Saturday, 27 July 2024

โปรดเกล้าฯ "ชัยธวัช’" ผู้นําฝ่ายค้านคนที่ ๑๐ มติบอร์ดค่าจ้างยันขึ้นอัตราเดิม (คลิป)

21 Dec 2023
55

“ชัยธวัช” รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้าน คนที่ ๑๐ ลั่นขอเป็นฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ลุยตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลเข้มข้นตรงไปตรงมา “พิธา” ขึ้นไต่สวนคดีถือหุ้นสื่อ หอบหลักฐานแจงไอทีวีไม่ได้เป็นสื่อแล้ว มั่นใจได้คืน สถานะ สส.ลุยงานการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ขาด ๒๔ มกราคม๖๗ “ครูไทย” ชงร่างกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมืองไม่จำกัดช่วงเวลา ไม่แตะความผิด ม.๑๑๒ คดีทุจริตและคดีอาญาร้ายแรง “บอร์ดค่าจ้าง” ลงมติ เอกฉันท์ยืนกรานมติเดิม ๘ ธ.ค. ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ๑๗ กลุ่มจังหวัด ๒-๑๖ บาท “ปลัดแรงงาน” ชงเข้า ครม. ๒๕ ธ.ค. รอตั้งอนุกรรมการปรับสูตรค่าจ้างใหม่ อาจปรับอีกครั้ง เม.ย.-พฤษภาคมปีหน้า “อรรถยุทธ” เผยบอร์ดรุมต้านการเมืองแทรกแซง ขยาดซ้ำรอยปี ๕๖ ดันค่าแรง ๓๐๐ บาททั่วไทย ทุบนายจ้าง-เอสเอ็มอีล้มหายตายจากนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เข้าพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ถือเป็นผู้นำฝ่ายค้านคนที่ ๑๐ ของสภาฯไทย โดยประกาศจุดยืนพรรคฝ่ายค้านจะทำงานเต็มที่ ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหารอย่างตรงไปตรงมา“ชัยธวัช” ลั่นเป็นผู้นำฝ่ายค้านเพื่อ ปชช.เมื่อเวลา ๐๘.๔๐ น. วันที่ ๒๐ ธ.ค. ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ประกอบพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทน ราษฎรคนที่ ๑๐ ของสภาฯไทย โดยมีข้าราชการสภาฯ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ ๑ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ ๒ รวมทั้ง สส.พรรค ก.ก.เข้าร่วมพิธี นายชัยธวัชให้สัมภาษณ์หลังรับพระบรมราช โองการว่า จากนี้พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือถึงแนวทางทำงานร่วมกัน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯยืนยันว่า พรรคฝ่ายค้านจะทำงานอย่างเต็มที่อย่างที่ประชาชน คาดหวัง ไว้วางใจ ตรวจสอบถ่วงดุลฝ่ายบริหาร ยึดเอา ผลประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง ตรงไปตรงมา ฝ่ายค้านและฝ่ายบริหาร สส.รัฐบาลสามารถร่วมมือกัน ผลักดันสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชนผ่านตัวแทนนิติบัญญัติได้ ไม่จำเป็นต้องตรงกันข้ามกันตลอด หวังว่ากระบวนการนิติบัญญัติ การทำงานในสภาฯสมบูรณ์เข้มข้นขึ้น หลังปีใหม่จะประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านอย่างเป็นทางการ ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจยังไม่ได้คุยกัน พรรค ก.ก.ยึดเอาข้อมูล ข้อเท็จจริง เป็นตัวตั้ง ไม่ได้ตั้งเป้าจะอภิปรายให้ได้ หวังรัฐบาลร่วมมือผลักดันสิ่งที่ฝ่ายค้านเสนอด้วย สัปดาห์นี้คงได้เห็นความร่วมมือหลายเรื่อง อาทิ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่กังวลแก้ ม.๑๑๒ คดีไม่ถึงยุบพรรคนายชัยธวัชกล่าวถึงการต่อสู้คดีล้มล้างการปกครอง จากกรณีเสนอร่างแก้ไขมาตรา ๑๑๒ ที่นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก.และพรรค ก.ก.ถูกร้องศาลรัฐธรรมนูญว่า ฝ่ายกฎหมายได้ส่งเอกสารชี้แจงเพื่อประกอบการไต่สวน วันที่ ๒๕ ธ.ค. เชื่อว่าการกระทำของพรรค ก.ก ไม่เป็นความผิดตามคำร้อง หากไม่มีการไต่สวนเพิ่ม ศาลจะนัดวินิจฉัยช่วงปลายเดือน มกราคมหรือต้น กุมภาพันธ์๖๗ ไม่กังวลว่าจะไปถึงการยุบพรรค คดีนี้เป็นการร้องให้ยุติการกระทำ ไม่สามารถไปไกลถึงเรื่องยุบพรรคได้ ต่อสู้เต็มที่เพราะการเสนอร่างกฎหมายใดๆ ไม่สามารถนำไปสู่การล้มล้างการปกครองได้ กระบวนการทางนิติบัญญัติมีกรอบชัดเจนว่าไม่สามารถขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญได้โยน ๔ ฝ่ายหารือเลื่อน ก.ม.งบฯ ปี ๖๗เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯ ก่อนเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมได้เปิดโอกาสให้ สส.หารือปัญหาต่างๆ โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒนสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. หารือให้นายวันมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาฯ ใช้อำนาจเลื่อนการพิจารณา ร่าง พระราชบัญญัติงบฯ ปี ๖๗ วาระแรก วันที่ ๓ มกราคม๖๗ ออกไปก่อน เพื่อให้รอบคอบ เพราะสมาชิกยังไม่เห็นเนื้อหา จากการตรวจสอบแม้จะพิจารณาวาระแรกช้ากว่าปฏิทิน ๑ สัปดาห์ แต่ไม่กระทบชั้นกรรมาธิการ และกรอบเวลาที่รัฐธรรมนูญระบุให้พิจารณากฎหมายงบฯให้แล้วเสร็จภายใน ๑๐๕ วัน ชั้น กมธ.ร่นระยะเวลาให้เร็วขึ้นได้ ยังผ่านวาระ ๓ ได้กลางเดือน เม.ย. ๖๗ เหมือนเดิม ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ ประธานที่ประชุม ชี้แจงว่า ได้มอบให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ นัดหารือ ๔ ฝ่าย เพื่อตกลงกรอบเวลาพิจารณาร่างกฎหมายงบฯให้ชัดเจน ทราบว่ารัฐบาลจะส่งร่าง พระราชบัญญัติงบฯปี ๖๗ มาถึงสภาฯวันที่ ๒๖ ธ.ค. ส่วนตัวไม่มีปัญหาถ้าจะเลื่อนวาระแรกวันที่ ๓ มกราคม๖๗ ไปเป็นวันที่ ๑๐ มกราคม๖๗ แต่อยากได้ความเห็นจากทุกฝ่ายสภาฯรับหลักการเช็คเด้งไม่ติดคุกต่อมาเวลา ๑๓.๐๐ น. ที่ประชุมสภาฯ พิจารณาเรื่องด่วนร่าง พระราชบัญญัติยกเลิก พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๕๓๔ ที่ คณะรัฐมนตรีเสนอมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ชี้แจงเพื่อยกเลิก กฎหมายที่ให้ใช้เช็คทางธุรกรรม มีการกำหนดโทษทางอาญาจำคุกมาใช้บีบบังคับกับผู้ผิดนัดทางแพ่ง แม้ไม่มีเจตนาทุจริต ไม่สอดคล้องนโยบายรัฐบาล และรัฐธรรมนูญมาตรา ๗๗ ที่ให้กำหนดโทษทางอาญาเฉพาะความผิดร้ายแรง และบทเฉพาะกาลให้ผู้ต้องโทษอันเนื่องจากความผิดได้รับการปล่อยตัวโดยเร็วเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้ โดย สส. ส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยให้ยกเลิก พระราชบัญญัติความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค เพราะเป็นกฎหมายล้าหลัง คนไม่ควรติดคุกกรณีเช็คเด้ง ที่เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจ ที่ประชุมมีมติรับหลักการ ด้วยคะแนน ๔๑๘ ต่อ ๐tt tt“พิเชษฐ์” ถกวิปเคาะวันชำแหละงบฯเมื่อเวลา ๑๔.๐๐ น. ที่รัฐสภา นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ ๒ เป็นประธานการประชุมวิป ๔ ฝ่ายเพื่อกำหนดวันพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติงบฯปี ๒๕๖๗ จากเดิมที่ คณะรัฐมนตรีกำหนดวันที่ ๓-๕ มกราคม๖๗ แต่ฝ่ายค้านเสนอเลื่อนออกไปเป็นวันที่ ๑๐-๑๒ ม.ค. ใช้เวลาหารือนาน ๔๕ นาที จากนั้นนายพิเชษฐ์เปิดเผยว่า ที่ฝ่ายค้านเสนอมาเห็นว่าวันที่ ๑๒ มกราคมใกล้กับวันเด็กแห่งชาติ สส.ทุกพรรคต้องลงพื้นที่ ทุกคนจึงเห็นด้วยว่าจะอภิปรายวันที่ ๑๒ มกราคมไม่ได้ ทำให้ฝ่ายค้านเสนอว่าถ้าเป็นไปได้อยากให้เริ่มวันที่ ๙ ม.ค. เวลา ๑๕.๐๐ น. โดยประมาณ แล้วไปลงมติรับหลักการหรือไม่ ช่วงดึกวันที่ ๑๑ มกราคมจะทำให้ สส.เดินทางกลับพื้นที่ร่วมงานวันเด็กช่วงเช้าวันที่ ๑๒ มกราคม๖๗คุยอีกหนรอ “มนพร” หารือรัฐบาลนายพิเชษฐ์กล่าวอีกว่า ยังมีอีกแนวทางหนึ่ง คือพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าววันที่ ๓-๕ ม.ค. ฝ่ายค้านยินดี ถ้ารัฐบาลให้ข้อมูลงบฯไปศึกษาตั้งแต่วันที่ ๒๒ ธ.ค. วันที่ ๒๑ ธันวาคมจะรอนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการคมนาคม ในฐานะตัวแทน คณะรัฐมนตรีไปประสานกับรัฐบาลก่อนว่าจะให้ข้อมูลงบฯ ที่เป็นไฟล์เอกสารหรือคิวอาร์โค้ดแก่ สส.ได้ไปศึกษา ภายในวันที่ ๒๒ ธันวาคมทันหรือไม่ ถ้าได้การพิจารณางบฯวาระแรกจะเป็นวันที่ ๓-๕ มกราคมเช่นเดิม คิดว่าแนวโน้มข้อมูลร่าง พระราชบัญญัติงบฯคงเรียบร้อยแล้ว จึงเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะให้ข้อมูล สส.วันที่ ๒๒ ธ.ค. ได้นัดประชุมอีกครั้ง วันที่ ๒๑ ธ.ค. เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปเรื่องวันแน่นอน“ครูไทย” ลุยชง ก.ม.นิรโทษกรรมนายปรีดา บุญเพลิง หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน กล่าวว่า เมื่อวันที่ ๒๐ ธ.ค. เวลา ๑๕.๓๐น. ได้ยื่นร่าง พระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข ต่อประธานสภาฯแล้ว เพื่อให้บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมสภาฯ ต่อไป ขอให้เร็วที่สุด เพื่อสร้างความปรองดองให้ประเทศ มี สส.เข้าชื่อเสนอกฎหมาย ๒๐ คนทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน แต่ไม่มีพรรค ก.ก.สาระสำคัญคือการนิรโทษกรรมความผิดในคดีที่มีมูลเหตุแรงจูงใจในการกระทำผิดจากความเห็นต่างทางการเมืองทั้งหมด ยกเว้นความผิด ๓ ประเภทที่ไม่อยู่ในเงื่อนไขได้รับนิรโทษกรรมคือ ๑.ความผิดมาตรา ๑๑๒ ๒.คดีทุจริต ๓.คดีอาญาร้ายแรง ให้มีผลย้อนหลังถึงความผิดในอดีตที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองทุกคดี ไม่จำกัดช่วงเวลาจนถึงวันที่ยื่นร่างกฎหมายคือวันที่ ๒๐ ธันวาคม๖๖ มั่นใจว่าจะได้รับเสียงสนับสนุนจาก สส.ทุกฝ่ายยื่นในฐานะฝ่ายอิสระอยากเห็นบ้านเมืองปรองดอง ก้าวข้ามความขัดแย้ง เกิดสันติสุขโดยเร็ว ไม่มีใครสั่งการ จึงไม่รอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯมาหาข้อสรุปให้ตกผลึกก่อนตามข้อเสนอของฝ่ายรัฐบาลได้ การตั้ง กมธ.วิสามัญเป็นการเล่นเกมการเมือง ยื้อการสร้างความปรองดองออกไปเรื่อยๆบอร์ดค่าจ้างยืนขึ้นค่าแรง ๒-๑๖ บาทวันเดียวกัน ที่กระทรวงแรงงาน นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง (บอร์ด) ชุดที่ ๒๒ เป็นประธานการประชุมบอร์ดค่าจ้างไตรภาคีเพื่อพิจารณาทบทวนปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ หลังจากนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการคลัง เห็นว่ามติบอร์ดค่าจ้างเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคมปรับขึ้น ๑๗ กลุ่มจังหวัดในอัตรา ๒-๑๖ บาทน้อยเกินไป มีบอร์ดทั้งฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้างและรัฐบาล ๑๕ คน ร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง ใช้เวลาประชุมประมาณ ๒ ชั่วโมง โดยนายไพโรจน์กล่าวว่า บอร์ดได้นำข้อสังเกตของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการแรงงาน มาประกอบการพิจารณา และมีมติให้ปรับค่าจ้างขั้นต่ำไปตามมติเดิมเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคมเนื่องจากสูตรการคำนวณที่ใช้กำหนดอัตราค่าจ้างเป็นสูตรที่ทุกฝ่ายเห็นชอบให้ทุกจังหวัดใช้เป็นหลักเกณฑ์พิจารณาค่าจ้างรายจังหวัดด้วยเหตุผลบนข้อมูลเศรษฐกิจปัจจุบันแล้ว เห็นควรให้ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำตามความเหมาะสม ความเป็นจริง บนพื้นฐานความเสมอภาคเป็นธรรม และน่าเชื่อถือ ทั้งนี้จะเสนอ คณะรัฐมนตรีพิจารณาในสัปดาห์หน้าสังคายนาสูตรใหม่ปรับอีกกลางปีนายไพโรจน์กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสังเกตุของ รัฐมนตรีว่าการแรงงาน การปรับสูตรกำหนดค่าจ้างใหม่เพื่อพิจารณาค่าจ้างใหม่เร็วที่สุดเมื่อสภาพเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง หรือมีข้อเรียกร้องของลูกจ้าง ในวันที่ ๑๗ ม.ค. จะเสนอรายชื่อตั้งอนุกรรมการพิจารณาสูตรปรับค่าจ้างใหม่ เมื่อได้แล้วจะส่งให้อนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดนำสูตรใหม่ไปคำนวณอัตราค่าจ้างรายจังหวัด จะเป็นการสังคายนาสูตรการคำนวณปรับค่าจ้างใหม่ในรอบ ๖ ปี และอาจจะปรับค่าจ้างอีกครั้งในเดือน เม.ย.-พฤษภาคมปีหน้า ตามสูตรคำนวณใหม่ ทั้งยังต้องเพิ่มเกณฑ์ค่าจ้างรายอาชีพรวมเข้าไปด้วยจะทำให้เปอร์เซ็นต์การปรับค่าจ้างสูงขึ้น และมีโอกาสดันค่าจ้างขั้นต่ำใหม่ให้ไปใกล้แตะ ๔๐๐ บาทtt ttนายจ้างลั่นปรับตามการเมืองไม่ได้นายอรรถยุทธ ลียะวณิช บอร์ดค่าจ้างฝ่ายนายจ้าง กล่าวว่า มติบอร์ดเมื่อวันที่ ๘ ธ.ค. เหมาะสมอยู่แล้ว ยกเว้นอนาคตเกิดเปลี่ยนแปลง อัตราเงินเฟ้อพุ่งพรวด หรือเศรษฐกิจไม่ดี สามารถนำเรื่องกลับมาพิจารณาใหม่เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยปีหน้าจะปรับสูตรคำนวณค่าจ้างใหม่ การปรับขึ้นค่าจ้างครั้งหน้าต้องเป็นธรรมทั้ง ๒ ฝ่าย ถ้าไม่ปรับขึ้นลูกจ้างอยู่ไม่ได้ ปรับขึ้นมากนายจ้างก็ไม่ไหว ถ้าจะปรับอีกรอบก็เห็นด้วยถ้าเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง เพราะที่บอกว่าปรับ ๒ บาท ยังซื้อไข่ไม่ได้ ทำให้บอร์ดต้องมาคุยกัน เพราะมติบอร์ดที่ผ่านมายังไม่นำเข้า คณะรัฐมนตรีแต่หลายคนให้เหตุผลว่า หากปรับตามที่การเมืองแทรกแซงแล้วให้ไปตามนั้น ครั้งต่อไปจะมา แทรกแซงตลอด แล้วจะมีบอร์ดค่าจ้างไว้ทำไม บอร์ดชุดนี้ก็ไม่ควรมี ในครั้งนี้ถือว่า การเมืองแทรกแซงไม่สำเร็จเข็ดปี ๕๖ ขึ้น ๓๐๐ บาทเอสเอ็มอีเจ๊งยับนายอรรถยุทธกล่าวอีกว่า ขอวิงวอนให้ยุติการแทรกแซง ถ้าอยากจะทราบข้อมูลอะไรทางฝ่าย เลขาฯบอร์ดค่าจ้าง หรือฝ่ายนายจ้าง พร้อมให้ข้อมูลก่อนที่ท่านจะให้สัมภาษณ์เพราะจะเกิดความเสียหาย เพราะบอร์ดพิจารณาตามกฎหมายระบุไว้ทุกอย่าง และจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบในอดีตที่เมื่อปี ๒๕๕๖ ที่ถูกพิษการเมืองแทรกจนต้องปรับค่าจ้างจาก ๒๕๑ บาทไปเป็น ๓๐๐ บาททั่วประเทศ นายจ้างและเอสเอ็มอีล้มหายตายจากไปมากลูกจ้างยึดโยงตามสภาพเศรษฐกิจขณะที่นายวีรสุข แก้วบุญปัน บอร์ดค่าจ้างฝ่ายลูกจ้าง กล่าวว่า ลูกจ้างอยากได้ค่าจ้างเพิ่มอยู่แล้ว แต่ต้องมองตามสถานการณ์ความเป็นจริง ถ้าเพิ่มแล้วจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง และตามหน้าที่ของบอร์ดค่าจ้าง มีมติที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ถ้าปรับเปลี่ยนคงไม่เหมาะสม ครั้งนี้ทั้งบอร์ดค่าจ้างและที่ปรึกษาไม่มีใครเห็นต่างจึงให้เป็นไปตามมติเดิมเมื่อวันที่ ๘ ธันวาคมโดยไม่มีใครค้าน แต่หากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นสามารถนำกลับมาพิจารณาปรับค่าจ้างอีกครั้งหนึ่งได้tttt ttttttttconst jwplayer๑ = jwplayer(“cover_jwplayer_๔phGGrag”).setup({tttt    “playlist”: “https://cdn.jwplayer.com/v๒/media/๔phGGrag” tttt});tttt“พิธา” ไต่สวนย้ำไอทีวีไม่เป็นสื่อแล้ว เมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น.ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมนัดไต่สวนพยานบุคคลในคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ส่งคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรค ก.ก. เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อสารมวลชนใดๆอยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบบัญชีรายชื่อ เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๐๑ (๖) ประกอบมาตรา ๙๘ (๓) หรือไม่ ก่อนหน้านี้ศาลรับคำร้องสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ตั้งแต่วันที่ ๑๙ กรกฎาคม๖๖ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ช่วงเช้าศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมรับฟังการไต่สวน ไม่มีการถ่ายทอดการไต่สวนผ่านโทรทัศน์วงจรปิด บริเวณรอบศาลมีแฟนคลับพรรค ก.ก. ๓คน มาชูป้ายข้อความว่าเรียกร้องให้ กกต.ถ่ายทอดสดผ่าน itv และ itv อยู่ไหน อยากออกไอทีวี ด้านนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.พร้อมคณะในฐานะผู้ร้องเวลา ๐๘.๔๐ น. ส่วนนายพิธาและคณะ เดินทางถึงศาลช่วงเวลา ๐๙.๐๐ น.ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมทีมงานทนายความ ถือกระเป๋าเดินทาง ๒ ใบ ใส่หลักฐาน ประกอบการไต่สวนพอใจแจงยิบมั่นใจได้คืนสถานะจากนั้นเวลา ๑๑.๒๙ น. นายพิธาให้สัมภาษณ์ว่า พอใจเป็นไปตามที่หวังไว้ทุกประการ มั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรม หวังว่าจะได้กลับไปทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ยืนยันการถือหุ้นไอทีวีเป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก ได้สละเจตนาไปแล้วก่อนพรรคอนาคตใหม่ และมีการแบ่งปันมรดกกัน ส่วนรายละเอียดคงตอบมากกว่านี้ไม่ได้ จะกลายเป็นการชี้นำสังคมและละเมิดศาล เมื่อถามว่ามีการมองว่าถึงไอทีวีไม่ได้ทำสื่อแล้ว แต่สามารถกลับมาทำสื่ออีกได้ นายพิธากล่าวว่า ถ้าตามเอกสารต้องดูที่ประธานไอทีวีเคยพูดคุยกันในการประชุมผู้ถือหุ้นในปี ๒๕๕๘-๒๕๖๐ รายละเอียดถามนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุมผู้ถือหุ้นไอทีวีน่าจะเหมาะสม กว่า พูดแทนไม่ได้ แต่ตามเอกสารที่ออกมาจะเห็นว่ายุติการประกอบธุรกิจตั้งแต่ปี ๒๕๕๐ และคลื่นไปอยู่ที่ไทยพีบีเอส ใบอนุญาตไม่มีแล้ว การจะกลับมาประกอบกิจการเดิม ยังมีคดีความเดิมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน).ที่ศาลปกครองสูงสุด ถ้าพ้นข้อกล่าวหาพร้อมจะกลับมาทำงานการเมืองทันทีแน่นอนชี้ขาดคดีหุ้นไอทีวี ๒๔ มกราคม๖๗ต่อมาเวลา ๑๓.๐๕ น. สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าวภายหลังศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนคดีหุ้นไอทีวีฯ ทั้งฝ่ายผู้ร้องและผู้ถูกร้อง ๓ ปาก เสร็จสิ้น ทั้งนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค ก.ก. นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. และนายคิมห์ สิริทวีชัย ประธานที่ประชุมผู้ถือหุ้น ไอทีวี ว่า คดีเป็นอันเสร็จการไต่สวน ศาลนัดฟังคำวินิจฉัยวันที่ ๒๔ มกราคม๒๕๖๗ เวลา ๑๔.๐๐ น.“สมศักดิ์” ยันราชทัณฑ์ไม่เอื้อ “ทักษิณ”เมื่อเวลา ๐๙.๒๐ น. ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวกรมราชทัณฑ์ มีชื่อไปเกี่ยวข้องการออกกฎกระทรวงปี ๒๕๖๓ ที่ตั้ง ข้อสังเกตเอื้อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ ปี ๖๐ ออกมาช่วงรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก่อนที่ตนเข้ามาเป็น รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม ต่อมามีข้าราชการ อดีตข้าราชการ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน เข้าพบเพื่อขอให้มีที่คุมขังนอกเรือนจำ ทั้งกับนักโทษ ผู้ต้องขัง หรือผู้ที่ถูกกล่าวหา เห็นด้วย จึงให้ปลัดกระทรวงและคณะทำงานไปดำเนินการ แต่ยังไม่ทันเสร็จเรื่องได้ลาออกจาก รัฐมนตรีว่าการยุติธรรมและได้เห็นระเบียบกรมราชทัณฑ์ออกมาช่วงนี้มีกระแสข่าว เอื้อกับผู้ต้องขังรายใดรายหนึ่งหรือไม่ คงไม่ใช่เพราะการจำแนกผู้ต้องขังและมีที่คุมขังนอกเรือนจำดำเนินการตามหลักสากล และกฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการได้ แต่การจำคุกในโทษร้ายแรงจะไม่ถูกนำมาจำแนก ขณะนี้เป็นเรื่องที่ดี ที่มีตัวอย่างกรณีอดีตนายกฯขึ้นมา ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ไม่ได้ไปล้วงลูกชี้เปรี้ยง “ทักษิณ” เข้าข่ายระเบียบใหม่เมื่อถามว่า กรณีนายทักษิณเข้าเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า เข้าเกณฑ์ เพราะมีโทษไม่เกิน ๔ ปี และไม่ใช่บุคคล ที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม แต่เป็นโทษที่ไม่ได้ เป็นภัยต่อสังคม และเป็นโทษที่มีจำนวนน้อยกว่า ๑ ปี กระแสข่าวที่ตนเข้าสังกัดพรรคเพื่อไทยได้เพราะ เอื้อส่วนนี้ไม่ใช่หรอก ถ้าคิดว่าต้องเข้าพรรค พท.คงทำให้เสร็จตอนนั้นไปแล้ว แต่นี่คือพัฒนาการของ กฎหมายเป็นสากล เป็นโอกาสของประเทศ ยืนยันว่า กรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีอำนาจใหญ่กว่าศาล เมื่อถามว่า นายทักษิณมีสุขภาพดีตอนอยู่ต่างประเทศ แต่พอมาถึงไทยกลับป่วยแปลกหรือไม่ นายสมศักดิ์ย้อนถามว่า“ก็น้องไม่เคยถูกจองจำ น้องลองไปสัก ๒-๓ วัน ชีวิตมันเครียดนะ เราเสียอิสรภาพ นอนไม่หลับ คนอายุมากความดันขึ้นป่วย ผบ.เรือนจำและอธิบดีมองว่ามีความเสี่ยงจึงส่งต่อไปยังโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัย และไม่ให้ต้องรับผิดชอบด้วย” ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า เปิดเผยชื่อโรคของนายทักษิณที่รักษาอยู่ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์tt tt“สุทิน” ปัด พท.ไม่กล้าให้สิทธิพิเศษที่องค์การทหารผ่านศึก นายสุทิน คลังแสง รมว. กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้มีอะไรที่ไปเกี่ยวข้อง หรือไปสนับสนุน หรือไปจัดสิทธิพิเศษให้นายทักษิณ ใครที่โยงรัฐบาลอธิบายได้ไม่กระทบอะไร ตนมีเพื่อน คนหนึ่งติดคุกป่วยออกมารักษาตัวอยู่ข้างนอกนานพอสมควร มีหลายคนใช้สิทธิ์เดียวกับนายทักษิณ ไม่ได้มีเพียงนายทักษิณคนเดียว เป็นระบบเดิมที่มีอยู่แล้ว คงไม่กล้าไปสร้างสิทธิพิเศษใหม่ขึ้นมาให้ใครคนใดคนหนึ่ง ไม่มี เมื่อถามว่า รัฐบาลเพื่อไทย พยายามลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่กรณีนายทักษิณดูเหมือนจะย้อนแย้งกัน นายสุทินตอบว่า ต้องไปดูก่อน ว่าใช้มาตรการเป็นพิเศษหรือไม่ ถ้าเป็น มาตรการปกติใช้ด้วยกันทุกคน จะบอกว่าเหลื่อมล้ำไม่ได้สธ.มอบบัตร ปชช.ใบเดียวรักษาทุกที่น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ของขวัญปีใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข และบุคลากรในสังกัดกระทรวงที่มีความยินดีและเต็มใจอย่างยิ่งที่จะมอบให้พี่น้องประชาชน คือ ๑.ปฏิรูประบบข้อมูลการให้บริการครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยมีมาก่อน บัตรประชาชนใบเดียวสามารถเข้าถึง การบริการได้ ไม่ต้องใช้ใบส่งตัว เป็นการลดความ เหลื่อมล้ำด้านสาธารณสุข และ ๒.ขยายบริการของ สำนักงานหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (สปสช.) นับจากนี้ขอให้ประชาชนเตรียมตัวเตรียมใจ หากเจ็บป่วยต้องการรับบริการตรวจรักษาและรับยาใน ๔ จังหวัดนำร่องโครงการ “บัตรประชาชนใบเดียว รักษาได้ทุกที่” พร้อมแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ที่จะเปิดให้ บริการครบวงจร เป็นของขวัญปีใหม่ ๒๕๖๗ ให้ประชาชน วันที่ ๘ จะเริ่มต้นหรือคิกออฟพร้อมกัน ใช้ จ.ร้อยเอ็ดเป็นจุดเปิดนอกสถานที่และเปิดระบบออนไลน์ไปยังอีก ๓ จังหวัด คือ แพร่ เพชรบุรีและนราธิวาสนายกฯบินขึ้น จ.น่านลุยแก้ปัญหาหนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ยังคงอยู่ในช่วงลาราชการพักผ่อนที่ จ.ภูเก็ต ระหว่างบ่ายวันที่ ๑๙ ธันวาคมถึงเที่ยงวันที่ ๒๒ ธ.ค. ขณะที่เวลา ๒๐.๓๐ น. วันที่ ๒๒ ธ.ค. นายกฯจะชมศึกชิงแชมป์โลกมวยไทย ONE ลุมพินี ๔๖ ที่เวทีมวยลุมพินี ถนนรามอินทรา เขตบางเขน กทม. จากนั้น วันที่ ๒๓ ธ.ค. เวลา ๑๔.๐๐ น. นายกฯมีกำหนดการลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.น่าน ติดตามการเจรจาแก้หนี้ในพื้นที่ จ.น่าน จะมีการประชุม ๒ คณะคือหน่วยงานราชการ ชาวบ้าน (ลูกหนี้) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ศาลากลาง จ.น่าน จากนั้นเดินทางกลับ กทม.“อนุทิน” งัดแก้ฝุ่นวัดผลงานผู้ว่าฯที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการวาง KPI ผวจ.เกี่ยวกับการลดฝุ่นละออง PM๒.๕ ในจังหวัดว่า ตอนนี้ปัญหาฝุ่นเป็นปัญหาใหญ่ต้องบรรจุวาระปรับปรุงสภาพที่เกิดขึ้นให้ดียิ่งขึ้น รายละเอียด ยังไม่ทราบว่าจะมีเงื่อนไขในการวัดอย่างไร อยู่ที่ปลัดกระทรวงมหาด ไทย เป็นคนกำหนดเกณฑ์ แต่ส่วนตัวเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี และอาจจะมีผลเกี่ยวกับการพิจารณาเวลาแต่งตั้งโยกย้าย ผวจ.แล้วแต่ปลัดกระทรวงมหาดไทยจะพิจารณา ถึงฝุ่นเป็นภัยธรรมชาติแต่ส่วนใหญ่มาจากฝีมือมนุษย์ คือการเผา เผาป่า เผาวัชพืช การสัญจรไปมา มีคาร์บอนออกมาจำนวนมาก กรณีแบบนี้ ผวจ.ในฐานะพ่อเมืองต้องรับผิดชอบในการบังคับใช้กฎหมายเต็มที่ ฝุ่นควันดำต้องไม่มี เผาวัชพืช เผาป่าต้องไม่มีtt tt“สิระ” หมิ่น “เสรีพิศุทธ์” นอนคุก ๘ เดือนศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ฟ้องนายสิระ เจนจาคะ นายสนธิญา สวัสดี และนายชัยยันต์ ผลสุวรรณ์ ที่ประทับรับฟ้องเป็นจำเลย ๑-๓ ผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณากรณีจำเลยกล่าวใส่ร้ายโจทก์ว่า ก่อสร้างท่าเทียบเรือริมแม่นํ้าเจ้าพระยาไม่ถูกต้องในที่ประชุมกรรมาธิการกฎหมายฯ ที่มีนายสิระเป็นประธาน ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้ง ๓ มีความผิดตาม ป.อาญา มาตรา ๓๒๖, ๓๒๘ ประกอบมาตรา ๘๓ ฐานร่วมกันกระทำการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาให้จำคุก คนละ ๑ ปี ปรับจำเลยที่ ๒, ๓ คนละ ๑.๒ เเสนบาท จำเลยทั้ง ๓ ให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้คนละ ๑ ใน ๓ คงจำคุกคนละ ๘ เดือน ปรับจำเลยที่ ๒, ๓ คนละ ๘ หมื่น โทษจำคุกของจำเลยที่ ๒, ๓ ให้รอการลงโทษมีกำหนดคนละ ๒ ปี โดยให้นับโทษของจำเลยที่ ๑ ต่อจากคดีอื่นๆอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่