วันพฤหัสบดี, 9 พฤษภาคม 2567

'มันคือนรก' : ๑๐ ปีโศกนาฏกรรมเรือ "เซวอล" ล่ม

16 เม.ย. 2024
11

วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๕๗ เรือเฟอร์รี่ “เซวอล” ออกเดินทางจากท่าเรืออินชอน และมุ่งหน้าไปยังเกาะเชจู โดยมีผู้โดยสารทั้งหมด ๔๗๖ คน เป็นลูกเรือ ๓๓ คน และนักเรียน ๓๒๕ คนจากโรงเรียนมัธยมดันวอน ร่วมทริปทัศนศึกษาในครั้งนั้น แต่ในเช้าวันที่ ๑๖ เมษายน เรือเซวอลเกิดเหตุอับปางและค่อยๆ จมลงในน้ำทะเล ทั้งนักเรียน ครู รวมถึงลูกเรือหลายคนติดอยู่ในเรือไม่สามารถออกมาได้ และเสียชีวิตรวม ๓๐๔ ศพผลการสอบสวนพบข้อผิดพลาดหลายประการ เช่น กัปตันเรือไม่ได้อยู่ในห้องควบคุมเรือขณะเกิดเหตุ แต่ฝากเรือไว้กับผู้ช่วยต้นเรือที่มีประสบการณ์เดินเรือเพียง ๖ เดือน ความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ที่ล่าช้า เรือมีการดัดแปลงต่อเติม บรรทุกน้ำหนักเกินที่กฎหมายกำหนด รวมถึงข้อกล่าวหาที่ว่า ขณะเรืออับปางกัปตันบอกให้ทุกคนอยู่เฉยๆ ขณะที่ตัวเองสละเรือหนีออกมาแม้จะมีโทษจำคุก การจ่ายค่าชดเชยตามคำสั่งศาล และการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล พ่อของเหยื่อรายหนึ่งกล่าวว่าเขารู้สึกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ทำอะไรมากพอที่จะรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ แม้กระทั่งรัฐบาลชุดปัจจุบันของประธานาธิบดียุน ซุกยอล ก็ยังเชื่อว่าการจัดการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติต่างๆ ยังคงย่ำแย่เรือเฟอร์รี่ลำนี้ค่อยๆ จมสู่ก้นทะเล ในขณะที่มีการรายงานข่าวและการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ขณะที่เด็กๆ บนเรือส่งข้อความที่แสดงถึงความสิ้นหวังถึงพ่อแม่ และ ๑๐ ปีหลังจากภัยพิบัติทางทะเลครั้งเลวร้ายที่สุดของเกาหลีใต้ ครอบครัวของเหยื่อยังคงไม่ลืมถึงความน่ากลัวในครั้งนั้นลูกชายวัยรุ่นของนายจุง ซองอุค เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต ๓๐๔ ศพ เมื่อเรือเฟอร์รี่เซวอลที่บรรทุกเกินน้ำหนัก ประสบอุบัติเหตุล่มนอกชายฝั่งทางใต้ของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๗เหยื่อเกือบทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนที่ปฏิบัติตามคำสั่งให้อยู่ในที่พักของตัวเอง ขณะที่ลูกเรือและกัปตันสามารถหนีออกไปได้ หนึ่งในข้อความสุดท้ายที่จอง ดงซู ลูกชายของจุง ส่งคือถึงแม่ของเขา โดยบอกว่าเรือเฟอร์รี่เอียง ๔๕ องศา ทำให้พ่อของเขาต้องรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุเพื่อพยายามตามหาลูกของเขาเมื่อนายจุง ผู้เป็นพ่อเดินทางมาถึงโรงยิมของโรงเรียนทางตอนใต้ของเมืองจินโด ซึ่งเป็นที่ที่ผู้รอดชีวิตถูกนำตัวไปพัก เขาก็ได้เห็นภาพของการปฏิบัติการกู้ภัยที่แสนวุ่นวาย”มันเป็นนรกจริงๆ ผมหมายถึงความวุ่นวาย ไม่มีใครจัดการได้อย่างเหมาะสม เด็กๆ ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง และพ่อแม่ก็ลงมารับเด็กๆ กลับบ้าน มันวุ่นวายมาก พูดง่ายๆ ก็คือมันคือนรก”เขาบอกว่าเขา “เสียใจมาก” เกี่ยวกับความพยายามช่วยเหลือครั้งนี้ โดยคิดว่าหากสิ่งต่าง ๆ ถูกดำเนินการด้วยวิธีการแตกต่างออกไป ผู้คนจำนวนมากจะได้รับการช่วยชีวิตได้หลังจากที่เห็นได้ชัดว่าลูกชายของเขาเสียชีวิตแล้ว จุงก็มีส่วนร่วมในการค้นหาศพที่ยังคงหายสาบสูญ และหลังจากนั้นเขาได้ร่วมในการรณรงค์เพื่อกู้เรือ โดยการช่วยล็อบบี้รัฐบาลให้นำเรือเซวอลขึ้นมาจากก้นทะเลและนำขึ้นฝั่ง เขากล่าวว่า แม้แต่ในกระบวนการดังกล่าวก็เต็มไปด้วย “ข้อผิดพลาดมากมาย”สำหรับ อี มิ-คยอง ซึ่งลูกชายของเธอเป็นหนึ่งในเด็ก ๒๕๐ คนที่เสียชีวิตจากเหตุเรือเล่ม การรับมือกับความเศร้าโศกและความโกรธนั้นเป็นเรื่องยากอย่างไม่น่าเชื่อ เธอต้องผ่านความเจ็บปวด ผ่านการแสดงละครเวที “ฉันจะไม่ซ่อนตัวในความมืดอีกต่อไป ไม่พ่ายแพ้ต่อความโศกเศร้า หรือร้องไห้ด้วยความสิ้นหวังอีกต่อไป” ลี วัย ๕๘ ปี กล่าวในละครเวทีที่แม่ของเด็ก ๗ คนที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ เล่าถึงการเดินทางแห่งความโศกเศร้าของพวกเขาละครเรื่องนี้เป็นละครเวทีหนึ่งในห้าเรื่องที่นางอี และคุณแม่คนอื่นๆ แสดงตลอด ๘ ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละเรื่องเน้นให้เห็นแง่มุมที่แตกต่างกันของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ พวกเธอแสดงการจดจำลูกๆ ไว้อาลัย และเรียกร้องความยุติธรรมผ่านการแสดงละคร และตอบคำถามว่ามีเด็กกี่คนที่ได้รับคำสั่งให้อยู่ในห้องพักบนเรือ เสียชีวิตในขณะที่กัปตันและลูกเรือหลบหนี การช่วยเหลือที่ล้มเหลว?ขณะที่เรือเซวอลน้ำหนัก ๖,๘๒๕ ตันเริ่มจมลงสู่ทะเล ลูกเรือได้แจ้งให้ผู้โดยสารอยู่กับที่ แต่กัปตันและลูกเรือกลับกลายเป็นฝ่ายที่ออกจากเรือก่อน ต่อมาพวกเขาถูกจำคุกจากการกระทำของพวกเขาภัยพิบัติครั้งนี้ถูกกล่าวหาว่ามีสาเหตุมาจากการบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด การออกแบบที่ผิดกฎหมาย และการบังคับควบคุมเรือที่ไม่ดี โดยศาลเรียกสิ่งนี้ว่า ลูกเรือที่ “ไร้ความสามารถ”กัปตันเรือถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และลูกเรือคนอื่นๆ ก็ถูกตัดสินจำคุกเช่นกัน แต่กลับไม่พบว่ามีฝ่ายใดต้องแสดงความรับผิดชอบอีก มีการสอบสวนและสอบถามเกี่ยวกับภัยพิบัติครั้งนี้หลายครั้ง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่าการช่วยเหลือครั้งนี้ก็ล้มเหลวเช่นกัน แต่นายคิม ซอกคยุน อดีตหัวหน้าหน่วยยามฝั่ง ที่ถูกตัดสินจำคุกในข้อหาจัดการภารกิจกู้ภัยในทางที่ผิด และพ้นผิดเมื่อเดือนพฤศจิกายน กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ไม่มีอะไรอื่นที่พวกเขาสามารถทำได้อีกแล้วนายคิม ซึ่งปัจจุบันเป็นอาจารย์สอนด้านความมั่นคงทางทะเลที่วิทยาลัยท้องถิ่น กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ ฮันกุก อิลโบ ว่า “คนทั่วไปอ้างว่าสามารถป้องกันการบาดเจ็บล้มตายได้ หรือลดขนาดความสูญเสียลงได้ หากหน่วยยามฝั่งออกคำสั่งอพยพ แต่พวกเขากล่าวอ้างโดยไม่เข้าใจสถานการณ์” เขากล่าวว่า “เรือเซวอลเอียงอยู่แล้วที่ ๕๐-๖๐ องศา ตอนที่หน่วยกู้ภัยมาถึง จึงเป็นเรื่องยากสำหรับผู้โดยสารที่จะหลบหนีอย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากกัปตันหรือลูกเรือ”ความโกรธเกรี้ยวของสาธารณชนพุ่งเป้าไปที่ประธานาธิบดีพัค กึน-ฮเย ในขณะนั้น หลังจากที่ปรากฏว่าเธอไม่สามารถติดต่อได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงในขณะที่ภัยพิบัติเกิดขึ้น ในเวลาต่อมาเธอถูกกล่าวโทษ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการจัดการเรื่องเรือล่ม ‘สิ่งต่างๆ แย่ลง’แม้จะมีโทษจำคุก การจ่ายค่าชดเชยตามคำสั่งศาล และการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล พ่อของจุงบอกว่าเขารู้สึกว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้ทำอะไรมากพอที่จะรับผิดชอบต่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ และต้องแน่ใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก”ตอนนี้ ในอีก ๑๐ ปีต่อมา ผมรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้นกับความจริงที่ว่า แม้ว่าผมจะพยายามอย่างหนัก แต่ก็ไม่มีการลงโทษที่เหมาะสม และไม่มีการสอบสวนความจริง””เมื่อพิจารณาถึงการทำงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน เราเชื่อว่าสิ่งต่างๆ แย่ลง ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภัยพิบัติ รัฐบาลของประธานาธิบดียุน ซุกยอล พยายามซ่อนสิ่งเหล่านั้นไว้และไม่มีแผนการใดๆ”การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเกาหลีใต้จากประเทศที่ถูกสงครามทำลาย จนกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ ๔ ของเอเชียและมหาอำนาจทางวัฒนธรรมระดับโลก คือที่มาแห่งความภาคภูมิใจของชาติแต่ภัยพิบัติต่างๆ ที่สามารถป้องกันได้ ตั้งแต่เรือเฟอร์รี่เซวอล ไปจนถึงเหตุการณ์ฝูงชนเบียดกันตายในเทศกาลฮาโลวีนที่ย่านอิแทวอนในกรุงโซล เมื่อปี ๒๕๖๕ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า ๑๕๐ คน ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว ได้สั่นคลอนความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อทางการเจ้าหน้าที่ระดับเขตและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนถูกดำเนินคดีจากเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอน แต่ไม่มีสมาชิกระดับสูงของรัฐบาลคนใดลาออก หรือถูกดำเนินคดี แม้ว่าครอบครัวของเหยื่อจะวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการขาดความรับผิดชอบก็ตามจุงกล่าวว่า “ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมีสิทธิที่จะได้รับแจ้งอย่างถูกต้องจากรัฐว่าทำไมภัยพิบัติดังกล่าวจึงเกิดขึ้น และความคืบหน้าของสิ่งต่างๆ นี่คือสิ่งที่ประเทศของเรายังขาดอยู่”ที่มา AFPติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign