Friday, 6 December 2024

"นพดล" ชี้ หากไทย ดันแก้ปัญหา "เมียนมา" สำเร็จ จะกลับมาอยู่ใน "จอเรดาร์โลก"

นพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ เพื่อไทย ชี้ ถ้าไทยผลักดันแก้ปัญหา”เมียนมา” สำเร็จ จะกลับมาอยู่ในจอเรดาร์โลกชัดทันที กมธ.ต่างประเทศ เสนอ ๔ ข้อ ขอรัฐบาลมีแผนรองรับการทะลักหนีภัยสู้รบ เพิ่มช่วยเหลือมนุษยธรรม วันที่ ๑๗ มี.ค. ๒๕๖๗ นายนพดล ปัทมะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ (กมธ.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในฐานะ สส.พรรคเพื่อไทยนั้น ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทย ให้ความสำคัญกับปัญหาประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะปัญหา “เมียนมา” เนื่องจากขณะนี้การสู้รบภายใน “เมียนมา” ยังมีอย่างต่อเนื่อง และการสู้รบกับชนกลุ่มน้อยฝั่งตรงข้ามแม่สอดก็ยังดำเนินอยู่ ในเรื่องนี้ กมธ.ต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้ติดตามปัญหาของเมียนมาอย่างใกล้ชิด และสนับสนุนทุกฝ่ายที่จะเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้สำเร็จโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม กมธ.ต่างประเทศ มีข้อเสนอดังนี้๑) เสนอรัฐบาลตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ในเมียนมาเป็นการเฉพาะ เพื่อรวมหน่วยงานความมั่นคงและต่างประเทศมารวมกันเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเมียนมาอย่างมีเอกภาพและประสิทธิภาพ ๒) ทำแผนมาตรการรองรับฉุกเฉินเพื่อรองรับในกรณีมีการสู้รบตามตะเข็บแนวชายแดนไทยมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีปัญหาการทะลักเข้ามาของผู้หนีภัยสงคราม และที่อาจทะลักเข้ามาในไทยภายหลังจากที่มีการประกาศเกณฑ์ทหารในเมียนมา๓) สนับสนุนรัฐบาลในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา แต่ควรให้ครอบคลุมบุคคลจำนวนมากขึ้นไม่ใช่เพียง ๑๐,๐๐๐ คนเศษ ๓ หมู่บ้าน และควรกระจายการช่วยเหลือให้ครอบคลุมทุกฝ่ายรวมทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ และควรดึงเอาทรัพยากรและความช่วยเหลือจากอาเซียน เข้ามาร่วมด้วยเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างกว้างขวางและเป็นรูปธรรมและ ๔) เสนอให้ไทยเป็นหัวหอกในการแก้ไขปัญหาเมียนมาอย่างเป็นรูปธรรมและรวดเร็วมากขึ้น โดยการไม่เพียงเป็นแค่ผู้อำนวยความสะดวก แต่ควรเพิ่มบทบาทเป็นผู้ผลักดันสันติภาพในเมียนมา โดยตั้ง “เมียนมาทรอยก้าพลัส” ขึ้น ประกอบด้วยไทย ประธานอาเซียน จีนและอินเดีย เพื่อเป็นเวทีผลักดันการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน นำไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในเมียนมา ซึ่งสอดคล้องกับฉันทามติ ๕ ข้อของอาเซียน“เราไม่ขาดแคลนแนวคิด แต่ต้องเพิ่มความมุ่งมั่น จริงจัง ปัญหาเมียนมานั้นเป็นปัญหาที่มีความซับซ้อน แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่อาเซียน และไทย จะเป็นหัวหอกในการผลักดันการสร้างสันติภาพให้สำเร็จ เพราะถ้าทำได้ เกียรติภูมิของไทยจะเพิ่มขึ้น และกลับเข้ามาอยู่ในจอเรดาร์ของโลกอย่างชัดเจน” นายนพดล กล่าว.