วันศุกร์, 3 พฤษภาคม 2567

วิเคราะห์การเมือง : มีแต่เรื่องเสี่ยงเจ็บตัว

คำสั่งฟ้าผ่าเขย่ารั้วกรมปทุมวันอีกรอบ“บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะรักษาราชการแทน ผบ.ตำรวจลงดาบเซ็นคำสั่งให้ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกจากราชการไว้ก่อน เซ่นคดีฟอกเงินเว็บพนันช็อตต่อเนื่องทันทีทันใดหลัง “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ลงนามส่งตัว “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) หลังถูกย้ายมาช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีอาฟเตอร์ช็อกผลพวงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่พบหลักฐานมัด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเว็บพนันออนไลน์ตำนานแมว ๙ ชีวิต อาการโคม่า โดนตั้งแท่นเอาผิดทางวินัยต่ออีกทอด เส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ตร. ดูท่าไปต่อยาก พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ประเด็นร้อนทอล์กออฟเดอะทาวน์เบนความสนใจกระแสปรับ คณะรัฐมนตรีไปชั่วขณะ“คณะรัฐมนตรีเศรษฐา๒” ยังฝุ่นตลบ “นายกฯนิด” รับสายหูแทบไหม้ เหล่ารัฐมนตรีต่อสายตรงเช็กสถานะอนาคตตัวเองจ้าละหวั่น ภายหลังกระแสข่าวปรับ คณะรัฐมนตรีดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆเค้าลางที่ส่อยกเครื่องใหญ่ สะเทือนกันหลายเก้าอี้ ทั้งปรับเข้า ปรับออก สลับเก้าอี้สะดุ้งกันหลายมุ้งภาวะคนในไม่อยากออก แต่คนนอกอยากเข้าเต็มไปหมด เปิดศึกวัดกำลังภายใน วิ่งเต้นใช้เส้นสายเป็นช่องทางพิเศษติดต่อผู้มีอำนาจกดปุ่ม คณะรัฐมนตรีตัวจริงในพรรคเพื่อไทยอย่างที่เห็นบรรยากาศรัฐมนตรี สส. แห่ห้อมล้อม นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ จ.เชียงใหม่ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาช็อตย้อนแย้งทางทฤษฎี แต่คือโลกแห่งความจริงทางการเมือง เหล่ารัฐมนตรีวิ่งเข้าหาคนกุมอำนาจตัวจริง แทนที่จะเข้าหา “นายกฯนิด” ที่มีอำนาจทางกฎหมายในการปรับ คณะรัฐมนตรีสายแข็ง สายอ่อน วิ่งตีนขวิดเข้าหานายใหญ่ สร้างเซฟโซนให้ตัวเอง เพราะคนคุมรีโมต คณะรัฐมนตรีอยู่บ้านจันทร์ส่องหล้า ไม่สนคำแนะนำ “นายกฯนิด” ที่ให้ใช้ผลงานเป็นเครื่องมือสร้างภูมิคุ้มกันให้ตัวเองโผ คณะรัฐมนตรียังไม่นิ่ง ชื่อหน้าเก่าหน้าใหม่สลับกันผลุบๆโผล่ๆ ต้องเร่งปิดดีลให้เร็วที่สุดคุมแรงกระเพื่อมลุกลามตามแนวโน้มล่าสุดที่ตั้งท่าลุกลามจากเก้าอี้รัฐมนตรีไปสู่เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร อย่างที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องรีบดักคอสัญญาณรุกคืบ เปลี่ยนตัวประธานสภาฯ เอาเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไปปลอบใจคนที่หลุดเก้าอี้ คณะรัฐมนตรีลั่นรับไม่ได้ฝ่ายบริหารล้ำเส้นฝ่ายนิติบัญญัติ กางเกราะรัฐธรรมนูญเซฟเก้าอี้ ตำแหน่งประธานสภาฯต้องมีความเป็นกลาง ห้ามใครแทรกแซงภาวะที่พรรคเพื่อไทยต้องรีบคุมไฟลามข้ามฝั่งนิติบัญญัติ อย่างที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์ ชิงปฏิเสธไม่คิดยึดคืนเก้าอี้ประธานสภาฯ แม้เคยอยู่ในโควตาพรรคเพื่อไทย ช่วงจัดตั้งรัฐบาลแรกๆเกมอำนาจแย่งเก้าอี้ คณะรัฐมนตรีกระเพื่อมแรง ส่อกระทบกระทั่งข้ามองค์กร ต้องรีบดับไฟแต่ต้นลม หย่าศึกฝ่ายบริหาร–นิติบัญญัติแต่ที่กำลังหัวหมุนไม่แพ้ปรับ คณะรัฐมนตรีคือ เกมแก้รัฐธรรมนูญยังคาราคาซัง ผ่านมา ๗ เดือน ทำได้แค่ตั้งคณะกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางทำประชามติ เพื่อแก้ปัญหาความเห็นแตกต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ ปี ๒๕๖๐ มีนายภูมิธรรมเป็นประธาน ทอดเวลาศึกษาแนวทางจัดทำประชามติไปพลางๆก่อน ยังเริ่มต้นนับหนึ่งแก้รัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการไม่ได้ ล่าสุดศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องรัฐสภาที่ยื่นเรื่องให้วินิจฉัยความชัดเจนการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญจะต้องทำกี่ครั้ง เพราะเป็นเพียงข้อสงสัย ไม่เข้าข่ายปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญยังคลุมเครือ ทั้งจำนวนครั้งที่ต้องทำประชามติ และรัฐสภามีอำนาจบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลออกเสียงประชามติจากประชาชนจะกระทำได้หรือไม่ภาวะที่ประธานรัฐสภารีบตั้งการ์ดสูง ไม่กล้าบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเข้าวาระประชุมรัฐสภา โดยยังไม่มีผลประชามติรองรับไฟต์บังคับบีบรัฐบาลต้องเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับตามที่หาเสียงไว้ ลุยไฟโดยไม่มีหลักประกันชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินการอย่างไร จึงจะถูกต้องตามกฎหมายขืนสุ่มสี่สุ่มห้า เดินหน้าแก้ไขตามความเห็นของตัวเองอาจเสี่ยงถูกยื่นตีความเป็นโมฆะภายหลังเส้นทางแก้รัฐธรรมนูญ เหมือนให้เสี่ยงไปตายเอาดาบหน้า เซฟโซนปลอดภัยที่สุดของรัฐบาล “เศรษฐา” อาจจะต้องเสียเวลาทำประชามติ ๓ รอบ แม้เสียเวลา เสียงบประมาณแค่ไหน แต่ก็ต้องยอมแลกถ้าปล่อยให้การแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับถึงทางตันเมื่อไร รัฐบาลเจ็บตัวหนักกว่าแน่นอน!!!ทีมข่าวการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม