วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

“พิชิต” ยันคุณสมบัตินั่ง รมต. ไม่มีปัญหา ลั่น แก้รธน.ให้ได้ในสมัย “นายกฯเศรษฐา”

“พิชิต ชื่นบาน” ขอทำหน้าที่ “ที่ปรึกษานายกฯ-ฝ่ายกฎหมายรัฐบาล” ให้ดีที่สุด ตามที่นายกฯ มอบหมาย จ่อรื้อดูคำสั่ง คสช.-แก้รัฐธรรมนูญ ยันไม่แตะหมวด ๑ หมวด ๒ ลั่น แก้รธน.ให้ได้ในสมัย “นายกฯเศรษฐา” ชี้คุณสมบัตินั่งรัฐมนตรี ผ่านฉลุย ไม่สะดุด วันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๖๖ นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลในส่วนของการแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายสำคัญ ตั้งแต่สมัย คสช. หรือกฎหมายอื่นๆ ที่จำเป็นจะต้องพิจารณาขึ้นมาใหม่ ว่า ส่วนตัวก็คงจะดูหลายๆ เรื่องตามที่ได้รับมอบหมายงานมา ทั้งเรื่องรัฐธรรมนูญและคำสั่ง คสช. ก็หลายๆ เรื่องที่เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนเรื่องรัฐธรรมนูญจะใช้คำว่าแก้ไขหรือจัดทำฉบับใหม่ นายพิชิต ระบุว่า วันนี้มาหารือรูปแบบวิธีการ แต่เบื้องต้นมติของคณะรัฐมนตรี มีมติให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมามอบหมายให้กับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ วันนี้ก็มาปรึกษารูปแบบวิธีการ ให้เป็นไปตามนโยบายพรรคในช่วงหาเสียง ส่วนจะเป็นหนึ่งในคณะกรรมการชุดนี้ด้วยหรือไม่ ตนก็กำลังคุยกันอยู่ ส่วนแนวทางเบื้องต้นในการจัดทำประชามติ นายพิชิต ตอบว่า ก็คงจะมีการพูดคุยกันในหลายประเด็น เพราะเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะมีประเด็นเรื่องของการแก้ไขรายมาตรา หรือว่าแก้ทั้งฉบับ และจะต้องทำอย่างไร พร้อมยืนยันจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปตามประชาธิปไตยมากที่สุด และจะทำให้สำเร็จภายในรัฐบาลของ นายเศรษฐา เมื่อถามว่า คำว่าทำให้สำเร็จนั้น การแก้ไขรายมาตราหรือทั้งฉบับ แนวทางไหนน่าจะเหมาะสมที่สุด นายพิชิต ย้ำว่า ก็ต้องคุยกันก่อน เพราะอะไรที่แก้ได้และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน ให้มีความรู้สึกว่าไม่ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพ ทำได้ก็น่าทำ ส่วนการแก้ไขทั้งฉบับ ก็มีกรอบคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไร แก้ก็ต้องทำให้สำเร็จด้วย เพราะหากเราไปคิดแก้หลายๆ อย่าง เช่น แก้หมวด ๑ หมวด ๒ หรือเกี่ยวกับพระราชอำนาจ ก็ต้องตระหนักว่า เราจะทำได้หรือไม่เพียงใด และจะทำให้ร่างแก้ไขในวาระแรกในสภาหรือไม่ ซึ่งก็ต้องพิจารณาให้รอบด้านถึงรูปแบบวิธีการ จะทำอย่างไร ตนมีหลักในการคิดว่า เมื่อถึงเวลาที่บ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์แบบแล้ว ก็อยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหรือรัฐสภา แก้ไขรัฐธรรมนูญให้สำเร็จ ในสมัยของนายกฯ เศรษฐา เพราะท่านได้แถลงนโยบายไว้แล้ว เพื่อมอบให้เป็นของขวัญกับประชาชนทั้งประเทศ ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด ๑ หมวด ๒ นายพิชิต ระบุว่า ยังยืนยันอะไรไม่ได้ แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทย เราไม่แตะหมวด ๑ หมวด ๒ และอะไรที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ แต่การสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมในการแก้ไข ในแนวคิดส่วนตัว การแก้ไขรัฐธรรมนูญ น่าจะสร้างกระบวนการการมีส่วนร่วมรายภาคส่วนมานั่งคิดกัน สิ่งที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจะตั้งรัฐบาล เราก้าวข้ามความขัดแย้งต่างๆ แล้ว เราต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายให้มากที่สุด เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองนั้น นายพิชิต ตอบว่า ตนทราบอยู่แล้ว ว่ากฤษฎีกาไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นรัฐมนตรี ผมไม่ยึดติดตำแหน่ง ผมเป็นคนทำงาน ถ้าทุกท่านที่รู้จักผมตลอดมา รู้ว่าตนเป็นคนทำงาน และก็ขอทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และอายุก็ ๖๐ กว่าแล้ว ขอให้โอกาสตน แล้วจะทำงานให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชนมากที่สุด ในส่วนของกฎหมาย ก็จะทำให้เกิดความเป็นธรรม สร้างกระบวนการหลักนิติธรรม ให้เกิดกับประเทศชาติและประชาชนมากที่สุด เรื่องของตนก็ขอให้ติดตามต่อไป ว่ามีโอกาสอยู่ตรงไหน ตนก็ทำจุดนั้นให้ดีที่สุด ขออยู่กับปัจจุบัน “เมื่อท่านนายกฯ เมตตากรุณา มอบหมายให้ผมมาดูเรื่องกฎหมาย ตนก็จะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ให้มีความชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และเข้าใจว่าเมื่อตนจะเข้าสู่การเมือง ก็ไม่มีอะไร จิตไม่ได้ตกอะไร ดีหรือชั่วก็อยู่ที่ตัวเอง” นายพิชิต กล่าว นายพิชิต ยังกล่าวถึงกรณีที่มอบ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ฟ้องดำเนินคดี นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ในคดีหมิ่นประมาท ว่าเจตนาไม่ได้มีการโกรธแค้น เพียงต้องการให้สาธารณชนรับรู้ตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ไม่ได้เป็นเหมือนที่ถูกกล่าวหา บางทีถ้าล่วงเกินกันเกินไป ก็ต้องใช้สิทธิตามกฎหมาย ซึ่งตนก็มีครอบครัว มันทำให้กระทบต่อครอบครัวและตำแหน่งหน้าที่การงาน เมื่อตนได้มาดูกฎหมาย ตนก็จะไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย ทุกอย่างขอให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป.