องการทำงานแบบนี้ จะต้องมีการใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบ รวมถึงดูให้เป็นธรรม ขอยกตัวอย่างตามหลักอาชญาวิทยา ในความคิดตัวเองว่า คนไหนถ้าเลิก หรือเลิกจริงๆ ตนก็จะให้โล่ แต่ถ้าทำอีกก็จะหนักว่าเดิม ๒ เท่า ส่วนใครที่ประพฤติดีเราก็ต้องตอบแทน แต่ถ้าเลว เราก็ต้องจัดการส่วนความคืบหน้าขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้ว จากนี้ต้องดูถึงวิธีการทำงาน ซึ่ง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลัง ได้กำชับในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และสั่งการมาที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยแล้ว จากนั้น นายอนุทิน สั่งการมาอีกทอดหนึ่ง ซึ่งตนมีกรอบระยะเวลาการทำงานแล้ว ทั้งนี้ตนมองว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากนักธุรกิจถือเป็นเรื่องดี เพราระบบราชการต้องเจอแบบนี้ ต้องเจอคนที่ผ่านงานในแบบซีอีโอ หรือผู้บริหารงานในบริษัทขนาดใหญ่ในการทำธุรกิจก็จะมีวิธีการจัดการในแบบของเขา tt ttชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยนายชาดา ย้ำว่า เรื่องนี้ตนไม่ได้แก้ตัว แต่บอกว่า ๖ เดือนจะเข้มข้นขึ้น พร้อมยืนยันจะนำทุกทฤษฎีมาใช้เพื่อไม่ให้ปัญหาผู้มีอิทธิพลเกิดขึ้นกับคนไทยโดยไม่จบไม่สิ้น ส่วนความคืบหน้าในการทำบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพล ขณะนี้แต่ละส่วนก็ได้ดำเนินการแล้ว หลังจากนี้ก็ต้องมาดำเนินการกันอีกทีว่าจะต้องทำกันแบบไหนเมื่อถามว่าหนักใจพื้นที่ใดเป็นพิเศษหรือไม่ นายชาดา หัวเราะก่อนกล่าวว่า “ไม่หนักใจ ไม่มีอะไรหนักใจ ผมมีท่านนายกฯ เศรษฐา ผมมีท่านอนุทิน รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย มอบอำนาจให้มาก็ทำอย่างเต็มที่ อย่างที่ผมบอกว่าไม่มีใครใหญ่กว่าผม มีที่ใหญ่กว่าผมก็คือนายกฯ เศรษฐา (ตัวใหญ่กว่าผม) และหัวหน้าพรรคผม”.