Saturday, 12 October 2024

เปิดใจ “เสาร์สารพัน” ของดีมีต่อ ๒๕๖๗

วันเสาร์ที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๖๖ ตรงกับคิวของ “เสาร์สารพัน” ชวนเที่ยวงาน ชวนอ่านหนังสือ และชวนชมบันเทิงย้อนยุค ซึ่งเริ่มขึ้นเมื่อเกือบๆ ๒๐ ปีมาแล้วเห็นจะได้เนื่องจากวันนี้เป็นเสาร์สุดท้ายของปีพุทธศักราช ๒๕๖๖ และตลอด ๒-๓ สัปดาห์ ทั้งคอลัมน์นี้และคอลัมน์ปกติประจำวันก็ได้เขียนถึงเรื่อง “น่าเที่ยว” ต่างๆ ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มามากพอสมควรแล้วอย่ากระนั้นเลย เรามาหยุดเที่ยวงานหยุดอ่านหนังสือกันสัก (เสาร์หนึ่งเถอะ) เพื่อใช้คอลัมน์นี้เปิดอกเปิดใจถึงที่มาที่ไป และที่สำคัญคือการตัดสินใจว่าทำไมถึงจะเขียน “เสาร์สารพัน” ต่อไป?เรียนไว้ข้างต้นแล้วว่า คอลัมน์ในสไตล์กุ๊กๆกิ๊กๆ แนะนำงานสั้นๆ แบบงานละนิดละหน่อยที่ว่านี้ เกิดขึ้นสักเกือบๆ ๒๐ ปีเห็นจะได้ช่วงนั้นถือเป็นช่วง “พีก” ของความนิยมและ “พลัง” ของสื่อสิ่งพิมพ์…เพราะช่องทางในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร การจัดงานต่างๆ ทั้งในด้านงานที่เป็นสาระและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เช่น งานสัมมนา เสวนา หรืองานนิทรรศการต่างๆ แทบจะไม่มีพื้นที่ในการเผยแพร่เลยหรือแม้แต่งานสนุกสนานบันเทิงของวงดนตรีเล็กๆ นักร้องเก่าๆที่ยังพอมีแฟนอยู่ และยังมีการจัดงานอยู่ ยิ่งแทบจะหาพื้นที่ประชาสัมพันธ์ เชิญชวนแฟนๆมาชมแทบไม่ได้เลยการได้ลงเป็นข่าวสั้นๆในหน้าหนังสือพิมพ์ จึงถือเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจและพอใจของผู้จัดงานเล็กๆมาโดยตลอดอีกประเด็นหนึ่งที่คนเขียนคอลัมน์นี้ให้ความสำคัญที่สุด เพราะเชื่อมั่นมาตลอดว่า เพราะ “สิ่งนี้” แหละ ที่ทำให้เรามีวันนี้… เพื่อนๆหลายคนก็มีวันนี้ ข้าราชการใหญ่โต นักการเมืองโด่งดัง พ่อค้า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ และเชื่อหรือไม่ “พระภิกษุ” ที่ประสบความสำคัญอย่างสูงในประเทศไทยเราทุกวันนี้…ก็เพราะการ “อ่านหนังสือ” นั่นเองดังนั้น เมื่อมีสำนักพิมพ์ต่างๆส่งหนังสือมาให้จำนวนมาก ผมจึงใช้นโยบายหยิบหนังสือเล่มที่อ่านแล้วมีประโยชน์ ควรแก่การแนะนำต่อมาเขียนแนะนำในคอลัมน์หนึ่งหรือสองครั้งในแต่ละเดือนก็ปรากฏว่านานๆจึงจะมีหนังสือที่เข้าข่ายแนะนำอย่างเต็มที่สักเล่มหนึ่งทำให้หนังสือที่ดีพอสมควร มีประโยชน์พอสมควร ถูกวางกองอยู่หลังโต๊ะทำงานของผมอย่างไร้ระเบียบเป็นร้อยๆเล่ม โดยท่านผู้อ่านไม่มีโอกาสได้รับรู้เลยว่า มีหนังสือน่าอ่าน (พอสมควร) ออกวางแผงแล้วแรงบันดาลใจจากการที่อยากให้คนรุ่นใหม่อ่านหนังสือ และอยากให้หนังสือพอขายได้บ้าง นับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเปิดคอลัมน์ กุ๊กๆกิ๊กๆในวันเสาร์…เขียนแนะนำหนังสือร่วมกับเขียนแนะนำงาน แนะนำอีเวนต์ แนะนำสัมมนามาเป็นเวลาเกือบ ๒๐ ปีด้วยเหตุนี้ตลอดเวลาที่เขียนมาก็บังเกิดความภูมิใจไม่น้อย ที่คอลัมน์นี้ได้มีส่วนช่วยให้งานเล็กๆได้เกิด และบันเทิงเก่าๆได้มีโอกาสกลับมาใหม่บางคอนเสิร์ต บางสัมมนา บางนิทรรศการ ได้คนเพิ่มเพียงไม่กี่ร้อย แต่อย่าลืมว่างานเล็กๆอย่างนั้น มีคนไปฟังเป็นร้อยเขาก็ปลื้มใจแล้วล่าสุด ผมเขียนถึงงานเสวนาเปิดตัวหนังสือให้กับสำนักพิมพ์จุฬาฯ เล่มหนึ่ง…ชื่อหนังสือ “เอกรังสรรค์” ซึ่งเป็นประวัติของวิศวกรญี่ปุ่นท่านหนึ่งที่เคยทำงานใหญ่ๆมาทั่วโลก รวมทั้งเคยมาสอนหนังสือในประเทศไทย และริเริ่มงานสำคัญด้านปลูกป่าไว้ด้วย (ด็อกเตอร์ชุนจิ มูไร)คณะผู้จัดการงานแนะนำหนังสือเขียนไปรษณียบัตรมาบอกผมว่า มีคนมาร่วมงาน ๖๐-๗๐ คน “นับว่าประสบความสำเร็จ”ผมเองก็ต้องขอบคุณที่ท่านแจ้งให้ทราบว่า คอลัมน์นี้ยังมีพลังอยู่บ้าง สามารถช่วยให้มีคนมาฟังถึง ๖๐-๗๐ คน ซึ่งคณะผู้จัดงานท่านก็พอใจและถือว่างานประสบความสำเร็จดังที่ตั้งใจไว้แล้วเอาเป็นสรุปว่า ผู้เขียนคอลัมน์นี้ยังมีความสุขกับการได้เขียน “เสาร์สารพัน” และยังพอใจที่จะช่วยให้ผู้คนครั้งละไม่กี่ร้อยคนไม่กี่พันคน ได้มีโอกาสเที่ยวงานดีๆ ได้อ่านหนังสือดีๆ ได้ฟังเพลงย้อนยุค หรือศิลปวัฒนธรรมที่ทรงคุณค่า ควรแก่การหวงแหนและรักษาไว้ต่อไปในทาง “การตลาด” หรือแม้แต่ “เศรษฐศาสตร์” อาจไม่คุ้มทุน เพราะดึงได้แค่ ๕๐ คน ๑๐๐ คน อย่างที่ว่า…แต่ในทาง “สังคม” การลงทุนใดๆที่ทำให้มนุษย์ฉลาดขึ้น หูตากว้างขวางขึ้น มีความรู้มากขึ้น แม้แต่คนเดียวก็ถือว่า “คุ้ม” แล้วครับสวัสดีปีเก่า ๒๕๖๖ และสวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๗ นะครับ พบกับ “เสาร์สารพัน” ต่อไป…เสาร์หน้า ๖ มกราคม ๒๕๖๗ ครับ.“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม