วันศุกร์, 29 กันยายน 2566

ไม่มีนักธุรกิจร่วมทริปสหรัฐ “นายกฯนิด” รับประกัน! ยกคณะบินไปถกยูเอ็น (คลิป)

ImageImageImageImageImageImage
“นายกฯนิด” บอกเอาแน่นอนในทำเนียบฯ นั่งหัวโต๊ะ ถก ครม. ก่อนยกทีมบินไปสหรัฐฯถกยูเอ็น ปัดไม่มีนักธุรกิจร่วมทริปขึ้นเครื่องเช่าเหมาลำภายใต้งบฯ ๓๐ ล้านบาท “โฆษกรัฐบาล” แจงนายกฯเป็นนักธุรกิจมาก่อน เน้นมากใช้งบฯรัฐต้องสมเหตุ สมผล ยึดทางเลือกพอดีๆ ไม่มากไม่น้อย เน้นจับเข่าคุยทวิภาคีผู้นำ-บิ๊กเอกชนโลก เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุน “พรหมินทร์-ประเสริฐ” การันตีรัฐบาล ไม่คิดยื้อเวลา ออกตัวแก้ รธน.แต่ละขั้นตอนต้องใช้เวลา “ปดิพัทธ์” โต้เบิกงบฯเว่อร์ดูงานสิงคโปร์ ยันใช้จ่ายตามจริง “วันนอร์” ป้องใช้งบฯถูกต้อง “ครูมานิตย์” เตือนฝากเลี้ยง “หมออ๋อง” จะยิ่งกว่าละคร กระทรวงมหาดไทยประเดิมย้ายใหญ่ ๒๔ อัตรา จัดทัพ ๒๐ ผู้ว่าฯ-๓ อธิบดี “ไชยวัฒน์” พ่อเมืองบุรีรัมย์ขึ้นชั้นอธิบดีกรมป้องกันฯ “ชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม” นั่งอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน “อรรษิษฐ์” คุมกรมการปกครองหลังจากเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการได้ ๗ วันนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง มีกำหนดการเดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๘ (UNGA๗๘) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๔ ก.ย. โดยถูกบางฝ่ายจับตาว่ามีการใช้งบประมาณถึง ๓๐ ล้านบาทเช่าเครื่องบินเหมาลำเหมาะสมหรือไม่ ขณะที่นายกฯยืนยันไม่มีนักธุรกิจร่วมคณะไปด้วยtt ttนายกฯถก คณะรัฐมนตรียันนอนในทำเนียบฯเมื่อเวลา ๑๑.๒๐ น. วันที่ ๑๘ ก.ย. ที่ห้องประชุม ๕๐๑ ตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดที่ ๒ ที่เลื่อนการประชุมมาจากวันอังคารทุกสัปดาห์ เนื่องจากนายกฯมีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสห ประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๘ (UNGA๗๘) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๔ ก.ย. โดยนายกฯสวมเสื้อผ้าไทย สีหน้ายิ้มแย้มทักทายสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่านายกฯจะนอนที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อไหร่ นายกฯกล่าวว่า ยังตกแต่งไม่เสร็จ เมื่อถามย้ำว่าไม่ได้นอนที่บ้านพิษณุโลก แต่จะนอนบนตึกไทยคู่ฟ้าใช่หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า แน่นอนขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ และนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการต่างประเทศ ลาประชุม คณะรัฐมนตรีบรรจงคัดมา ๙ กุนซือช่วยงานนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกฯแต่งตั้งที่ปรึกษาทั้ง ๙ คนว่า นายกฯได้ตั้งคณะที่ปรึกษาของนายกฯ ซึ่งไม่ใช่ตำแหน่งข้าราชการทางการเมือง ไม่สามารถรับเงินเดือนได้ เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาทำงานได้ แต่ละคนเชี่ยวชาญแต่ละด้าน นายกฯบรรจงเลือกมา เมื่อถามว่ามีข้อกังวลที่นำบุคคลที่เป็นกรรมการในบริษัทแสนสิริมาเป็นที่ปรึกษานายกฯด้วย นพ. พรหมินทร์กล่าวว่า คนมีความสามารถมีอยู่ในหลายวงการ ถ้าเป็นคนไม่รู้อะไรเลยเราไม่เชิญมาเป็น เราได้จัดความสำคัญตรงนี้อย่างดี แต่ละท่านมีความชำนาญแต่ละเรื่อง เช่น นายชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล จะชำนาญเรื่องการเกษตร นายพิชิต ชื่นบาน ชำนาญด้านกฎหมาย เมื่อถามว่านายสุรยุทธ ทวีกุลวัฒน์ ที่มาจากบีทีเอส จะให้มาดูรถไฟฟ้าสายสีเขียวหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า แต่ละท่านมีความสามารถหลายเรื่อง เรามอบให้ดูในหลายๆเรื่องได้ เมื่อถามว่านายพิชิตสามารถดูเรื่องกฎหมายของรัฐบาลทั้งหมดเลยใช่หรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ตอนนี้รัฐบาลมีที่ปรึกษาด้านกฎหมาย คือคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่แล้ว ส่วนนายพิชิตคงมาช่วยดูมิติทางกฎหมายอื่นๆ เพราะเชี่ยวชาญ“หมอมิ้ง” ออกตัวแก้ รธน.ต้องใช้เวลาเมื่อถามว่าหากนายพิชิตดูกฎหมายจะสื่อสารกับสังคมด้วยหรือไม่ เพราะดูเหมือนยังไม่มีใครที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในรัฐบาลเหมือนนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯฝ่ายกฎหมายในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ไม่เป็นไรเราสื่อสารกับสังคมได้ กรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เร็วๆนี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหากรณีข้าวบูล็อก เรื่องคดีดำเนินการไป เมื่อถามว่าจะมีปัญหาความสง่างามหรือไม่ นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ความสง่างามอยู่ที่ทำประโยชน์ให้ประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะชัดเจนอย่างไร นพ.พรหมินทร์กล่าวว่า ได้เข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรีครั้งที่แล้วไปแล้ว และสั่งการไปเรียบร้อยแล้ว เราได้แปลงความต้องการของประชาชนมาเป็นรูปธรรมสั่งการแต่ละฝ่าย การดำเนินการหลายเรื่องต้องใช้เวลา ส่วนที่ฝ่ายค้านจี้ถามให้เกิดความชัดเจน เขาฝ่ายค้านก็ค้านไป เราก็ชัดได้ขนาดนี้แล้ว แต่ต้องเข้าใจว่าหลายเรื่องต้องใช้เวลา จะรีดให้ได้เลยหรือ เรายังทำงานไม่ครบอาทิตย์เลยtttt ttttttttconst jwplayer๑ = jwplayer(“cover_jwplayer_njeFveRx”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v๒/media/njeFveRx” tttt});tttt“ประเสริฐ” ยัน รบ.ไม่คิดยื้อเวลาแก้ รธน.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการดีอีเอส กล่าวถึงกรณีมีผู้ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งคณะกรรมการศึกษาการทำประชามติ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเครื่องป้องกันอายุรัฐบาลว่า การตั้งคณะกรรมการฯชุดดังกล่าวเป็นกลไกตามรัฐธรรมนูญยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีประเด็นจะยื้อการแก้รัฐธรรมนูญ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนแต่ละขั้นตอนใช้เวลาพอสมควร เชื่อว่ารัฐบาลเร่งดำเนินการอยู่เพราะเป็นวาระสำคัญ ยืนยันเราไม่ใช้เรื่องนี้ยื้อเวลา ทุกอย่างเป็นไปตามที่นายกฯได้พูดในหลายเวทีว่าแต่ละขั้นตอนต้องเริ่มให้ถูกต้อง โดยเริ่มจากทำประชามติเสียก่อนและเข้าสู่กระบวนการต่อไป เมื่อถามว่าเวลาที่เหมาะสมควรกี่ปีนายประเสริฐกล่าวว่า จริงๆยังไม่กำหนดไทม์ไลน์ที่ชัดเจน เพราะเดิมเราเคยเสนอไปเมื่อรัฐบาลที่แล้ว ขณะนั้นเป็นฝ่ายค้านไม่ได้รับการตอบสนอง ครั้งนี้เมื่อมาเป็นรัฐบาลต้องดูภาพรวมที่รัฐบาลกำหนดก่อน เช่น การทำประชามติใช้เวลาเท่าไร ยกร่างรัฐธรรมนูญใช้เวลาเท่าไรและมีการแก้ไขกันอย่างไร ต้องดูรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อถามว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นตัวชี้กรอบเวลาการอยู่หรือไปของรัฐบาลหรือไม่ นายประเสริฐกล่าวว่า ไม่เกี่ยวกัน การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่รัฐบาลตั้งใจอยู่แล้ว ส่วนการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่จะดูแลประชาชนเป็นอีกเรื่อง เป็นหน้าที่ต้องทำอยู่แล้วตั้งแต่มาบริหารประเทศ“เสี่ยนิด” ปัดไม่มีนักธุรกิจร่วมทริปยูเอ็นต่อเวลา ๑๓.๑๑ น. ภายหลังประชุม คณะรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลังให้สัมภาษณ์เพียงสั้นๆถึงกรณีมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ การเช่าเหมาลำเครื่องบินเดินทางไปสหรัฐฯ ไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๘ แต่มีนักธุรกิจร่วมเดินทางไปด้วยว่า “ไม่มี” ส่วนการแต่งตั้งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ๙ คน โดยมีนายพิชิต ชื่นบาน เป็น ๑ ใน ๙ ที่ปรึกษาของนายกฯ นายพิชิตจะมาช่วยดูงานด้านกฎหมายจับมือ “ชัชชาติ” ผุด คกก.พัฒนา กทม.จากนั้นเวลา ๑๓.๑๕ น. ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลนายเศรษฐาได้หารือกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ถึงการจัดตั้งคณะกรรมการเร่งรัดพัฒนากรุงเทพมหานคร โดยนายกฯกล่าวว่า ตอนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ บุคคลสำคัญที่คิดถึงคนแรกคือนายชัชชาติที่อยากจะพูดคุย อยากสนับสนุนให้ทำงานลุล่วงไปด้วยดี เพราะ กทม.เป็นภาคส่วนสำคัญมากในการขับเคลื่อนประเทศ ปัญหาต่างๆมีเยอะมาก กับนายชัชชาติรู้จักกันมานาน จำได้ยังบอกว่านายชัชชาติน่าจะสมัครเป็นนายกฯไปเลย นายชัชชาติบอกขอเป็นผู้ว่าฯดีกว่าและให้ตนมาเป็นนายกฯแทนเราจะได้ทำงานร่วมกันเหมือนพี่ๆน้องๆ นั่งคุยกันสบายๆ และการคุยกันตรงนี้เกิดจากสัปดาห์ที่แล้วได้ทานอาหารกลางวันแบบกันเองกับผู้ว่าฯ กทม.และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ดำริกันว่าจะตั้งคณะกรรมการชุดเล็ก ๖-๗ คน ขับเคลื่อน กทม.โดยใช้นโยบายเป็นหลัก ใช้งบฯคงมีน้อยมาก รัฐบาลทำหน้าที่สนับสนุนแก้ปัญหา อย่างน้อยทำอะไรได้ทำก่อน หนักไปการประสานงานหน่วยงานราชการที่ขึ้นตรง มาซัพพอร์ตผู้ว่าฯ กทม. ทั้งเรื่องจราจร อาชญากรรม บรรเทาลงไปได้ หน้าที่ตนคือสนับสนุนผู้ว่าฯทำ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่tt ttชนหมัดบูรณาการสางปัญหาคนกรุงด้านนายชัชชาติกล่าวว่า ทำงานมา ๑ ปี ปัญหากทม.ค่อนข้างชัดเจนว่าเกิดจากการประสานหน่วยงาน เพราะ กทม.มีอำนาจค่อนข้างจำกัด ถ้าเราประสานงานเข้มข้นและมีทิศทางชัดเจนจากฝ่ายบริหาร ปัญหาที่เจอจะบรรเทาไปได้มาก จึงขอกราบเรียนนายกฯ ว่า อยากให้มีคณะกรรมการที่เป็นคณะทำงานเพียงไม่กี่คน ที่มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง เช่น รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ตำรวจ นายกฯ และเลขาธิการนายกฯ และผู้ว่าฯ กทม.เป็นกลุ่มทำงานเน้นผลักดันที่เป็นข้อปัญหาติดขัดต่างๆ ได้เรียนนายกฯ ไปแล้วว่าคณะทำงานต้องไม่เกินพิซซ่า ๒ ถาด อย่าให้เยอะ เพราะถ้าเยอะแล้วมันไม่จบ โดยนายกฯเห็นด้วย ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ขณะที่นายกฯกล่าวว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่นายชัชชาติพูดและเสนอมา หน้าที่ตนสนับสนุนน้องชายที่ดูแลภาคส่วนที่ใหญ่ของ กทม. และจะช่วยสั่งการในหน่วยงานที่ผู้ว่าฯไม่มีอำนาจสั่งการโดยตรงผ่านคณะทำงานเล็กๆของเรา ถ้าเป็นชุดใหญ่จะเป็นนายอนุทิน จากนั้นนายกฯโอบไหล่นายชัชชาติชนกำปั้นกัน ให้สื่อบันทึกภาพ ระบุจะทำงานลักษณะพี่น้องนำทีมบินสหรัฐฯร่วมเวที “UNGA๗๘”กระทั่งเวลา ๑๖.๐๐ น. ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ นายเศรษฐาพร้อมนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เดินทางไปร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๘ (๗๘th Session of the United Nations General Assembly : UNGA ๗๘) ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๔ ก.ย. โดยนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯจะถึงนครนิวยอร์ก ช่วงเช้ามืดวันที่ ๑๙ ก.ย. เริ่มภารกิจวันที่ ๑๙ ก.ย. ภารกิจเกี่ยวข้องกับการประชุม UNGA๗๘ ได้แก่ การเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) และจะร่วมกล่าวถ้อยแถลงในช่วง Leaders’ dialogue ๖ “Mobilizing finance and investments and the means of implementation for SDGs achievement” ช่วงค่ำนายกฯร่วมงานเลี้ยงรับรองเป็นเกียรติแก่ประมุข/หัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติสมัยสามัญ ครั้งที่ ๗๘ และคู่สมรสเน้นคุยทวิภาคีผู้นำ-บิ๊กเอกชนโลกนายชัยกล่าวอีกว่า การร่วมประชุมครั้งนี้นายกฯจะเน้น ๒ เรื่องใหญ่คือ การพบผู้นำประเทศต่างๆ เพื่อแสวงหาเรื่องการค้าขายการลงทุน และเน้นพบผู้นำทางเศรษฐกิจ ภาคเอกชนรายใหญ่ของโลก เพื่อให้บริษัทเหล่านี้สนใจมาใช้ฐานการผลิตสินค้าและบริการในประเทศไทย อีกทั้งจะแสดงวิสัยทัศน์ให้นานาชาติเห็นภาพพจน์ของไทยผ่านวิสัยทัศน์ผู้นำประเทศ การหารือทวิภาคีมีอยู่ ๓-๔ ประเทศ แต่กต.ขอยังไม่เอ่ยชื่อ เพราะอาจเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกันกับประเทศที่ไม่ได้พบ จะได้พบกับผู้นำเยอรมนีหรือไม่ ยังบอกไม่ได้ แต่เดี๋ยวคงเป็นข่าวยันพอดีๆใช้งบฯ ๓๐ ล้านทริปยูเอ็นเมื่อถามว่ามีการวิจารณ์กันว่าการเดินทางครั้งนี้ ใช้เครื่องบินเช่าเหมาลำที่มีนักธุรกิจร่วมเดินทางไปด้วยโดยใช้งบฯ ๓๐ ล้านบาท นายชัยกล่าวว่า ไม่กังวล นายกฯเป็นนักธุรกิจมาก่อน เน้นมากการใช้งบฯของประเทศต้องสมเหตุสมผล มีทางเลือกที่เสนอมาและแพงกว่านี้ นายกฯเลือกตัวเลือกที่สมเหตุ สมผลที่สุด พอสมควรเหมาะสม ไม่มากไม่น้อยไป พอดีๆ เมื่อถามว่านายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมาธิการงบฯปี ๒๕๖๖ ตั้งข้อสังเกตว่ามีการเชิญนักธุรกิจร่วมเดินทางไปด้วย แต่ใช้งบฯรัฐจะเหมาะหรือไม่ นายชัยกล่าวว่า เป็นทัศคติของนายสมชัยเราน้อมรับจะวิจารณ์อะไรเราไม่ว่า แต่รัฐบาลมีวิธีคิดของ ตัวเอง อาจไม่เหมือนนายสมชัย และนายสมชัยไม่ได้ มีวิสัยทัศน์ด้านธุรกิจมาก่อน ไม่มีประสบการณ์คนมีประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจ มุมมองคงไม่เหมือนนายสมชัยมท.ย้ายใหญ่ ๒๐ ผู้ว่าฯ-๓ อธิบดีนายชัยแถลงผลประชุม คณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงและโยกย้ายข้าราชการ กระทรวงมหาดไทย รวม ๒๔ ราย ให้มีผลตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยแบ่งเป็นรองปลัดกระทรวง ๑ ตำแหน่ง อธิบดี ๓ ตำแหน่ง และผู้ว่าราชการจังหวัด ๒๐ ตำแหน่ง ประกอบด้วย ๑.นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผวจ.ตราด เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย ๒.นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นอธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) ๓.นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) ๔.นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ ผวจ.บุรีรัมย์ เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ๕.นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.นราธิวาส เป็น ผวจ.กาฬสินธุ์ ๖.นายชลธี ยังตรง ผวจ.อุบลราชธานี เป็น ผวจ.ฉะเชิงเทรา ๗.นายสุภกิณห์ แวงชิน ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.นครนายก ๘.นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผวจ.ฉะเชิงเทรา เป็น ผวจ.นครศรีธรรมราช ๙.นายทวี เสริมภักดีกุล ผวจ.เลย เป็น ผวจ.นครสวรรค์tt tt“นฤชา” โยกมานั่งพ่อเมืองบุรีรัมย์นายชัยกล่าวต่อว่า ๑๐.นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผวจ.บึงกาฬ เป็น ผวจ.บุรีรัมย์ ๑๑.นายภาสกร บุญญลักษม์ ผวจ.กระบี่ เป็น ผวจ.ปทุมธานี ๑๒.นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย ผวจ.ยะลา เป็น ผวจ.พังงา ๑๓.นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ชัยภูมิ เป็น ผวจ.ภูเก็ต ๑๔.นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผวจ.น่าน เป็น ผวจ.มหาสารคาม ๑๕.นายอำพล พงศ์สุวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.ยะลา ๑๖.นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ ผวจ.มหาสารคาม เป็น ผวจ.ราชบุรี ๑๗.นายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.ศรีสะเกษ ๑๘.นายสมนึก พรหมเขียว ผวจ.สมุทรสงคราม เป็น ผวจ.สงขลา ๑๙.นายศักระ กปิลกาญจน์ ผวจ.ระนอง เป็น ผวจ.สตูล ๒๐.นายผล ดำธรรม ผวจ.สระบุรี เป็น ผวจ.สมุทรสาคร ๒๑.นายบัญชา เชาวรินทร์ ผวจ.นครนายก เป็น ผวจ.สระบุรี ๒๒.นายเจษฎา จิตรัตน์ ผวจ.สงขลา เป็น ผวจ.สุราษฎร์ธานี ๒๓.นายพิริยะ ฉันทดิลก ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย เป็น ผวจ.อ่างทอง และ ๒๔.นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ เป็น ผวจ.อุบลราชธานีทยอยแต่งตั้ง ขรก.การเมืองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองหลายตำแหน่ง อาทิ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม นายกูเฮง ยาวอหะซัน เป็นเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เป็นที่ปรึกษานางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม นายสรพันธ์ คุณากรวงศ์ เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการนางมนพร นายสุรพงษ์ อึ้งอัมพรวิไล เป็นที่ปรึกษานายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม น.ส.ณภัทรา กมลรักษา เป็นผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการคมนาคม ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการนายสุรพงษ์ นายสุรพล เกียรติไชยากร เป็นที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรม น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เป็นเลขานุการรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการวัฒนธรรม นายนิโรธ สุนทรเลขา เป็นที่ปรึกษานายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการคลัง ปฏิบัติราชการประจำนายกฤษฎา น.ส.อรพินทร์ เพชรทัต ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการพลังงาน และนายเริงชัย คงทอง เป็นเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการพลังงาน นายนพดล พลเสน เป็นเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติฯ นายอารี ไกรนรา เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการแรงงาน นายดนัยณัฏฐ์ โชคอำนวย ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม และ น.ส.ไพลิน เทียนสุวรรณ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรมมอบ “สมศักดิ์” ปธ.กบฉ.ดูความมั่นคงใต้นายชัยกล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง โดยให้นายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน ให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน ส่วนกระแสข่าวการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะหมดในวันที่ ๑๙ กันยายนว่า ฝ่ายความมั่นคงได้เสนอ ครม. และระบุว่าเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จะแถลงเองในอีก ๑-๒ วัน ขอให้ตนยังไม่พูด แต่บอกได้เพียงว่าทิศทางจะผ่อนคลายมากขึ้น และเอื้อต่อเรื่องสิทธิ เสรีภาพของประชาชนมากขึ้น แต่เอาว่าดีกว่าเดิม แต่จะดีขนาดไหนขออนุญาตว่าไม่สามารถบอกได้ตอนนี้ แต่ยืนยันว่าทิศทางไปในทางบวก ประชาชนจะรู้สึกดีขึ้นผ่อนคลายผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ ๑๘ ก.ย. คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขยายการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯออกไปอีก ๑ เดือน โดยจะมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) จัดแนวทางการดำเนินงานให้เร็วและรัดกุมยิ่งขึ้น โดยมอบหมายให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ เป็นประธาน ทั้งนี้ ตำแหน่งประธาน กบฉ.คนเดิมคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯ“บิ๊กป๊อด” ปัดขัดแย้ง “ธรรมนัส”ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆกรณีมีกระแสข่าวขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร.ว่า “ไม่มี”“ไชยา” ห่วง รัฐมนตรีว่าการงานหนักขอแบ่งใหม่นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯ จากพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีข่าวว่าไม่พอใจเรื่องการแบ่งงานในกระทรวงเกษตรฯ ว่า ไม่ใช่ไม่พอใจ เพียงแต่ได้ท้วงติงถึงการแบ่งงานต้องมอบอำนาจบริหารจัดการ คำสั่งต้องชัดเจนเหมือนกระทรวงอื่น เมื่อถามว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร นายไชยาตอบว่า ก็พูดคุยกัน โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกษตรฯ มีความกรุณา ถ้าหากผิดพลาดที่คำสั่งไม่สมบูรณ์จะปรับปรุงแก้ไข วันนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯเหลือ ๒ คน รัฐมนตรีว่าการเกษตรฯได้ไป ๑๑ หน่วยงาน รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯได้คนละ ๔ หน่วยงาน รัฐมนตรีว่าการเกษตรฯจะงานหนักเกินไป อยากแบ่งเบาภาระท่าน แล้วแต่ท่านจะมอบหมายจัดความสมดุลอย่างไร เมื่อถามต่ออีกว่า จะไม่เป็นจุดที่ทำให้เกิดรอยร้าวใช่หรือไม่ นายไชยาตอบว่า ไม่มี ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่มีปัญหา ไม่ยืนอยู่บนความขัดแย้ง เพราะกระทรวงนี้ต้องทำงานร่วมกัน หัวใจเดียวกัน ต้องให้เกียรติกัน ต้องไว้ใจกัน ต้องมีธรรมาภิบาล เมื่อถามว่ามีการคุยกับนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการเกษตรฯหรือไม่ว่ามีความรู้สึกเดียวกัน นายไชยาตอบว่า นายอนุชาก็ไม่ได้ต่างจากตนtt tt“อนุทิน” ขยายผลล้างฮั้วประมูลที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการปราบปรามขบวนการฮั้วประมูลในหน่วยงาน สืบเนื่องจากคดี “กำนันนก” ที่จะสอบสวนทุจริตในประเด็นข้างต้นว่า เดี๋ยวต้องขยายผลเอาผิด ผู้ละเมิดกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยเมื่อพบเห็นความไม่ชอบมาพากล จะต้องตั้งคณะกรรมการ สอบ ตนจะดูแลเอง ที่ผ่านมาได้เริ่มทำไปบ้างแล้ว ด้วยการหาหลักฐานมามัดตัวคนผิด ที่สุดต้องให้ กฎหมายตัดสิน โครงการต่างๆได้รับการร้องเรียนมาพอสมควร บางครั้งเคยมีการทักท้วงแต่ยังเดินหน้า โดยไม่ให้ความสำคัญกับเสียงท้วงติง ต้องไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ไปหาข้อมูลหลักฐานมา ถ้าผิดต้องจัดการ “ดีนะที่คดีทุจริต ไม่มีอายุความ แต่การดำเนินการมีขั้นตอน กว่าจะรู้ว่าทำผิดงานเสร็จแล้ว จะไปทุบงานทิ้งก็ไม่ได้ ดังนั้นใครที่มารับผิดชอบต่อคดี ข้อร้องเรียนต้องทำ ถ้าไม่ทำถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่”เชิญ “สุนทร” หม่ำข้าวกลางวันต่อมาเวลา ๑๑.๑๒ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี บิดานางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเดินทางมาทำเนียบรัฐบาลว่า ช่วงเช้าวันที่ ๑๘ ก.ย. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ได้มอบนโยบายในการประชุมขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ได้เชิญมาทานอาหารที่ทำเนียบฯ ไม่ได้มาช่วยงานรัฐบาล แต่มีการประชุม ผวจ.ทั่วประเทศ รวมถึงนายก อบจ.ตามนโยบาย ของกระทรวงมหาดไทย ในฐานะที่อยู่พรรคเดียวกัน นายอนุทินเลยชวนมาทานข้าวและมาพบ ครม.tttt ttttttttconst jwplayer๑ = jwplayer(“cover_jwplayer_JLEFulUs”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v๒/media/JLEFulUs” tttt});tttt“ปดิพัทธ์” แจงเบิกงบฯดูงานสิงคโปร์นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทน ราษฎรคนที่ ๑ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ถึงกรณีโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ ตั้งข้อสังเกตการเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ๒๑-๒๕ กันยายนใช้งบฯสูงเกินจริงว่า เป็นการไปดูงาน “Smart and Open parliament” การจัดการฝุ่นและชีวิตคนไทยในสิงคโปร์ ทุกคนที่ไปมีส่วนร่วมขับเคลื่อนรัฐสภาโปร่งใส มีประสิทธิภาพสูง สส.ที่ร่วมคณะไปแสดงความจำนงว่า สนใจงานกิจการสภาฯ มีคำเชิญถึงพรรคร่วมรัฐบาลด้วย ทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ได้มุ่งเอาไปเฉพาะคนของฝ่ายค้าน แต่เป็นงานนิติบัญญัติ เมื่อมีโครงการค่าใช้จ่าย เจ้าหน้าที่ต้องบอกว่าเบิกค่าเดินทางได้เท่าไร เป็นการตั้งงบฯแบบสูงสุดไว้ก่อน แต่ใช้จ่ายเป็นไปตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ถูกกว่าที่ตั้งงบฯอยู่แล้ว เมื่องบฯเหลือต้องส่งกลับคืนคลังทั้งหมด การจองที่พักและการเดินทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามระเบียบ ได้ให้นโยบายว่าอย่าเต็มที่นักเลย บอกให้บินสายการบินประหยัดด้วยซ้ำ ค่าที่พักไม่ต้องถึง ๑๒,๐๐๐ บาท เพียง ๗,๐๐๐-๘,๐๐๐ บาทก็พอ แต่จะให้ไปนอนโฮสเทลไม่ใช่เรื่อง เจ้าหน้าที่ไปทำการบ้านมา แต่มีระเบียบว่าต้องบินด้วยสายการบินแห่งชาติยืนกรานโปร่งใส ท้ารอดูผลงานนายปดิพัทธ์กล่าวอีกว่า ส่วนการตั้งข้อสังเกตไปดูงานไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน ใช้งบฯไม่คุ้มค่า ขอให้รอดูผลการทำงานของตนหลังจากกลับมาก่อน อย่าคาดการณ์ตั้งแต่ยังไม่ไป ถือเป็นเรื่องแปลก ขอให้รอดูเมื่อไปแล้วจะมีรายงานอะไรกลับมาจัดส่งถึงรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและประธานสภาฯ การเดินทางไปดูงานไม่ใช่จับตาดูแค่ตน แต่ทั้งองค์กรอิสระ ศาล กรรมาธิการ รวมถึงรัฐบาลไปดูงานต่างประเทศมากมาย เป็นโอกาสดีที่สังคมจะได้ตั้งคำถามเรื่องนี้ ยืนยันทุกอย่างโปร่งใส พร้อมรับการตรวจสอบ การออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่ทำให้การเดินทางไปดูงานครั้งนี้สะดุด ทุกอย่างทำตามขั้นตอน จะแถลงชี้แจงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๐ กันยายนอีกครั้ง“วันนอร์” ป้อง “หมออ๋อง” ใช้งบฯถูกต้องนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯกล่าวถึงกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ ได้ขออนุมัติงบฯดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมนำ สส.ทั้งพรรค ก.ก.และพรรค พท.เดินทางไปด้วยว่า อนุมัติไปแล้ว ได้สอบถามฝ่ายกฎหมาย ดูข้อบังคับพบว่าทำได้ ใช้งบฯรองประธานสภาฯคนที่ ๑ เป็นการใช้ตามระเบียบ เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มงานที่รับผิดชอบดูแลอยู่ เมื่อถามว่ามีข่าวแพร่ออกไปพบว่าไม่ใช่ถูกเชิญ แต่ตั้งงบฯไปศึกษาดูงาน นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า มันมีงบฯอยู่แล้ว ขึ้นอยู่ว่าจะใช้ตอนไหน เวลาไหน มองเรื่องประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่า กลับมาต้องเขียนรายงาน นำ สส.ไปได้ด้วยถ้าเป็นประโยชน์ต่องานที่ทำอยู่ ไม่กังวลในส่วนที่อนุมัติไปแล้ว เพราะเห็นเป็นประโยชน์ ไม่ได้ไปเที่ยว ไปดูงาน สิงคโปร์มีอะไรต้องศึกษานำมาเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานปัดกระแสข่าวลือไขก๊อกต่อมานายวันมูหะมัดนอร์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณีนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กระบุได้ยินกระแสข่าวนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯจะลาออกจากตำแหน่ง เพราะมีปัญหาสุขภาพว่า ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำเช่นนั้น ที่ผ่านมาทำงานเต็มกำลัง ไม่มีวันหยุด มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ เสาร์-อาทิตย์ก็ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน สื่อมวลชนก็เห็น ยืนยันไม่มีปัญหาสุขภาพ แข็งแรงดี แล้วจะลาออกเพราะอะไร ไม่รู้ไปเอาข่าวมาจากไหน และตนไม่ได้ทำผิดอะไร จะเป็นกระแสข่าวมาจากสัญญาณฝ่ายการเมืองหรือไม่ ไม่ทราบว่าสัญญาณการเมืองที่ว่าหมายถึงอะไร แต่ยืนยันว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง การขึ้นมาเป็นประธานสภาฯ ไม่ได้ไปขอร้องให้ใครเลือก แต่มาตามวาระความจำเป็นของบ้านเมือง ทั้งนี้ได้มอบหมายให้นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ แถลงชี้แจงเรื่องนี้แล้วโต้สุขภาพแข็งแรงดีไม่มีปัญหานายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาฯ กล่าวว่า กระแสข่าวนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา จะลาออกจากตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะมีปัญหาสุขภาพ เพื่อเปิดทางให้คนอื่นขึ้นมาเป็นแทน ยืนยันว่านายวันมูหะมัดนอร์ไม่คิดจะลาออกจากประธานสภาฯ ยังมีสุขภาพดี แม้วัยจะล่วงเลย แต่ทำงานตามวาระงานของสภาฯทุกวัน วันหยุดเสาร์อาทิตย์ ลงพื้นที่พบประชาชน ร่วมงานด้านศาสนา ประธานสภาฯอยากให้ประชาชนที่ติดตามสบายใจได้ว่ายังพร้อมทำงานเพื่อชาติและประชาชนtt tt“อดิศร” โบ้ยไม่แทรกแซงเรื่องของ ก.ก.ที่รัฐสภา นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานสภาฯ (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ลาออกจากหัวหน้าพรรค ก.ก.เปิดทางให้ สส.ทำหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านว่า ไม่อยากก้าวก่ายแทรกแซงพรรคที่มีโอกาสเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เป็นกิจการภายในของพรรคนั้น เป็นสิทธิของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่จะอยู่หรือไป แล้วแต่พรรค ก.ก.คิด ไม่ไปแทรกแซง อย่าดึงตนไปอยู่ในความขัดแย้งของท่าน กรณีอาจขับนายปดิพัทธ์ไปอยู่พรรคอื่น มีความผิดอะไร ยังหาเหตุผลที่จะขับนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคไม่ได้ ยกเว้นมาเล่นละครซ่อนหากัน ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่หากจะย้ายพรรคก็เป็นสิทธิไม่ขอวิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่“ครูมานิตย์” เตือนระวังจะยิ่งกว่าละครนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรค พท. กล่าวขอให้พรรค ก.ก.และนายปดิพัทธ์ คิดให้ดีและอดทนรอ หากจะตัดสินใจขับนายปดิพัทธ์ จะยิ่งกว่าละคร ในอนาคตนายปดิพัทธ์ อาจลำบากในการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ การถูกขับออกจากสมาชิกพรรค ต้องขัดมติพรรคอย่างรุนแรง เป็นตราบาป ยิ่งกว่าการฆ่าตัวตายทางการเมือง ยิ่งกว่าการโดนไล่ออกจากโรงเรียน ไม่อยากให้พรรค ก.ก.ใช้กติกาแบบนี้ ทั้งที่ประกาศจะทำการเมืองแบบใหม่ แต่กลับเลี่ยงบาลี หากวันใดตนเมาอากาศในสภาฯอาจทวงถามความสง่างาม จริยธรรมและศักดิ์ศรีของรองประธานสภาฯที่ทำหน้าที่อยู่บนบัลลังก์การประชุมก็ได้ ส่วนการจัดสรรประธานกรรมาธิการสามัญ สภาฯสัปดาห์นี้ต้องเสร็จสิ้น หากไม่มีข้อยุติกันได้ อาจต้องจับสลากหรือให้ลงมติเลือกกันเอง อย่างอิสระในกรรมาธิการชุดที่มีปัญหาโฆษก รทสช.อัด “รองอ๋อง” ด้อยค่าสภาฯนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ โฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ ๑ ระบุจำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งต่อ เพื่อให้สภาฯโปร่งใส การทำงานของสภาฯมีประสิทธิภาพและเป็นของประชาชนว่า เป็นการพูดด้อยค่าสภาฯและด้อยค่าองค์กร นายปดิพัทธ์จะอยู่ในตำแหน่งต่อหรือไม่เป็นสิทธิ จะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายอยู่ต่อไม่เป็นไร กรณีคล้ายกันถ้าคนอื่นทำบ้างอย่ามาโจมตี“ศรี” ยื่นสอบจริยธรรม “ปดิพัทธ์”นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน กล่าวว่า กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อไปยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ ๑ ขอใช้งบฯสภาฯ ๑.๓ ล้านบาท ไปดูงานที่สิงคโปร์ ต้องถูกตรวจสอบจริยธรรม อ้างว่าใช้งบฯตามระเบียบ ขออนุญาตอย่างถูกต้องไม่ได้ การใช้เงินภาษีจำนวนมากอาจไม่คุ้มค่า ไม่มีผลดีเมื่อเทียบกับเงินนับล้านบาทที่เสียไป และนำแต่ สส.พรรคตัวเองเกือบทั้งหมด มี สส.พรรค พท.๑ คนร่วมขบวนไป ทั้งไม่มีอำนาจเชิงบริหาร ไม่มีหน้าที่ใดๆในการบริหารรัฐสภา น่าจะใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นหน้าที่ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบจ่อยื่น สตง.สอบ ๓๐ ล้านผู้นำถกยูเอ็นนายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาพรรค ก.ก.เคยรณรงค์ไม่ใช้งบฯ แผ่นดินไปดูงานต่างประเทศ แต่พอตัวเองเข้ามาสู่ตำแหน่งบริหาร นิติบัญญัติ กลับทำตรงกันข้าม นโยบายหาเสียงย้อนแย้งในตัวเอง สตง.ไม่ควรอยู่เฉยมองเหตุการณ์นี้ผ่านแล้วผ่านไป ควรส่งสัญญาณว่าสิ่งใดทำได้หรือไม่ได้ ยังเตรียมยื่นเรื่องต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กรณีใช้งบฯ ๓๐ ล้านบาท สูงเกินจริงในการเดินทางไปร่วมประชุมองค์การสหประชาชาติ ที่สหรัฐอเมริกาของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลังtttt ttttttttconst jwplayer๑ = jwplayer(“cover_jwplayer_E๔U๒WOxx”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v๒/media/E๔U๒WOxx” tttt});ttttสว.อุ้ม “กิตติศักดิ์” ไม่ผิดจริยธรรมเมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานผลการพิจารณาเรื่องร้องเรียนจริยธรรม นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กรณีถูกร้องเรียนทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล กรณีความขัดแย้งวัดบางคลาน จ.พิจิตร ไม่ยอมให้เจ้าอาวาสวัดบางคลานที่ถูกแต่งตั้งถูกต้องเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาที่มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่ ๑ เป็นประธานกรรมการได้พิจารณาแล้วเสร็จ โดยใช้ประชุมและลงคะแนนลับ นายพรเพชรให้ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติจะเห็นด้วยกับรายงานของกรรมการจริยธรรมที่เสนอลงโทษนายกิตติศักดิ์ด้วยการว่ากล่าวตักเตือน เพราะการปฏิบัติหน้าที่ทำให้บุคคลเคลือบแคลงในการทำหน้าที่ หรือใส่ร้าย เสียดสีบุคคลอื่น นำข้อความอันเป็นเท็จอภิปรายต่อที่ประชุม ถือว่าขัดข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกวุฒิสภาและกรรมาธิการ พ.ศ.๒๕๖๓ พบว่ามีเสียงเห็นชอบกับรายงานกรรมการ ๙๓ เสียง ไม่เห็นชอบ ๓๓ เสียง และไม่ออกเสียง ๓๗ คน ถือว่านายกกิตติศักดิ์ไม่ได้ทำการใดตามที่ถูกร้องเรียนจริยธรรม เพราะคะแนนเสียงเห็นชอบ มีไม่ถึงกึ่งหนึ่งของ สว. ๑๒๔ เสียง