วันศุกร์, 3 พฤษภาคม 2567

เตือนประชาชน รู้ทัน ไม่หลงเชื่อกลโกงมิจฉาชีพ ตรวจสอบข้อมูลก่อนทำธุรกรรม

ชัย วัชรงค์ โฆษกรัฐบาล ย้ำเตือนประชาชน รู้ทัน ไม่หลงเชื่อกลโกงมิจฉาชีพ ตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนทำธุรกรรม ป้องกันการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพวันที่ ๒๐ เม.ย. ๖๗ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า จากกรณีที่ยังพบมีการหลอกลวงประชาชนจากมิจฉาชีพอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดข้อมูลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมระบุ ในช่วงตั้งแต่วันที่ ๘-๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC ๑๔๔๑ (Anti Online Scam Operation Center) มีรายงานเคสตัวอย่างที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวงจากมิจฉาชีพ เช่น หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัลหรือวัตถุประสงค์อื่นๆ มูลค่าความเสียหาย ๑๘๘,๐๐๐ บาท หลอกลวงให้รักแล้วโอนเงิน (Romance Scam) หลอกลวงซื้อขายสินค้า หรือบริการ ที่ไม่มีลักษณะเป็นขบวนการ ผู้เสียหายพบโฆษณาที่ผ่านช่องทาง Facebook เพจชื่อ “Bangsaen Cabana” กรณีดังกล่าว นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรัฐบาล มีความห่วงใยพี่น้องประชาชน ขอให้ระมัดระวังไม่ตกเป็นเหยื่อกลโกงมิจฉาชีพที่มีในหลากหลายรูปแบบ และอย่าหลงเชื่อการชักชวนให้ลงทุนแล้วเสนอผลตอบแทนที่สูงเกินจริง โดยให้มีการตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนทำธุรกรรม ทั้งนี้หากประชาชนโดนหลอกออนไลน์ สามารถโทรแจ้งดำเนินการระงับ อายัดบัญชีได้ที่ศูนย์ AOC สายด่วน ๑๔๔๑ ตลอด ๒๔ ชม.“นายกรัฐมนตรี ห่วงใยพี่น้องประชนชน ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานทำงานเชิงรุก ต้องบูรณาการทำงานร่วมกัน เพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่อย่างมีความสุข อย่าให้ถูกซ้ำเติมโดยเฉพาะการถูกหลอกหลวง เงินหมดไปก็เป็นส่วนหนึ่งของอาชญากร ตรงส่วนนี้ถือเป็นสารตั้งต้นที่ต้องขจัดปัญหานี้ออกไปให้หมดจากสังคมไทย หากประชาชนพบเจอเหตุการณ์ดังกล่าว ขอให้มีสติทุกครั้งเมื่อรับสายโทรศัพท์ที่ไม่คุ้นเคย คิดทบทวน หากไม่แน่ใจให้หยุดการสนทนา และหาข้อมูลหน่วยงานที่ถูกแอบอ้าง เพื่อโทรติดต่อสอบถามความจริง และหากประชาชนพบเจอ ขอให้ร่วมกันแจ้งเตือน และกดรายงานเพจปลอม หรือแจ้งเบาะแสกับหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแล หรือโทรแจ้งดำเนินการ ระงับ อายัดบัญชีกับศูนย์ AOC ๑๔๔๑” โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทั้งนี้ ข้อมูลจากการดำเนินงานของ ศูนย์ AOC ๑๔๔๑ ตั้งแต่วันที่ ๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๖ ถึงวันที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ มีตัวเลขสถิติผลการดำเนินงาน ดังนี้ ๑.สายโทรเข้า ๑๔๔๑ จำนวน ๕๔๕,๖๒๐ สาย/เฉลี่ยต่อวัน ๓,๓๒๗ สาย ๒.ระงับบัญชีธนาคาร จำนวน ๑๑๒,๖๙๙ บัญชี/เฉลี่ยต่อวัน ๙๒๔ บัญชี ๓.ระงับบัญชีตามประเภทคดีสูงสุด ๕ ประเภท (๑) หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการ ๓๓,๙๕๔ บัญชีคิดเป็นร้อยละ ๓๐.๑๓ (๒) หลอกลวงหารายได้พิเศษ ๒๔,๑๙๒ บัญชีคิดเป็นร้อยละ ๒๑.๔๗ (๓) หลอกลวงลงทุน ๒๐,๓๖๑ บัญชี คิดเป็นร้อยละ ๑๘.๐๗ (๔) หลอกลวงให้กู้เงิน ๙,๔๐๖ บัญชีคิดเป็นร้อยละ ๘.๓๕ (๕) หลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล ๗,๓๗๖ บัญชีคิดเป็นร้อยละ ๖.๕๔ และคดีอื่นๆ ๑๗,๔๑๐ บัญชีคิดเป็นร้อยละ ๑๕.๔๕ และ ๔.ยอดการอายัดบัญชี (๑ พ.ย. ๖๖ – ๑๔ เม.ย. ๖๗) ข้อมูลของทั้งประเทศจาก ตร. (บช.สอท.) (๑) ยอดขออายัด ๘,๔๔๗,๐๙๔,๒๐๒ บาท (๒) ยอดอายัดได้ ๔,๐๕๕,๐๙๔,๒๐๒ บาท (๓) อายัดได้ร้อยละ ๔๘.๐๑