วันจันทร์, 29 เมษายน 2567

มติ กกต.เอกฉันท์เชือด "ก้าวไกล" ล้มล้างปกครอง ชงศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค

กกต.ลงดาบเชือดก้าวไกล ลงมติเอกฉันท์ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ยุบพรรค ตัดสิทธิ กก.บห.เซ่นหาเสียง-เดินเกมแก้ ม.๑๑๒ ล้มล้างการปกครอง “ก้าวไกล” สู้ยิบตา “พริษฐ์” ชี้ทีมกฎหมาย ตั้งการ์ดสู้ทุกฉากทัศน์ ลั่นต่อสู้เพื่อสร้างบรรทัดฐานการเมืองไทย ไม่ให้การถูกยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ “ณัฐวุฒิ” มั่นใจมีมุมสู้ หยันก็แค่เปลี่ยนชื่อหรือเลขที่บ้าน “ฝ่ายค้าน” ยื่นญัตติซักฟอกไม่ลงมติ “ปกรณ์วุฒิ” ขึงขังไม่มีเกี้ยเซียะรัฐบาล ไล่ทวงการบ้าน ปรามอะไรกลิ่นทะแม่งต้องหยุด “เสรี” นำทีมกว่า ๓๐ สว.รุมขยี้ปมแก้เศรษฐกิจปากท้องเหลว “ถวิล-สมเจตน์” จองกฐินถล่ม “ทักษิณ” “เศรษฐา” เครื่องบินขัดข้องควงการ์ดฝรั่งเศสขึ้นเครื่องบินพาณิชย์ไปเมืองคานส์ โชว์วิสัยทัศน์-แชร์ประสบการณ์บนเวทีอสังหาริมทรัพย์โลก ดันไทยศูนย์กลางโลจิสติกส์อาเซียน ตีปี๊บไทยเสนอตัวเจ้าภาพแข่งฟอร์มูล่า วัน ๒๐๒๗จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม๖๗ ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล่าสุดคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค ก.ก.และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคมติ กกต.เอกฉันท์ส่งศาล รธน.ยุบ ก.ก.เมื่อวันที่ ๑๒ มี.ค. เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า มีการประชุมคณะกรรมการ กกต.เพื่อพิจารณาผลการศึกษาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญฉบับเต็มที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๙ ก.พ. กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ ๓๑ มกราคม๖๗ ว่าการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรค ก.ก.เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา ๙๒ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) แห่ง พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ. ๒๕๖๐ โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.เป็นประธาน ทั้งนี้สำนักงาน กกต.ได้เสนอความเห็นว่าการกระทำของนายพิธาและพรรค ก.ก.เข้าข่ายเป็นความผิดมาตรา ๙๒ (๑) พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ๒๕๖๐ จากนั้น ที่ประชุม กกต.ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ เสนอเรื่องพร้อมความเห็นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งยุบพรรค ก.ก.และตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)ร่างคำร้องเร็วสุด ๒ วัน ช้าสุด ๑ สัปดาห์ผู้สื่อข่าวรายงานกระบวนการหลังจากนี้สำนักกฎหมายและคดีของสำนักงาน กกต.จะยกร่างคำร้องเพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมแนบหลักฐาน โดยเฉพาะคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๖๗ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๒๙ ก.พ. เพื่อเป็นเอกสารประกอบคำร้อง ทั้งนี้ตามมาตรา ๙๓ ของ พ.ร.ป.พรรคการเมือง ไม่ได้กำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินการไว้ แต่เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเสนอเรื่องพร้อมความเห็นต่อที่ประชุม กกต. และที่ประชุมมีมติเรียบร้อยแล้ว ต้องดำเนินการโดยเร็ว อีกทั้งคดีนี้ไม่มีข้อกฎหมายซับซ้อน เป็นการพิจารณาผลการศึกษาจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อยกร่างคำร้องเสร็จสิ้นยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยได้ทันที คาดว่าเร็วสุดใช้เวลายกร่างคำร้องไม่เกิน ๒ วัน หรือไม่ช้าไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ ก่อนจะยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยยุบพรรคต่อไป นายพริษฐ์ วัชรสินธุทีม ก.ม.ค่ายส้มสู้ยิบตาคดียุบพรรคเมื่อเวลา ๑๓.๑๐ น. ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์กรณี กกต.มีมติเอกฉันท์ ส่งสำนวนยุบพรรค ก.ก.ต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า พรรค ก.ก.และทีมกฎหมาย เตรียมความพร้อมไว้อยู่แล้ว มีประเด็นสำคัญคือไม่อยากให้ด่วนสรุปว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ทีมกฎหมายจะทำงานเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ความถูกต้องไม่ให้เกิดการยุบพรรค และการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ประเด็นนี้ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ชะตากรรมและอนาคตพรรค ก.ก.อย่างเดียว แต่เป็นการพยายามพิสูจน์ว่าสิ่งที่พรรคทำไป ไม่ใช่สิ่งที่ผิด หากเราทำได้จะสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องสำหรับการเมืองไทยในอนาคต พรรค ก.ก.เข้าใจดีการถูกยุบพรรคเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งกับหลายพรรค เราไม่อยากให้พรรคการเมืองถูกยุบเป็นเรื่องปกติ อย่างกรณีพรรคภูมิใจไทย แม้จะมี สส.พรรค ก.ก.เป็นผู้เปิดโปง แต่บทลงโทษที่เหมาะสม ไม่ใช่การยุบพรรค ควรลงโทษที่ผู้บริหารพรรคอย่าตีตนก่อนไข้มีแผนรับทุกฉากทัศน์เมื่อถามว่า มีการสร้างพรรคสำรองไว้หรือไม่นั้น นายพริษฐ์กล่าวว่า เรามีการรับมือ และวางแผนทุกฉากทัศน์อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งด่วนพูดถึงสิ่งที่อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ตอนนี้ทำเต็มที่ในการพิสูจน์ความจริงเท่าที่จะทำได้ จนถึงวันที่จะเกิดการวินิจฉัยคำตัดสินออกมา สส. และทีมงานของพรรค ยังทำงานเต็มที่ ทางผู้บริหารพรรคได้เตรียมการรับมือทุกสถานการณ์หรือไม่นั้น ก็ต้องตอบว่ามีแน่นอน เรามีการวางแผนทุกฉากทัศน์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นทุกความคิดทุกนโยบาย ที่เราพยายามจะผลักดัน เราก็ต้องมียานพาหนะที่ขับเคลื่อนชุดความคิดต่อไปในการเมืองไทยแน่นอน ไม่อยากให้เราด่วนสรุป ว่าพรรค ก.ก.จะถูกยุบ จนกระทั่งมีคำวินิจฉัยศาลออกมา แต่สำคัญกว่านั้น ก็ไม่อยากให้เราตั้งค่านิยม การยุบพรรคเป็นเรื่องปกติ ไม่ว่าจะพรรคใดก็ตามไม่หวั่นผึ้งแตกรังหนีย้ายพรรคเมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ลูกพรรคจะเสียขวัญ เพราะที่ผ่านมาเมื่อมีเหตุการณ์ยุบพรรคจะมีสถาน การณ์ผึ้งแตกรัง นายพริษฐ์กล่าวว่า สิ่งที่เรากังวลมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อค่านิยมของการเมืองไทย ถ้าพูดถึงขวัญกำลังใจหรือความทุ่มเทของสมาชิกพรรค เดินหน้าต่อเต็มที่อยู่แล้ว สิ่งที่กังวลมากกว่าคือผลกระทบต่อค่านิยมการเมืองไทย กลายเป็นว่าเรากำลังไปสร้างค่านิยมวัฒนธรรมทางการเมือง ที่ยุบพรรคกลายเป็นเรื่องปกติ ส่วนมั่นใจจะจับมือกันแน่นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือไม่ มั่นใจคนที่ลงสมัคร สส.มี ๒ อย่างที่เราเห็นตรงกัน คืออยากเปลี่ยนแปลงสังคม และสภาวะนิติสงคราม ไม่ควรเกิดขึ้น มั่นใจเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างมีเอกภาพ เมื่อถามว่าช่วงที่มีความอ่อนไหว จะไม่มี สส.ย้ายพรรคใช่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า มั่นใจว่าทุกคนที่มาสมัครเข้าพรรค ถูกกลั่นกรองโดยคณะกรรมการสรรหา มีชุดความคิดตรงกัน มีเอกภาพในการขับเคลื่อนชุดความคิดให้เป็นจริง ส่วนการทำงาน เข้มข้นเหมือนเดิม เราทำงานท่ามกลางความเสี่ยง รับรู้เรื่องนี้มาโดยตลอด ที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เสียสมาธิก.ก.ปลุกพลัง สส.ไม่หวั่นยุบพรรคเมื่อเวลา ๑๓.๐๐ น.ที่รัฐสภา มีการประชุม สส.พรรค ก.ก.ประจำสัปดาห์ มีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก.เป็นประธานการประชุม และมีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก.ก.เข้าร่วม โดยมี สส.เข้าร่วมคึกคัก ท่ามกลางข่าว กกต.มีมติส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ก.ก.แล้ว จากนั้นเวลา ๑๗.๔๕ น. นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ก.ก.และฝ่ายกฎหมายพรรค ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมไม่ได้พูดกันเรื่องยุบพรรค แต่มีการแจ้งข่าวที่ กกต.ส่งเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีประชุมเชิงรายละเอียด แต่สื่อสารกับสมาชิกให้เข้าใจว่าเรายังมุ่งมั่นทำงานต่อ พร้อมสู้ทุกประเด็น ไม่มีความกังวลประเด็นยุบพรรค การเตรียมความพร้อมคดียุบพรรคจริงๆไม่ได้เหนือไปกว่าที่คาดการณ์ไว้ กกต.ใช้วิธีการว่ามีมติเป็นเอกฉันท์ คงต้องให้ท่านอธิบายต่อสังคมต่อไปว่ามติเอกฉันท์หมายถึงอย่างไร เหตุและผล การดำเนินการเป็นอย่างไรลั่นหลายครั้งยุบเพราะผู้มีอำนาจกลัวนายณัฐวุฒิกล่าวว่า อย่าลืมว่าเรื่องยุบพรรคเป็นเรื่องสำคัญ และขัดต่อเจตจำนงของประชาชนที่ก่อตั้งพรรคกันขึ้นมา ต้องมีเหตุและผล จะอาศัยเพียงแต่คำวินิจฉัยศาลอย่างเดียวในการตีความไม่ได้ เรามีประสบการณ์ครั้งยุบอนาคตใหม่มาแล้ว วันนั้นเราอาจยังเห็นภาพไม่ชัดมากนักว่า มันจะเกิดขึ้นเพราะเจตจำนงทางการเมืองได้จริงหรือกับการยุบพรรค แต่วันนี้เราเห็นชัดขึ้นว่าจริงๆแล้วการยุบพรรคหลายครั้งอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริงของการวินิจฉัย แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้มีอำนาจ ณ ขณะใดๆกังวลหรือกลัวอำนาจทางการเมืองที่ขึ้นมาอย่างไรมากกว่า คงดูว่าขั้นตอนของศาลหลังจากที่ กกต.ส่งไปแล้ว ศาลจะว่าอย่างไร เร็วไปที่จะคาดการณ์ แต่เรามีมุมที่จะอธิบายเพิ่มเติมว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะตัวคำวินิจฉัยช่วงท้ายๆ อย่าดูแต่เพียงข้อความทั้งหมด ต้องดูด้วยว่าศาลสั่งหรือวินิจฉัยอย่างไร เราคงต้องมาโต้แย้งด้วยเหตุและผลที่ไม่เห็นด้วยยักไหล่ก็แค่เปลี่ยนชื่อ-บ้านเลขที่“อีกด้านหนึ่งได้กำชับเรื่องลงพื้นที่หนักขึ้น ไม่ละเลยเรื่องการเลือกตั้งท้องถิ่น พรรค ก.ก.ประกาศ ชัดจะส่งเลือกตั้งท้องถิ่นในนามก้าวไกล หากจะมีการยุบพรรค ก.ก.จริง เราคาดคะเนว่า ถ้าจะมีจริง คงจะไม่เกิดขึ้นภายในเดือนสองเดือนนี้ รอบนี้มั่นใจว่า สส.ที่มากับพรรคปัจจุบัน ๑๔๘ คน กรองคนมาอย่างดี เราเชื่อมั่นในแนวคิดอุดมการณ์ ยังไม่เชื่อว่า ยุบพรรคมันจะเกิดขึ้น แต่หากจะเกิดขึ้นจริงสมาชิกที่เหลืออยู่ ถ้ากรณีกรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิก็พร้อมจะเดินหน้าไปในพรรคการเมืองใหม่ต่อ เสมือนว่าเราไม่ได้เปลี่ยนบ้าน เพียงแต่ว่า อาจจะเปลี่ยนเลขที่หรือชื่อบ้านเท่านั้นเอง แต่บ้านเรายังคงอยู่ เชื่อมั่นว่า บ้านเราจะมีสมาชิกที่สนับสนุนมากยิ่งขึ้น” นายณัฐวุฒิกล่าวยังไม่รีบตั้งพรรคสำรองเชื่อมีมุมสู้คดีเมื่อถามถึงพรรคใหม่ มีการตั้งแล้วหรือยัง นายณัฐวุฒิตอบว่า “อ๋อ ยังไม่มีเลยครับ เพราะดูจากข้อเท็จจริงผลของคำวินิจฉัยสุดท้ายของศาลรัฐธรรมนูญ และสิ่งที่ กกต.ส่งขึ้นไป เชื่อว่ายังมีมุมใช้ในการต่อสู้คดีอยู่ หากศาลให้มีการนำไต่สวน ต้องขึ้นอยู่กับศาลว่าแล้วมีเหตุอะไรที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ให้มีการไต่สวน เพราะว่าประเด็นการดำเนินการครั้งที่แล้วที่พูดถึงการตัดสินว่า การหาเสียงเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ และการมีนโยบายเรื่องนี้ผิดหรือไม่ ทำได้หรือไม่ คนละประเด็นกับการยุบพรรค จึงยังเชื่อว่า มีข้อโต้แย้งต่อสู้ และสู้ในชั้นการไต่สวน สุดท้ายอย่างไรเราไม่รู้ แต่ยังไม่มีการเตรียมพร้อมพรรคสำรอง ถึงขนาดจะมีพรรคใหม่ ดังที่เคยเกิดขึ้น เพราะเรามั่นใจสิ่งที่เราเดินหน้าและความมั่นใจต่อมวลสมาชิกที่อยู่กับเรามาตลอดปัด สส.ส้มพบ “บิ๊กป้อม” ที่บ้านมีนบุรีเมื่อถามถึงที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือมาว่ามี สส.พรรค ก.ก.ไปพบ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่บ้านพักย่านมีนบุรี มีมูลความจริงหรือไม่ นายณัฐวุฒิตอบว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เคยได้ยินประโยคนี้ ไม่เคยมีข้อมูลหรือข้อเท็จจริงใดๆมาก่อน แต่เท่าที่ทราบมา เนื่องจากว่า พรรค พปชร. มีสมาชิกบางท่านที่เป็นคณะรัฐมนตรี ดังนั้นในส่วนคณะรัฐมนตรีได้พบปะกับ สส.เราในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น กรณีช้างป่าที่เป็นปัญหา ที่เรากำลังอภิปรายอยู่ อย่างนี้มีอยู่ แต่การเข้าไปพบ พล.อ.ประวิตรหรืออย่างไร อันนั้นท่านเคยท้าเราบอกให้ไป แต่เราอยากให้ท่านมาสภาฯทำหน้าที่ สส.มากกว่าคงไม่มีเหตุอะไรจะไปพบท่าน ถ้าพบท่านคงบอกแล้วล่ะว่าวันนั้นยังเห็นมาที่บ้านเลย ดังนั้นไม่มีมูล ไม่มีข้อเท็จจริงใดๆ มั่นใจว่า ยิ่งจะไปพบเรื่องการย้ายพรรค ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์“พิธา” อ้อนไม่มีพวกคุณไม่มีพวกเราเมื่อเวลา ๑๘.๑๓ น. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส. บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก.ก. โพสต์ภาพและปักหมุดไว้บนอินสตาแกรม พร้อม ข้อความระบุว่า “ไม่มีพวกคุณ ไม่มีพวกเรา ก้าวต่อไปครับ” อีกทั้งในคอมเมนต์ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าของภาพถ่ายที่นายพิธานำมาโพสต์ในครั้งนี้ด้วยว่า “Thanks to @nopnoppo for capturing the moment #forwardtogether” โดยภาพดังกล่าว เป็นภาพที่นายพิธา และพรรค ก.ก.ปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในวันที่ ๑๔ พฤษภาคม๖๖ ที่อาคารกีฬาเวสน์ ๑ สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง กรุงเทพมหานคร หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจจำนวนมากก.ก.ทวงการบ้านคำสัญญารัฐบาลเมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการยื่นอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๒ ต่อประธาน สภาฯ ในวันที่ ๑๓ มีนาคมว่า ขณะนี้ร่างญัตติอยู่ที่นาย ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค ก.ก. ได้นัดหมายนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เวลา ๑๐.๐๐ น. วันที่ ๑๓ มี.ค. เพื่อยื่นญัตติ ส่วนเนื้อหาอภิปราย ในส่วนพรรค ก.ก.ได้จัดหมวดหมู่ เห็นภาพมากขึ้น แต่ต้องมาคัดอีกครั้ง จุดที่เป็นไฮไลต์จะพูดเรื่องใดบ้าง แม้ขณะนี้รัฐบาลยังไม่เริ่มต้นใช้งบฯปี ๖๗ ต้องย้อนไปดูกรณีที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ยังไม่ได้ทำอะไร เพราะบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีงบฯก็เริ่มดำเนินการให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ ถึงจะไม่มีการทุจริต แต่มันคือ การยังไม่ได้เริ่มทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน หากอยากเห็นภาพ ๔ ปี ประเทศเปลี่ยนไปแค่ไหน คิดว่า ๗-๙ เดือน ต้องเห็นเป็นรูปเป็นร่างบ้างแล้ว จึงต้องทวงถามเรื่องที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย หรือเรื่องที่พูดไว้อย่าง แต่ทิศทางไปอีกอย่าง เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต ซอฟต์พาวเวอร์ การแก้ไขรัฐธรรมนูญปัดเกี้ยเซียะตรวจสอบรัฐบาลเมื่อถามว่ามั่นใจหรือไม่ว่าการตรวจสอบของฝ่ายค้านจะมีประสิทธิภาพ ที่ผ่านมาถูกมองว่าเกี้ยเซียกับรัฐบาล นายปกรณ์วุฒิตอบว่า ไม่ทราบว่ามองกันมุมไหน แต่ในมุมประธานวิปฝ่ายค้านมองว่า พรรค ก.ก.ตรวจสอบรัฐบาลตลอดเวลา การอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๒ พรรคอภิปรายทุกสัปดาห์ ทั้งในหรือนอกสภาฯ พูดเรื่องนี้อยู่ทุกสัปดาห์ หลายประเด็นสื่อจับไปเป็นเรื่องใหญ่ด้วยซ้ำ ส่วนหัวข้อกระบวนการยุติธรรมต่อนายทักษิณ ชินวัตรและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อยู่ในหัวข้อที่วางเอาไว้ แต่พรรค ก.ก.จะเป็นเจ้าภาพหลักเองหรือไม่ แต่ละเรื่องอาจไม่มีใครเป็นเจ้าภาพโดยตรง แต่เราต้องคุยกันเพื่อไม่ให้ซ้ำกัน เมื่อถามว่าฝ่ายค้านหวังผลให้เกิดแรงกระเพื่อมอย่างไร นายปกรณ์วุฒิตอบว่า เป็นการสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลทำอะไรอย่างที่เคยสัญญาไว้กับประชาชน อะไรยังไม่ได้ทำจะได้เคลื่อนไหวทำตามที่สัญญาบ้าง อะไรที่ผิดทาง มีกลิ่นแปลกๆจะได้หยุดทำสว.แห่เข้าชื่อซักฟอกเขย่าปม ศก.ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้ คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงแนวทางปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๕๓ ในวันที่ ๒๕ มี.ค. ที่ สว. ได้เวลาอภิปราย ๑๒ ชั่วโมง และรัฐบาล ๓ ชั่วโมง ล่าสุดมี สว.แสดงความจำนงอภิปรายฯ แล้วกว่า ๓๐ คน มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.ในฐานะประธาน กมธ.พัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ผู้ริเริ่มล่ารายชื่อ สว.ยื่นญัตติอภิปราย จะแถลงเปิดอภิปรายเป็นคนแรก ใช้เวลา ๔๕ นาที และแถลงสรุปคนสุดท้ายอีก ๑๕ นาที แบ่งหัวข้ออภิปราย ๗ ประเด็น คือ ๑.ด้านเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องประชาชน มี สว.ลงชื่ออภิปรายมากสุด ๑๐ คน ได้แก่ นายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธ์ นายอนุศักดิ์ คงมาลัย นายพลเดช ปิ่นประทีป พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร พล.อ.สราวุฒิ ชลออยู่ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน น.ส.ภัทราภร วรามิตร นายประเสริฐ ปิ่นปฐมรัฐ และนายสมชาย แสวงการ นอกจากอภิปรายปัญหาเศรษฐกิจปากท้องแล้ว ยังมีเรื่องแลนด์บริดจ์ และนโยบายเติมเงินหมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตด้วย“ถวิล–สมเจตน์” หัวหอกถล่ม “ทักษิณ”๒.ปัญหากระบวนการยุติธรรมและการบังคับใช้กฎหมาย มี นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ นายถวิล เปลี่ยนศรี พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม นายอุปกิต ปาจรียางกูร นายรณวริทธิ์ ปริยฉัตรตระกูล นายประพันธุ์ คูณมี และว่าที่ ร.ต.วงศ์สยาม เพ็งพาณิชภักดี แสดงความจำนงอภิปราย จะอภิปรายเชื่อมโยงไป ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมถึง ปัญหาการปราบปรามขบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน กรณีเปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก.๔-๐๑ เป็นโฉนดด้วย ๓.ปัญหาด้านพลังงานมี พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ นายคำนูณ สิทธิสมาน ลงชื่ออภิปราย เน้นประเด็นเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทย-กัมพูชา ๔.ปัญหาด้านการศึกษาและสังคม มีนายวันชัย สอนศิริ นายออน กาจกระโทก นายเฉลา พวงมาลัย นางนิสดารก์ เวชยานนท์ พล.อ.อ.เฉลิมชัย เครืองาม นายณรงค์ สหเมธาพัฒน์ นายจัตุรงค์ เสริมสุข ลงชื่ออภิปราย มีเนื้อหาเน้นการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ยาเสพติดและหนี้นอกระบบ ๕.ปัญหาด้านต่างประเทศและท่องเที่ยว มีนายสุวัฒน์ จิราพันธุ์ ลงชื่ออภิปราย มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการวางตัวเป็นกลางและการร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ๖.ปัญหาแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ลงชื่ออภิปราย ๗.ปัญหาการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ มีผู้ลงชื่ออภิปรายคือ นพ.อำพล จินดาวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล“อนุทิน” ยัน รบ.พร้อมเปิดหูรับฟัง สว.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รัฐมนตรีว่าการมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว. ขอให้นายกฯอยู่ถึงวันประชุมคือวันที่ ๒๕ มีนาคมฟัง สว.อภิปรายตามมาตรา ๑๕๓ ว่า ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้วว่าวันที่ ๒๕ มีนาคมรัฐบาลต้องไปฟัง สว.วันที่ ๒๒-๒๔ มี.ค. จึงต้องเร่งพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติงบฯปี ๖๗ ให้จบ เพื่อวันที่ ๒๕ มีนาคมจะได้ไปฟังการอภิปรายของ สว.ที่ สว.วิพากษ์วิจารณ์นายกฯเดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่มีผลงาน ถ้าไม่มีผลงาน คงไม่ยอมลำบากเดินทางไปขนาดนี้ด้วยอายุ ๖๒ ปี ไม่ใช่เรื่องสนุก ถ้าไม่มีเป้าหมาย ความเชื่อมั่นและความคาดหวัง นายกฯคงไม่ไป เป็นการไปสร้างความมั่นใจให้ต่างชาติ คนระดับนายกฯ ไปพูด เหมือนไปประทับตราให้ประเทศ อย่าไปบอกว่าไม่มีอะไร การไปเป็นเซลส์ ๑๐ ครั้งแล้วขาย ได้ ๓ ครั้ง ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ให้กำลังใจกันดีกว่า“หมอมิ้ง” ฉะ สว.ใจแคบจ้องจับผิดนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า กรณี สว.บางคนวิจารณ์นายกฯ กรณีไปต่างประเทศ แต่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันว่า สว.มาจากการแต่งตั้งหรือไม่ มองไม่รอบด้าน มองแคบๆ คอยหาจุดผิด แต่รัฐบาลมองแบบยุทธศาสตร์ นายกฯไปเปิดประเทศให้คนรู้จัก ให้เข้ามาติดต่อค้าขายมากขึ้น ทำให้มั่นใจขึ้นถือเป็นพื้นฐานของเศรษฐกิจ อย่าลืม วันนี้งบฯยังไม่ผ่านสภาฯ นักวิจารณ์หลายคนบอกว่าไปภาคใต้เกาไม่ถูกจุดไม่ถึงรากฐานของปัญหา เพราะแก้แบบเดิมๆมาเกือบ ๒๐ ปี ตอนนี้เราแก้แบบเดิมบวกวิธีใหม่เพิ่มเรื่องเศรษฐกิจ ผ้าขาวม้าที่นายกฯพันคอไปปรากฏอยู่ต่างประเทศได้ ไม่ใช่ของใหม่ คงจำภาพผ้าพันคอยี่ห้อจากอาหรับที่ตีตรายี่ห้อหลุยส์วิตตองปรากฏตามห้าง ถือเป็นตัวอย่างเล็กน้อยที่ปรากฏผล ส่วนระยะยาวคือการลงทุน“สมศักดิ์” อวยนายกฯ ทัวร์นอกสุดคุ้มเมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น. ที่ห้องประชุม ๕๐๑ ตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกฯ เป็นประธานประชุม คณะรัฐมนตรีแทนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการคลัง โดยนายสมศักดิ์กล่าวถึงเสียงวิจารณ์นายกฯ ไปต่างประเทศ ไม่คุ้มกับงบฯ ไม่มีผลงาน ปรากฏว่า งบฯปี ๖๗ ล่าช้า กว่าจะใช้ได้กลางเดือน เม.ย. ที่วิจารณ์ขัดแย้งกับข้อเท็จจริง นายกฯไปต่างประเทศ ๑๖ ประเทศ ลงพื้นที่จังหวัดต่างๆ ถือเป็นมิติใหม่เป็นแนวคิดปรับเปลี่ยนงานด้านต่างๆให้เกิดช่องทางการรับรู้ การสร้างงานและการลงทุนเข้าประเทศ เป็นเรื่องที่ดีมาก ถ้านายกฯทำงานครบ ๔ ปี จากการเดินทางไปต่างประเทศจะเป็นผลบวกอย่างมาก ถ้ามัวไปคิดว่าต้องไปเสียค่าเครื่องบิน ค่าที่พักไปต่างประเทศ เป็นเรื่องเล็กมาก หากเปรียบเทียบกับโอกาสและผลประโยชน์ที่ได้มาบอกนิรโทษ “นายกฯปู” ยังอีกไกลเมื่อถามถึงกรณีนายกฯ ไปปรากฏตัวพร้อมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในต่างประเทศและจะไปปรากฏตัวพร้อมนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จะสร้างความสับสนหรือไม่ว่า วันนี้ใครเป็นผู้นำกันแน่ นายสมศักดิ์ตอบว่า อย่าไป สับสนว่าใครเป็นผู้นำ พูดหลายครั้งแล้วนายเศรษฐา มีเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะนายกฯ และรัฐมนตรีมีกฎหมายรองรับ ส่วนจะไปพบใครที่ไหนไม่ใช่ประเด็น นายเศรษฐาจะพบกับอดีต นายกฯเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ จ.เชียงใหม่ ไม่ได้ผิดกฎหมาย ไม่มีระเบียบข้อห้าม ส่วนข้อเสียงวิจารณ์กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจเดินทางกลับไทยรูปแบบเดียวกับนายทักษิณ ยังอีกไกล คณะ กมธ.วิสามัญของสภาเกี่ยวกับแนวทาง นิรโทษกรรมเพิ่งเริ่มประชุม การเดินทางกลับไทย มีกฎและกติกา หลายขั้นตอน รวมถึงการขอพระราชทาน อภัยโทษยังอีกไกลเกินไปที่จะวิพากษ์วิจารณ์เชื่อไร้ สส.แห่ขึ้นเชียงใหม่พบ “ทักษิณ”ที่พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค พท.กล่าวถึงกรณีอาจมี สส. พรรค พท.ไปพบ นายทักษิณ ที่จะเดินทางไปไหว้บรรพบุรุษที่ จ.เชียงใหม่ วันที่ ๑๔-๑๖ มี.ค. ว่า สส.พท.ไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะวันที่ ๑๔ มี.ค. มีประชุมสภา เท่าที่คุยกับ สส.ยังไม่มีใครบอกจะไป สส.เป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ คิดว่าหาก สส.อยากเจอ ควรรอให้นายทักษิณแข็งแรงกว่านี้ก่อน ค่อยไปพบที่บ้านจันทร์ส่องหล้าดีกว่า ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงอีสานจะตามไปหานายทักษิณนั้น ไม่แน่ใจจะได้เจอนายทักษิณหรือไม่ ไม่อยากให้เสียเงินเหมา รถไป แต่กลุ่มเสื้อแดงเชียงใหม่ห้ามไม่ได้ ขณะนี้ไม่ทราบตารางการเดินทางนายทักษิณ เป็นเรื่องส่วนตัว ของครอบครัว นอกจากนี้ พรรค พท.ขอความร่วมมือ สส. อย่าเพิ่งกลับพื้นที่ช่วงวันพุธถึงวันศุกร์ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปจนถึงปิดสมัยประชุม เพราะประชุมสภาฯ ๓ วันติดติงลาสภาฯพบนายใหญ่ไม่เหมาะนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปพบนายทักษิณ เพราะวันที่ ๑๔ ๑๕ มี.ค. เป็น สส.มีหน้าที่ต้องประชุมสภาฯ คงไม่เหมาะสม ถ้า สส.นำมาเป็นสาเหตุการลามันก็คงไม่ใช่ เมื่อถามว่า หาก สส. หรือแฟนคลับจะไปพบนายทักษิณกัน อย่างเงียบๆได้หรือไม่ นพ.ชลน่านตอบว่า ไม่ทราบ ทำไมต้องเงียบ หรือทำไมไม่เงียบ มันต้องถามว่าทำไมด้วย เพราะที่ทุกคนจะไปเจอกัน จะทำลับๆ หรือเปิดเผยอะไรคือเหมาะสม อันนี้สังคมจะตัดสินเอง ขอให้ดูที่ข้อเท็จจริงและเจตนารมณ์ดีกว่า ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรค พท.ในฐานะ รัฐมนตรีช่วยว่าการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนไม่ได้มีนัดหมาย กับนายทักษิณถ้าได้พบก็ดี คนที่อยากพบท่านมีเยอะ เป็นสิทธิ แต่ประธานวิปรัฐบาลได้แจ้งแล้วในวันประชุม สภา สส.หรือแม้แต่ คณะรัฐมนตรีต้องเข้าร่วมประชุม คงไม่มี โอกาสได้ไปพบ หากเป็นวันหยุดราชการ ถ้า สส.ไปพบเป็นสิทธิไม่ได้ห้าม แต่ลาประชุมสภาไปถือว่า ไม่เหมาะสม“ทวี” ชี้คุมประพฤติให้ไปรักษาตัวพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการยุติธรรม กล่าวถึงกรณีถูกพุ่งเป้าในการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา ๑๕๓ ของวุฒิสภา ปมการพักโทษนายทักษิณว่า ไม่ได้กังวล ตั้งใจที่จะไปฟัง ที่ถูกวิจารณ์เรื่อง ๒ มาตรฐาน คงต้อง ชี้แจง เป็นโอกาสดีที่ได้ชี้แจง การอภิปรายของ สว. ไม่ใช่มิติทางการเมือง แต่เป็นมิติของการทำงานร่วมกัน ในการตรวจสอบให้การบริหารประเทศอยู่ภายใต้ธรรมาภิบาล ส่วนที่นายทักษิณจะไป จ.เชียงใหม่ อาจมีมวลชนเสื้อแดงมารอรับอธิบดีกรมคุมประพฤติรายงานมาว่าระหว่างวันที่ ๑๔-๑๖ มี.ค. นายทักษิณ ขออนุญาตไปเพื่อพบแพทย์ทางเลือก และเยี่ยมญาติ ไหว้บรรพบุรุษทำได้อยู่แล้ว เพียงแต่ห้ามออกนอกประเทศ ไม่ได้มองประเด็นการเคลื่อนไหวทางการเมือง มีพยาบาลไปด้วยเพื่อไปพบแพทย์ทางเลือก เมื่อถาม ถึงความคืบหน้า ระเบียบ อภัยโทษ และล้างมลทิน ในปีมหามงคล พ.ต.อ.ทวีตอบว่า ยังไม่ได้พิจารณา“สุทิน” รอจังหวะไม่กังวลโดนเขี่ยทิ้งนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกลาโหม กล่าวว่า กำลังประสานกับเลขานุการของนายทักษิณเพื่อขอเข้าพบอยู่ แต่นายทักษิณยังไม่โล่ง ยังยุ่งๆคิดว่า อาจอีกสักพักหนึ่ง จะไปขอคำแนะนำการบริหาร หลายครั้งที่ขอเข้าพบท่าน ท่านก็ไม่ให้พบ ท่านก็ไล่ไปทำงาน ท่านบอกว่า ถ้ามีงานก็ทำงานไปก่อน ถ้าว่างจริงๆแล้วค่อยมา เห็นงานคุณยุ่ง งานคุณเยอะอยู่ทำงานไปก่อน ท่านพูดแบบนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า การปรับ คณะรัฐมนตรีจะไม่ถูกปรับออก นายสุทินตอบว่า ไม่ได้คิด ไม่รู้ ไม่ได้วิเคราะห์เลยก็ทำงานไป มันเป็นอำนาจของนายกฯในฐานะหัวหน้าทีมฟุตบอล ที่อาจปรับผู้เล่น หรือปรับแผนการเล่น เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่ได้กังวลอะไรมากมาย นายกฯเผย “มาครง” เยือนไทยปีหน้าที่สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสว่า นายมาครงยินดีสนับสนุนไทยยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่าฟรีสำหรับประเทศในเชงเกน จะเริ่มพิจารณาได้หลังเลือกตั้งสมาชิกสภาสหภาพยุโรป ที่จะเสร็จสิ้นเดือน มิ.ย. หวังว่าไม่เกินปลายปีน่าจะเสร็จสิ้น จะเป็นประโยชน์ทั้ง ๒ ประเทศ เพิ่มโอกาสการเดินทางของนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ และมีการหารือเร่งรัดการทำ FTA ไทย-EU น่าจะสำเร็จเสร็จสิ้นภายใน ๑ ปีครึ่ง และเดือน พฤษภาคม๖๗ จะนำคณะนักธุรกิจไทยมาฝรั่งเศส และเดือน กันยายนคณะธุรกิจฝรั่งเศสจะเดินทางเยือนไทย รวมถึงประธานาธิบดีฝรั่งเศสจะเยือนไทยปีหน้า และยังได้ใช้โอกาสนี้อธิบายถึงสถานการณ์ในเมียนมา โดยย้ำว่า ไทยเป็นกลางและเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายมาพูดคุยกันเสนอไทยเจ้าภาพจัดแข่ง F๑ ๒๐๒๗จากนั้นเวลา ๑๕.๕๐ น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงปารีส) วันที่ ๑๑ มี.ค. นายกฯพบผู้บริหาร EDF เปรียบเสมือนการไฟฟ้าฝ่ายผลิตในยุโรป เป็นผู้ส่งพลังงานให้ปลายประเทศในยุโรปและอังกฤษ ได้รับฟังเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์ นายกฯเน้นย้ำว่า มีความละเอียดอ่อน แม้หลายประเทศได้พัฒนาด้านนี้จนเสถียรสูง ราคาต่ำ แต่การดำเนินการต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้ แสดงความคิดเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา ต้องให้ความรู้แก่ประชาชนอย่างละเอียด ยังถือเป็นช่วงเริ่มต้นศึกษาโดยบริษัทฯได้ให้คำแนะนำขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย พร้อมเป็นที่ปรึกษาและช่วยพัฒนา โดยนายกฯย้ำว่า ขอให้มั่นใจ รัฐบาลต้องสอบถามประชาชน ดำเนินการอย่างโปร่งใส จากนั้นนายกฯได้พบปะผู้บริหาร ฟอร์มูลา วัน ที่ให้ความสนใจประเทศไทยพร้อมนัดหมายพูดคุยถึงรายละเอียดความเป็นไปได้ของสถานที่การจัด street race มั่นใจหากจัดแข่งขันจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากมาไทย จัดการแข่งขันเร็วที่สุดน่าจะเกิดขึ้นในปี ๒๐๒๗ ไทยพร้อมเสนอตัว รวมทั้งหมดไทยจะเปิดตัวโครงการใหญ่เร็วๆนี้ เรื่องความปลอดภัยในการใช้ถนนร่วมกับองค์การสหประชาชาติเปลี่ยนเครื่องบินไปภารกิจเมืองคานส์เมื่อเวลา ๑๕.๔๐ น. (ตามเวลาประเทศไทย) วันที่ ๑๒ มี.ค. นายกฯได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เช้านี้ตนมีกำหนดการเดินทางไปเมืองคานส์ แต่บังเอิญเครื่องบินของเราขัดข้อง ตัดสินใจขึ้นเครื่องพาณิชย์ที่ฝรั่งเศสไปกับการ์ดฝรั่งเศสกัน ๒ คนแต่ไม่เป็นไร งานมาก่อน เพราะงานมหกรรมอสังหา ริมทรัพย์นานาชาติ (MIPIM ๒๐๒๔) The Global Urban Festival เป็นงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก มีรัฐมนตรีจากทั้งฝรั่งเศส สหราช อาณาจักรเยอรมนีและโอมาน นักลงทุนกว่า ๖,๕๐๐ ราย รวมทั้งผู้เข้าร่วมจากทั้งองค์กรของรัฐ สถาบันการเงิน และบริษัทชั้นนำจาก ๙๐ ประเทศทั่วโลกกว่า ๒๒,๕๐๐ คน ถือเป็นงานสำคัญที่เราพลาดไม่ได้ จะกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “better infrastructure in an age of risk, scarcity and emergency” จะแสดงวิสัยทัศน์ แบ่งปันประสบการณ์ด้านการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานของไทยชูฮับการบิน–แลนด์บริดจ์–พลังงานเขียวต่อมาเวลา ๑๑.๑๐ น.ที่ Palais des Festivals เมืองคานส์ นายกฯเข้าร่วมพิธีเปิดงานมหกรรมอสังหาริมทรัพย์ระดับนานาชาติ (MIPIM ๒๐๒๔) และกล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาหัวข้อ “Better Infrastructures in an Age of Risk, Scarcity and Emergency” ตอนหนึ่งว่า รัฐบาลจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ๓ ด้านหลัก ได้แก่ ๑.ศูนย์กลางการบิน มีแผนขยายสนามบินสุวรรณภูมิรองรับผู้โดยสารได้ ๑๕๐ ล้านคนต่อปี พร้อมสร้างสนามบินใหม่อีก ๒ แห่งในภาคเหนือและภาคใต้ ๒.โครงการสะพานเศรษฐกิจเชื่อมทะเลอ่าวไทย-อันดามันหรือแลนด์บริดจ์ เชื่อมต่อทางทะเลในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ที่เชื่อมั่นว่า ไทยที่มีความเป็นกลาง พร้อมเปิดรับทุกภาคส่วนเสมอ และ ๓.โครงสร้างพื้นฐานพลังงานสีเขียวที่โครงการและการลงทุนที่สำคัญส่วนใหญ่นับจากนี้ล้วนต้องการเข้าถึงพลังงานหมุนเวียนในราคาที่เหมาะสม และเชื่อถือได้ มั่นใจ ไทยจะบรรลุเป้าหมายการมีพลังงานทดแทน ๕๐% ของการผลิตภายในปี ๒๕๘๓ไม่มีเวลาใดดีกว่านี้มาลงทุนในไทยต่อมาเวลา ๑๒.๑๐ น. (เวลาท้องถิ่นเมืองคานส์) ที่โรงแรม Carlton Cannes นายกฯ เข้าร่วมงานเลี้ยง อาหารกลางวัน Re-Invest Summit Lunch และกล่าวสุนทรพจน์ว่า เป็นโอกาสสำคัญที่จะได้แนะนำประเทศไทยในอีกแง่มุม นอกจากการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำของโลก หวังว่า ผู้คนทั่วโลกจะมาพักอาศัย ดำเนินธุรกิจและขยายการลงทุนในไทยมากขึ้น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังมีแนวโน้มเติบโตกว่า ๓๐% ในอีก ๕ ปีข้างหน้า สะท้อนศักยภาพมหาศาล และด้วยวิสัยทัศน์อนาคตของไทย ๘ ด้านคือ ๑.ศูนย์กลางการบินและศูนย์บำรุงรักษาหลักในภูมิภาค ๒.ศูนย์กลางเมืองท่องเที่ยววางตำแหน่งประเทศให้เป็น “โฮมสเตย์” ระดับโลก ๓.ศูนย์กลางการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพ ๔.ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารที่เน้นย้ำบทบาทไทยในฐานะ “ครัวโลก” ๕.ศูนย์กลางขนส่งของภูมิภาค ผ่านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ๖.ศูนย์กลางผลิตยานยนต์แห่งอนาคต ๗.ศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัล และ ๘. ศูนย์กลางทางการเงิน วิสัยทัศน์เหล่านี้ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่มั่นใจจะเปลี่ยนให้กลายเป็นความจริงได้ ประเทศไทย เปิดกว้างสำหรับธุรกิจเต็มที่ ไม่มีเวลาใดที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้วในการลงทุนในประเทศไทยนัดกินข้าวกับซีอีโอไมโครซอฟต์ ๒๑ มีนาคมผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อคราวการประชุมผู้นำความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ที่นครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ช่วงกลางเดือน พฤศจิกายน๖๖ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการคลัง ได้หารือและเชิญนายสัตยา นาเดลลา ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอของไมโครซอฟต์ (Microsoft) มาทานอาหารกลางวันที่ทำเนียบรัฐบาล ในฐานะนายกฯเป็นเจ้าบ้านต้อนรับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทย ล่าสุดนายสัตยามีกำหนดการเยือนประเทศไทย เพื่อพบปะกับชุมชนนักพัฒนาและผู้สร้างสรรค์นวัตกรรม สานต่อความร่วมมือระหว่าง Microsoft กับรัฐบาลไทยในงาน “Micro soft Build : AI Day” วันที่ ๒๑ มีนาคม๖๗ ที่ศูนย์ การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และตอบรับมาทานข้าวกับนายเศรษฐาที่ทำเนียบฯ ทั้งนี้ซีอีโอไมโครซอฟต์มาหารือกับนายกฯไทย ถือเป็นครั้งที่ ๒ ต่อจาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ได้พบปะหารือและเลี้ยงอาหารนายบิล เกตส์ ซีอีโอไมโครซอฟต์ในขณะนั้น ที่ทำเนียบฯ เมื่อปี ๒๕๔๖อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่