วันเสาร์, 4 พฤษภาคม 2567

ตายายขับสามล้อคุ้ยขยะ ถูกหาขโมยแหวนเพชร ร่ำไห้ตัดพ้อคนจนก็มีหัวใจ

15 มี.ค. 2024
35

ตาพลคนอุดรฯ และเมียร่ำไห้ ขับสามล้อออกไปเก็บของเก่าค้นถังขยะหน้าบ้านคนรวย ตกเป็นผู้ต้องสงสัย ขโมย “แหวนเพชร-ต่างหู” เมียอาบน้ำถอดห่อทิชชูไว้สามีนึกว่าขยะเอามาทิ้ง นึกขึ้นได้มาดูเจอแต่ทิชชู มีกล้องฯ บันทึกภาพไว้ได้ มีเพียงตากับยายเท่านั้นที่ไปคุ้ยถังขยะจากกรณีเพจข่าวบ้านดุงอัพเดท ได้โพสต์ภาพสามีภรรยากับสามล้อเครื่อง พร้อมข้อความว่า “พ่อผมไม่ใช่ขโมย ชาวบ้านเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ส่งขอความช่วยเหลือมาหาทางบ้านดุงอัพเดท ว่าวันหนึ่ง พ่อกัแม่ไปคุ้ยขยะหาของเก่าอยู่หน้าบ้านคนรวย แล้วโดนแจ้งความจับว่า ขโมยแหวนเพชร เก็บแหวนเพชรได้แล้วไม่ยอมคืน เพราะว่าเจ้าของบ้านบอกว่าลืมแหวนเพชรไว้ในถังขยะ พ่อแม่ก็ยอมให้ค้นและก็ไม่เจอ ไปแจ้งความดำเนินคดี พ่อแม่ผม ท่านทำอาชีพนี้มาเกือบ ๒๐ ปี ไม่เคยขโมย ผมไม่อยากให้พ่อให้แม่ผมมาติดคุกตอนแก่ ทั้งที่ท่านไม่ได้ขโมย ขอความเป็นธรรมร้องสื่อ ช่วยพ่อแม่ผมด้วยนะครับ”เวลา ๑๒.๐๐ น. วันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๖๗ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบนายพล ทองสีสุก หรือตาพล อายุ ๖๘ ปี และนางวิรุณรัตน์ สารีบุตร หรือยายหน่อง อายุ ๕๘ ปี อยู่ชุมชนผาสุก เขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งทั้งสองไม่ได้ออกไปเก็บของเก่าเหมือนทุกวัน และมีสีหน้าวิตกกังวล โดยนายพล เล่าว่า ตนทำอาชีพเก็บของเก่ามาตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ หรือประมาณ ๒๐ ปี หาเงินเลี้ยงครอบครัว มีตน ภรรยา และแม่ยาย อายุ ๙๐ ปี ส่วนลูกชายทำงานเป็น รปภ. ตอนนี้ตัวเองและภรรยามีความกังวลใจ ที่ถูกกล่าวหาว่าขโมยแหวนเพชร ที่คนรวยหลงเอามาทิ้งขยะ แล้วตนมาเก็บของเก่าในถังขยะในวันเดียวกัน ทำให้เป็นผู้ต้องสงสัย ตาพล เล่าว่า เวลาประมาณ ๑๖.๐๐ น. วันที่ ๗ มีนาคม ๖๗ ตนและภรรยาขับรถสามล้อเครื่องหรือซาเล้งไปเก็บของเก่าในถังขยะในเขตเทศบาลนครอุดรธานี  พอไปถึงถังขยะตั้งอยู่บนฟุตปาท พื้นที่ว่างเปล่า ริมถนนวัฒนานุวงศ์ ตรงกันข้ามร้านขายอุปกรณ์เกมคอมพิวเตอร์ ตนและภรรยาก็ค้นหาของเก่าตามปกติ โดยจะเน้นขวดพลาสติก และกระป๋องน้ำอัดลม เสร็จแล้วก็ขับรถสามล้อเก็บของเก่าไปเรื่อยๆ แล้วกลับมาแยกขยะเตรียมขายที่บ้าน  วันต่อมา วันที่ ๘ มีนาคม ตนและภรรยาขับสามล้อเครื่องไปเก็บของเก่าบริเวณถนนอดุลยเดช ได้มีผู้ชายเข้ามาถามว่าเมื่อวานได้ไปเก็บของเก่าที่ถังฝั่งตรงข้ามร้านขายอุปกรณ์เกมคอมพิวเตอร์หรือไม่ ถ้าได้ไปเก็บเห็นแหวนเพชร และต่างหู อยู่ในกระดาษทิชชูในถุงขยะหรือไม่ ซึ่งตนบอกว่าไม่เห็น เขาจึงเชิญตนและภรรยาไปโรงพัก เพื่อให้ตำรวจสอบถาม ว่าเห็นแหวนเพชรหรือไม่ หากพบเห็นให้เอาคืนเจ้าของ ซึ่งก็บอกว่าไม่เห็น หากเห็นก็จะคืนให้ เพราะตนไม่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อย สามารถตรวจสอบประวัติได้ เสร็จแล้วเขาปล่อยตัวกลับบ้าน วันที่ ๑๐ มีนาคม ก็เชิญตนและภรรยาไปโรงพักอีก ครั้งนี้จึงชวนประธานชุมชนไปดูกล้องวงจรปิดด้วย ซึ่งดูกล้องวงจรปิดก็เห็นตนเก็บของเก่าโยนขึ้นรถเท่านั้น   ตาพล กล่าวต่อว่า ทราบว่า เจ้าของร้านเกมถอดแหวนเพชร ต่างหู และฟันปลอมห่อด้วยกระดาษทิชชู วางไว้ในห้องน้ำ แต่สามีไม่รู้ว่าเป็นห่อแหวนเพชร นึกว่าขยะจึงหยิบใส่ถุงหูหิ้วพลาสติกนำไปทิ้งขยะเวลา ๑๒.๓๐ น. ส่วนตนไปเก็บ ๑๖.๒๐ น. ตนและภรรยาก็ยังยืนยันว่าไม่เห็นแหวนเพชรและต่างหูแต่อย่างใด แต่เจ้าของร้านบอกว่าเสียความรู้สึก แล้วความรู้สึกพวกตนล่ะ แม้จะเป็นคนจนก็เสียใจ เขาอาจจะหลงลืมที่เก็บก็ได้ ซึ่งมีการไปลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ส่วนตำรวจบอกว่าจะออกหมายเรียก และให้ไปปฏิเสธบนศาลนะ ก็แสดงว่าพวกตนจะต้องถูกดำเนินคดี ทั้งที่พวกตนไม่ได้ขโมย หลังจากวันนั้นเป็นต้นมาก็รู้สึกเสียใจ กังวลใจ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวจะถูกดำเนินคดี ภรรยานอนร้องไห้ทุกคืนจนผอมขณะที่นางวิรุณรัตน์ หรือยายหน่อง ภรรยาลุงพล ได้ยกมือไหว้พร้อมกับพูดทั้งน้ำตาว่า ให้เลิกดูถูกพวกตนซึ่งเป็นคนจน ซึ่งได้ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจแล้ว ขอร้องอย่าว่าพวกตนเอาแหวนเพชรไป ไม่เห็นแหวนเพชรจริงๆ ตนไม่ได้ขโมย ตั้งแต่เกิดเรื่องมา ๑ สัปดาห์ ก็รู้สึกไม่สบายใจ แม้จะยากจนก็ไม่คิดจะเอาของคนอื่น ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ถังขยะที่เกิดเหตุ พบว่าเป็นถังขยะสีน้ำเงิน ๒ ถังตั้งเรียงกัน อยู่บนฟุตปาทหน้าพื้นที่ว่างเปล่า อยู่ตรงข้ามกับร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกมคอมพิวเตอร์ จากนั้นได้เดินหากล้องวงจรปิด พบว่ามุมภาพกล้องวงจรปิดของเทศบาลนครอุดรธานี ส่องมาไม่ถึงมุมที่ตั้งถังขยะ แต่ในวันดังกล่าวมีกล้องหน้ารถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดใกล้ถังขยะ ส่องเห็นนายพลกับภรรยามาเก็บของเก่าในถังขยะพอดี ทำให้ตำรวจทราบเบาะแส   ส่วนเจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์เกมคอมพิวเตอร์ เล่าผ่านโทรศัพท์ว่า “แม่ถอดแหวนเพชร ต่างหู ห่อกระดาษทิชชูไว้ในห้องน้ำ พ่อนึกว่าเป็นกระดาษธรรมดา จึงได้หยิบเอาไปใส่ถุงขยะมัดปากถุงนำไปทิ้งถังขยะ แต่พอแม่นึกได้ จึงไปดูที่ถังขยะก็พบว่าถุงขยะถูกเปิดแล้ว กระดาษทิชชูถูกแกะออก จึงมาเปิดวงจรปิดดูย้อนหลังตั้งแต่ ๑๒.๐๐-๑๖.๓๐ น. ก็เห็นตากับยายขี่สามล้อเครื่องมาเก็บของเก่าเท่านั้น ไม่มีคนอื่นอีกเลย จึงไปตามหาและเชิญตัวมาสอบถามที่โรงพัก ไม่ได้กล่าวหา แต่สืบตามกล้องแค่นั้นเอง ไม่พบหลักฐาน ไม่มีของกลาง จะไปแจ้งข้อหาใคร”