วันจันทร์, 6 พฤษภาคม 2567

Samsung Group สั่งให้ผู้บริหารระดับสูงทำงาน ๖ วันต่อสัปดาห์ เป็นมาตรการฉุกเฉินจากปัญหาเศรษฐกิจ

21 เม.ย. 2024
48

มีรายงานว่า ผู้บริหารระดับสูงของ ซัมซุง กรุ๊ป ต้องทำงาน ๖ วันต่อสัปดาห์ในเวลานี้ โดยมีเหตุปัจจัยจากปัญหาเศรษฐกิจจากปีก่อน และถือเป็นมาตรการฉุกเฉินของบริษัทรายงานของโคเรีย อีโคโนมิค เดลี สำนักข่าวในเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ซัมซุงกำลังดำเนินการให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ทำงาน ๖ วันต่อสัปดาห์ในทุกแผนก เริ่มตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ ซึ่งสวนทางกับหลายบริษัทในโลกธุรกิจที่กำลังดำเนินการนโยบายการทำงาน ๔ วันต่อสัปดาห์ ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้ของซัมซุง พวกเขาระบุว่า เป็นมาตรการฉุกเฉิน เพราะบริษัทกำลังเผชิญกับอุปสรรคทางธุรกิจ จากปัญหาราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น และปัญหาค่าเงินวอนอ่อนตัว เป็นต้นพร้อมกันนี้ การสั่งให้ผู้บริหารระดับสูงทุกแผนกทำงานเป็นเวลา ๖ วันนั้น เป็นผลสืบเนื่องจากผลการดำเนินงานที่ต่ำกว่าเป้าของซัมซุงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งการทำงาน ๖ วันต่อสัปดาห์ จะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ผู้บริหารได้รับรู้ถึงวิกฤติที่เกิดขึ้น แล้วใช้ความพยายามในการทำงานหนักเพื่อต่อสู้กับวิกฤติการทำงาน ๖ วันของผู้บริหารซัมซุง มีผลบังคับใช้ทันทีในแผนกที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี และคาดว่าจะมีแผนกการเงินที่จะต้องทำงาน ๖ วันในอนาคตอันใกล้ในเวลาเดียวกัน มีรายงานว่า ผู้บริหารระดับสูงบางคนขอทำงาน ๖ วันต่อสัปดาห์ไปก่อนแล้ว ตั้งแต่ต้นปี ๒๐๒๔ ในส่วนการทำงานที่เพิ่มขึ้นมาหนึ่งวัน พวกเขาสามารถเลือกได้ว่าจะเข้าทำงานในวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ แต่พนักงานที่อยู่ต่ำกว่าระดับบริหาร ยังคงทำงาน ๕ วันต่อสัปดาห์ตามปกติทั้งนี้ เกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีวัฒนธรรมการทำงานอันเข้มข้น โดยค่าเฉลี่ยการทำงานของพวกเขาอยู่ที่ ๑,๙๐๑ ชั่วโมงในปี ๒๐๒๒ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ซึ่งเกาหลีใต้ รั้งอันดับ ๕ จาก ๓๘ ประเทศสมาชิก นอกจากนี้ เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้ เคยมีแนวคิดที่จะเพิ่มชั่วโมงการทำงานเป็น ๖๙ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ได้รับการต่อต้านและประท้วงอย่างหนักจากคนทำงาน Gen Millennials และ Gen Z ซึ่งกังวลว่า นโยบายเพิ่มชั่วโมงการทำงานจะทำลายสมดุลการทำงานและการใช้ชีวิตลงทางด้านภาพรวมของธุรกิจสมาร์ทโฟนของซัมซุงในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๐๒๔ คาดว่า ซัมซุงจะกลับมาเป็นผู้นำของตลาดได้อีกครั้ง หลังจากไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว พวกเขาต้องเสียตำแหน่งจ่าฝูงของธุรกิจสมาร์ทโฟนให้กับแอปเปิล ที่มา: Business Insider, The Guardian