Saturday, 12 October 2024

กระตุ้นเศรษฐกิจ ดีที่สุด “ทำงาน” ไม่ใช่ “แจกเงิน”

เมื่อวันอังคารที่ ๒ มกราคมที่ผ่านมานี้เองศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ออกมาแถลงถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปีกระต่าย (๒๕๖๖) ที่เพิ่งจากไปและคาดการณ์ว่าในปีมะโรงหรือปีมังกร ๒๕๖๗ เศรษฐกิจไทยเราจะเป็นอย่างไรบ้าง?พร้อมทั้งมีข้อคิดข้อเสนอแนะข้อห่วงใยต่างๆที่ดีมาก ผมขออนุญาตคัดลอกบางส่วนมาเผยแพร่ต่อ และแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเสียในวันนี้เลยนะครับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย มองว่าอัตราเจริญเติบโตของเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพี ในปีมะโรง ๒๕๖๗ จะอยู่ที่ ๒.๒-๔.๕ เปอร์เซ็นต์ โดยมีค่ากลางอยู่ที่ ๓.๒ เปอร์เซ็นต์ในขณะที่ของปี ๒๕๖๖ ที่เพิ่งจะอำลาจากไปหมาดๆนี้ ท่านประมาณการว่าขยายตัวร้อยละ ๒.๕เท่าๆกับที่สภาพัฒน์เคยพยากรณ์ไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า สำหรับปี ๒๕๖๖ นี้จะอยู่ที่ตัวเลขนี้แหละใครจะมองอย่างไรก็ว่ากันไปตามประสบการณ์ตามแนวความคิดและตามความมุ่งหวังในการพัฒนาประเทศชาติของแต่ละท่านที่ไม่เหมือนกันแต่สำหรับผมพอใจสำหรับร้อยละ ๒.๕ ของปีที่แล้วและร้อยละ ๓.๒ (ค่ากลางเฉลี่ย) ของปีนี้ตามที่มหาวิทยาลัยหอการค้าคาดไว้เพราะในความเห็นของผมมองว่า เป็นอัตราเพิ่มที่ไม่เลวร้ายเกินไป แม้จะไม่ดีนัก แต่จะต้องไม่ลืมว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร? ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกต้องแก้ปัญหาอย่างไร? ฉะนั้นได้มาแค่นี้ก็ดีถมแล้วโดยส่วนตัวผมมองว่า แม้จีดีพีเราจะเพิ่มน้อย แต่มันก็เพิ่ม ประเทศไทยจึงไม่ถึงกับพ่ายแพ้ แม้จะไม่ชนะก็ตามสำหรับปีมังกรทอง หรือปีมะโรงที่กำลังย่างก้าวมาถึงนี้ มหาวิทยาลัยหอการค้า ซึ่งพยากรณ์ว่าจะดีขึ้นแน่ๆ เพราะเงื่อนไขในทางบวกหลายๆอย่าง แต่ก็ทิ้งท้ายฝากข้อห่วงใยในทางลบไว้พอสมควรท่านบอกยังต้องเสี่ยงกับ สงคราม ๒ สงคราม ทั้งสงครามเก่ารัสเซีย-ยูเครน และสงครามใหม่อิสราเอลกับฮามาส–นอกนั้นก็เสี่ยงกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ทั้งสหรัฐฯ-จีน, สหรัฐฯ-รัสเซีย, จีนกับไต้หวัน ฯลฯผมเห็นด้วยกับท่านทั้งหมด แต่จะทำอย่างไรได้ เมื่อสาเหตุหลักอยู่ที่ความโลภ ความหลง ความทะนง ความหยิ่งในตัวเองของประเทศอันยิ่งใหญ่เหล่านั้นทั้งสิ้น จึงไม่มีใครยอมใครหญ้าแพรกอย่างเราก็คงทำได้แต่สวดมนต์ภาวนา ขออย่าให้ความขัดแย้งบานปลาย และขณะเดียวกันก็เตรียมหาวิธีหลบภัย หาวิธีเอาตัวรอดไว้ให้ดีที่สุดเท่านั้นเองอีกหนึ่งประเด็นที่มหาวิทยาลัยหอการค้าชี้ช่องว่าจะต้องลุ้นก็คือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ซึ่งศูนย์พยากรณ์เชื่อว่า ถ้า โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ผ่านสภาจะทำให้จีดีพีขยายตัวถึง ๔.๒-๔.๕ เปอร์เซ็นต์แต่ถ้าโครงการนี้ไม่ผ่าน ก็จะต้องมาลุ้นต่อว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไร?ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตอยู่แล้วได้คัดค้านมาตลอด และก็จะคัดค้านต่อไปด้วยเหตุผลเก่าๆที่เขียนไปหลายครั้ง โดยเฉพาะผมไม่เชื่อว่าจะกระตุ้นได้มากขนาดนั้น หรือถ้าได้มากขนาดนั้น จีดีพีที่เพิ่มขึ้นก็จะตกอยู่ที่กลุ่มคนรวย ๑๐ เปอร์เซ็นต์ข้างบนอีก ช่องว่างที่ถ่างอยู่แล้วก็จะถ่างต่อไปเหตุผลต่อมาผมมองว่าประเทศไทยเราผ่านขั้นโคม่ามาแล้ว ในสมัยรัฐบาลประยุทธ์ เศรษฐกิจโลกกำลังทรุดอย่างสาหัส ทำให้ประเทศไทยเราพลอยโคม่าไปด้วย จึงจำเป็นต้องกระตุ้นเพื่อให้มีชีวิตอยู่ซึ่งบัดนี้ ประเทศเราผ่านโคม่าไปแล้ว เพียงแต่อาจยังไม่แข็งแรงพอ ยังออกไปวิ่งจี๋ไม่ได้ ก็ต้องให้ข้าวให้นํ้าให้ออกกำลังให้ลงจากเตียงไปซ้อมเดิน เพื่อให้แข็งแรงมากขึ้นการกระตุ้นที่ดีที่สุดที่ผมจะขอเสนอแนะในที่นี้ก็คือ “การทำงาน” ครับ ไม่ใช่ “แจกเงิน”ภาครัฐบาลจะต้องทำงานอย่างหนัก ในขณะที่ภาคเอกชนก็จะต้องช่วยรัฐบาลอย่างหนักไปด้วยในประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทยเรานี่แหละ ผมเคยเห็นมาแล้วว่าการทำงานหนักของรัฐบาลและภาคเอกชน…สามารถเอาชนะสงครามเศรษฐกิจมาได้อย่างงดงาม (อ่านต่อวันจันทร์นะครับ)“ซูม”คลิกอ่านคอลัมน์ “เหะหะพาที” เพิ่มเติม