Saturday, 2 November 2024

ดวงเศรษฐกิจไทย ปี ๖๗ อู้ฟู่ ประชาชนเฮอยู่ดีกินดีตลอดปี

เหตุการณ์เลวร้ายที่ผ่านมาตลอดปี  ๒๕๖๖ “กำลังผลัดเปลี่ยนเข้าสู่ศักราชใหม่” แม้แต่ดวงดาวบนท้องฟ้าที่มีความเกี่ยวพันแนบแน่นกับ “ดวงเมืองประเทศไทย” ก็เริ่มโคจรเคลื่อนย้ายเปลี่ยนราศี อันมีความสำคัญทางด้านโหราศาสตร์ในการทำนายพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทำให้ช่วงปีใหม่นี้ “เหล่าบรรดาโหราจารย์ชื่อดังของไทย” ต่างออกมา ทำนายทายทักการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์บ้านเมืองตามโหราศาสตร์ “ดวงเมือง ปี ๒๕๖๗” เปล่งประกายสะท้อนความเจริญรุ่งเรือง การค้าขายดี สัมพันธไมตรีกับต่างประเทศก้าวหน้า มีสันติสุข ประชาชนมีความผาสุกโดดเด่นเป็นที่น่าจับตาตลอดปีเสมือนส่งสัญญาณ “ฟ้าหลังฝน” ครั้งแรกนับแต่การเปลี่ยนแปลงการเมืองในรอบ ๙ ปี ผ่านการพยากรณ์จาก ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคม โหราศาสตร์นานาชาติ บอกว่า การทำนายดวงเมืองตามโหราศาสตร์จะใช้พระฤกษ์ วางหลักเสาหลักเมืองในวันที่ ๒๑ เมษายน๒๓๒๕ เวลา ๐๖.๕๔ น. ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาลเพื่อเป็นเกณฑ์ตั้งแล้วใช้ “ดาวพระเคราะห์” ที่โคจรตามราศีนำมาใช้ในวิชาโหราศาสตร์ เช่น ดาวอาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ และดาวพระราหู ดาวมฤตยู เพื่อพยากรณ์เหตุการณ์ทางการเมืองต่างๆสำหรับดาวเมืองปี ๒๕๖๗ “ดาวพฤหัสบดีโคจรอยู่ราศีเมษเป็นภพที่ ๑ ของดวงเมือง” ตามตำราบอกไว้ว่าประเทศไทยจะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง มีความผาสุก การค้าการขายดี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความก้าวหน้าสันติสุข ส่วนศาสนาจะทรงอิทธิพลขยายออกไปแพร่หลาย ส่งผลให้ กิจการการกุศลเจริญก้าวหน้าเช่นกันเว้นแต่บางช่วง “ดาวพฤหัสสัมพันธ์ดาวอังคารอันเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม” จะส่งผลให้การเจรจามีแนวโน้มในทิศทางความขัดแย้ง “บางครั้ง รุนแรงจนเกิดการปะทะ” ทั้งทำให้ต้องมีการใช้จ่ายสูง แต่ด้วยดาวพฤหัสเป็นประธานของฝ่ายศุภเคราะห์ ตัวแทนคุณธรรมความดีก็จะช่วยให้สามารถผ่านอุปสรรคนั้นไปได้tt ttประการสำคัญคือ “ดวงเมืองปี ๒๕๖๗” กำลังก้าวย่างครบรอบ ๒๔๒ ปี ส่งผลให้ดาวพฤหัสเป็นกาลกิณีจรตั้งแต่วันที่ ๒๑ เมษายน๒๕๖๖-๒๑ เมษายน๒๕๖๗ ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเกิดความรุนแรงหรือความยุ่งยากเกี่ยวกับนักกฎหมายทนาย ผู้พิพากษา แพทย์ ผู้คุ้มครอง ผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งโรงเรียน มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล รัฐสภา และศาลอันเป็นลักษณะ “การใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือห้ำหั่นทำลายล้างต่อกัน” ทั้งยังใช้กฎหมายในการชิงไหวชิงพริบช่วงชิงอำนาจผลประโยชน์ที่เรียกว่า “นิติสงคราม” เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดความเสียหายอ่อนแอลงสังเกตในปี ๒๕๖๖ “การเลือกตั้ง” มีความวุ่นวายทั้งการร้องเรียนฝ่ายตรงข้าม หรือการฟ้องร้องคดีต่อกันมากมาย แต่ด้วยภาพเดิมดาวพฤหัสเป็นเทพกุมกับพระราหูที่เป็นจอมมารอยู่ในราศีเมษ และดาวเสาร์โคจรเข้ามา สัมพันธ์ใกล้ชิดด้วย เมื่อจอมเทพและจอมมารผสมกลมกลืนบวกกับดาวเสาร์ส่งกระแสถึงกันแล้วด้วยมักเกิดปรากฏการณ์ที่ว่า “พฤหัสเสาร์เสาร์ราหูได้คู่ชิด มักแผกผิดพรากคู่ดูน่าขัน กลับเอาทาสชาติชู้ขึ้นชูชัน ถ้าอยู่สิงห์กุมภ์กันย์กักขฬา” การจัดตั้งรัฐบาล จึงออกมาเป็นแบบผสมฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลอำนาจเก่าถัดมาในวันที่ ๓๐ เมษายน๒๕๖๗  “ดาวพฤหัสบดีจะโคจรมาอยู่ในตำแหน่งราศีพฤษภ หรือราศีเรือนเศรษฐี การเงิน การคลัง” อันจะส่งผลอำนวยความโชคดีทางด้านการเงิน การคลัง เศรษฐีทรัพย์ทั้งหมดของประเทศ รวมถึงการค้าขายเจริญรุ่งเรือง สามารถเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้น และประชาชนคนรากหญ้าส่วนใหญ่จะเสียภาษีน้อยลงเพราะด้วย “อานิสงส์จากดาวพฤหัส” ที่จะสามารถจัดเก็บภาษีส่วนอื่น ได้มาก เช่น ภาษีการส่งออก ชาวต่างชาตินักลงทุนหลั่งไหลเข้าประเทศ หรือเก็บจากคนรวยได้ดี ทำให้คนรากหญ้ารับอานิสงส์จ่ายภาษีน้อยนี้อย่างไรก็ดี แม้ว่า “เศรษฐกิจพลิกฟื้นที่ดีขึ้น” แต่จะมีความยุ่งยากตามดาวเคราะห์หมุนเวียนเข้ามาเบียดบังเหมือนเมื่อครั้งอยู่ในภพที่ ๑ เช่น “ดาวอังคารเบียด” แสดงถึงการใช้จ่ายสูงโดยเฉพาะเกี่ยวกับกิจการกองทัพ หรือกองกำลังต่างๆ ถ้าหาก “ดาวเสาร์เบียด” มักเกิดความคับขัน ล้มเหลว สูญเสียการเงิน สถาบันการเงิน ตลาดหุ้นtt ttไม่เท่านั้น “ดาวพฤหัสโคจรอยู่ราศีพฤษภยังกุมดาวมฤตยูที่โคจรมารออยู่ก่อนหน้านั้น” ทำให้เกิดการผสมกลมกลืนท่านเรียกว่า “พฤหัสบดีมฤตยูครูวิเศษ” การใช้ความรู้ กลวิธีใหม่ๆจะเข้ามาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับ การเงิน การธนาคาร และมีระเบียบวิธีการพัฒนาระบบเงินตราของประเทศกลายเป็นการปริวรรตเงินตรา “การใช้จ่ายเปลี่ยนไปจากเดิมสู่รูปแบบใหม่” ด้วยการพัฒนา ระเบียบวิธีการ และกฎหมายทางการเงิน ทำให้เป็นปีที่มีกฎหมายเกี่ยวกับระบบการเงินเข้าสภาฯพิจารณาหลายฉบับกระทั่งเกิดความขลุกขลักแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง แต่ในทางโหราศาสตร์ “มฤตยู” ถูกกำหนดเป็นอากาศธาตุ “ดาวพฤหัสและราศีพฤษภ” เป็นดาวธาตุดิน แล้วมฤตยูก็มาจากภพลาภะที่แปลว่า “รายได้” ส่งผลให้เกิดปรากฏการณ์เงินเฟื้อรุนแรงตั้งแต่เดือน พฤษภาคม๒๕๖๗ จนกว่าดาวพฤหัสจะโคจร ไปราศีเมถุนวันที่ ๑๓ พฤษภาคม๒๕๖๘ถัดมาในส่วน “ดาวเสาร์” ปกติใช้เวลาโคจรไปแต่ละราศี ๒ ปีครึ่ง ดังนั้น ตอนนี้โคจรอยู่ราศีกุมภ์ตั้งแต่วันที่ ๑ มีนาคม๒๕๖๖-๑๙ พฤษภาคม๒๕๖๘ ตรงจุดนี้ เป็นมูลเกษตรดั้งเดิม และเป็นมาตรฐานที่สร้างความมั่นคงให้ดาวเสาร์อีกทั้ง “ดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนกัมมะ” อันหมายถึงการบริหารราชการแผ่นดิน ผู้ใช้อำนาจ เช่น นายกรัฐมนตรี ครม. และผู้ปกครองอื่นๆ “เมื่อดาวเสาร์โคจร เข้าสู่ภพ ๑๑ อ่านกันว่ากัมมะลาภะ” ทำให้การบริหารราชการแผ่นดินที่เคยทำไว้ ในรัฐบาลชุดก่อน อันจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จและมีลาภผลประโยชน์ที่ดีขึ้นด้วยมิตรประเทศจะให้ความช่วยเหลือนั้นก็แสดงว่า “ผลงานรัฐบาลชุดเก่า ที่ทำไว้” จะส่งอานิสงส์ผลดีเป็นรูปธรรมมาในรัฐบาลนี้ ดังนั้นดาวเสาร์โคจร เข้าสู่ภพ ๑๑ ตำรายังบอกอีกว่า “รัฐบาลจะมั่นคง” แม้แต่งานในรัฐสภา ก็จะมี ความก้าวหน้า “เมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายค้านอย่างหนัก” แต่ความสำเร็จ ก็ยังจะมียิ่งๆขึ้นไปยิ่งได้รับการสนับสนุนจากดาวอาทิตย์ ดาวมฤตยู ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ ดาวจันทร์ จะส่งผลให้ร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณ หรือที่เกี่ยวกับการเงินดำเนินไปได้ อย่างน่าพึงพอใจ เพราะภพที่ ๑๑ เป็นรัฐสภา กฎหมาย หรือการกำหนดนโยบายประเทศชาติ บวกกับดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนกัมมะเข้ามาจรอยู่ในภพลาภะหรือภพที่ ๑๑ ส่งผลดีสำเร็จได้ปัญหามีอยู่ในบางช่วงบางตอน “อาทิตย์กุมศุกร์ในราศีสิงห์” แล้วตั้งมุมเล็งหา “ดาวเสาร์” แต่ด้วยดาวศุกร์เป็นเจ้าเรือนการเงิน การคลังเป็นเสี้ยนศัตรูกับดาวเสาร์ ทำให้ดาวศุกร์อาจจะดับและดาวเสาร์เพ็ญเข้าใกล้โลก ในระหว่างวันที่ ๑๗ ส.ค.-๑๗ กันยายน๒๕๖๗ การที่ดาวเสาร์โคจรเข้ามาใกล้โลกนี้จะส่งพลังได้ค่อนข้างรุนแรงเช่นนี้ก็จะเกิดปัญหา “ขลุกขลักเรื่องการเงิน การคลัง หรืองบประมาณต่างๆ” ถ้าโชคเกณฑ์ร้ายกับบาปพระเคราะห์จะมีผลให้การบัญญัติกฎหมายการเงินชะงัก ชักช้า เกิดภัยจากคะแนนเสียงข้างมาก สร้างความเสียหายต่อ พระราชบัญญัติบางฉบับจนเกิดความไม่พอใจภายในพรรคการเมือง เกิดปัญหายุ่งยากโดยเฉพาะกฎหมายการเงินพระเคราะห์สำคัญถัดมา “พระราหู” เปรียบเสมือนโมหะความมัวเมาลุ่มหลง แล้วช่วงที่ผ่านมาโคจรอยู่ราศีพฤษภในภพที่ ๒ เรียก “ราหูค้นทรัพย์” และย้ายมาอยู่ในราศีเมษภพที่ ๑ เรียกว่า “ราหูพ้นตัว” เช่นนี้ในช่วง ๓-๔ ปีมานี้ ประเทศเผชิญราหูค้นทรัพย์และราหูพ้นตัว ค้นทรัพย์ออกมาใช้จ่ายมากจนต้องกู้เงินในสมัยรัฐบาลชุดก่อนส่งผลร้ายต่อการเงินการคลังและความเป็นอยู่ประชาชน ต่อมาวันที่ ๑๗ ตุลาคม๒๕๖๖ “ราหู” ก็ย้ายเข้ามาอยู่ “ราศีมีน” ที่จะอยู่ตรงนี้ไปถึงวันที่ ๕ พฤษภาคม๒๕๖๘ เป็นการออกจากลัคนาเมือง และออกจากพระอาทิตย์ในดวงเมืองทำให้ความมืดที่ครอบงำดวงเมืองค่อยๆจางหายไป “น่าจะส่งผลดี” แต่ด้วยเหตุที่ “ราหู” มักให้โทษกับดวงเมือง ทำร้ายมานานหลายปี “ดวงเมือง ค่อนข้างสะบักสะบอม” จำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับฟื้นตัวอยู่ไม่น้อยนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งจาก “การทำนายดวงเมืองด้านเศรษฐกิจปี ๒๕๖๗” ที่มีแนวโน้มในทิศทางที่ดีกว่าเดิม “ประชาชนอยู่อย่างผาสุก มีโอกาสลืมตา อ้าปากดีขึ้น” แต่สิ่งนี้ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยทางการเมืองของประเทศร่วมด้วย “อันยังมีประเด็นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ” ที่คงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดกันต่อ…คลิกอ่านคอลัมน์ “สกู๊ปหน้า ๑” เพิ่มเติม