วันเสาร์, 4 พฤษภาคม 2567

แม่ค้ากับข้าวเลี้ยงแมงดานา นำมาแปรรูปเป็นแจ่วบอง สร้างรายเดือนละ ๓-๔ หมื่น

25 เม.ย. 2024
47

แม่ค้าขายกับข้าวที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น หันมายึดอาชีพเพาะขยายพันธุ์แมงดานา ขายพ่อแม่พันธุ์คู่ละ ๑๐๐ บาท บางส่วนนำไปแปรรูปเป็นแจ่วบองปลาร้าแมงดา สร้างรายได้หลาย ๓-๔ หมื่นบาทต่อเดือน เริ่มจากซื้อแมงดามาขังไว้ แล้วแมงดาวางไข่ จึงเริ่มมาเพาะเองเมื่อเวลา ๑๑.๓๐ น.วันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๗ ที่ศูนย์เลี้ยงแมงดา ตั๊กแตน แม่ลิน้ำพองขอนแก่น บ้านโนนเชือก ต.บ้านขาม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น นางมะลิ โนนทิง อายุ ๖๔ ปี เจ้าของศูนย์เลี้ยงแมงดา พาผู้สื่อข่าวสำรวจดูแมงดานา กว่า ๒๐๐ ตัว ที่นำขึ้นมาจากบ่อเลี้ยง หลังจากที่นำมาพักไว้ภายในบ่อที่โครงสร้างทำจากไม้ ล้อมด้วยมุ้งไนลอน ซึ่งแมงดาจำนวนนี้เป็นแมงดานาตัวผู้และตัวเมีย อายุระหว่าง ๕-๗ เดือน ที่เตรียมไว้ขายให้กับลูกค้าทั้งในจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดใกล้เคียง ที่ต้องการนำไปเพาะขยายพันธุ์ต่อ โดยการเพาะเลี้ยงแมงดานานี้ เป็นอาชีพที่นางมะลิ ยึดเป็นอาชีพหลักและเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ให้กับครอบครัว มาตั้งแต่ปี ๒๕๖๐  นางมะลิ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ประกอบอาชีพทำนาเป็นอาชีพหลัก และทำกับข้าวขายตามตลาดนัดคลองถม แต่หลังจากที่พื้นที่ทำนาถูกน้ำท่วมซ้ำซากเป็นประจำ และต้องคอยปั่นจักรยานไปหาตระเวนซื้อแมงดานามาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหารไปขาย ซึ่งมีราคาสูงขึ้นเรื่อยๆ จากเคยซื้อในราคา ๔๐ ตัว ๑๐ บาท ก็กลายมาเป็น ๒ ตัว ๑๐ บาท จนกระทั่งปี พ.ศ.๒๕๕๘ ราคาเพิ่มเป็น ๓ ตัว ๒๐ บาท จึงตัดสินใจซื้อแมงดานาที่มาชาวบ้านนำมาขายในตลาดมาไว้มากกว่าปกติ ซึ่งช่วงนั้นแมงดาก็กำลังมีราคาแพง โดยนำมาขังไว้ในกะละมัง ปรากฏว่าวันต่อมาตนเองจะนำเอาแมงดาไปทำอาหาร ก็พบว่า แมงดามีการวางไข่ จึงมีแนวคิดว่าอยากลองเพาะเลี้ยงไว้วัตถุดิบในการทำกับข้าวไปขาย หากได้ผลก็จะไม่ต้องไปซื้อกับคนอื่นอีก เจ้าของศูนย์เลี้ยงแมงดา ตั๊กแตน แม่ลิน้ำพองขอนแก่น กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาทดลองเพาะเลี้ยงแบบลองผิดลองถูก จนกระทั้งสามารถเพาะเลี้ยงแมงดานาได้สำเร็จ โดยวิธีการเลี้ยงและการเตรียมสถานที่เพาะเลี้ยง เริ่มจากการเตรียมบ่อเลี้ยงจะเป็นปูน ผ้าใบ หรือบ่อดินก็ได้ แต่ต้องขุดบ่อให้มีความลึกไม่ต่ำกว่า ๓๐-๕๐ ซม. จากนั้นหาพืชน้ำ เช่น ต้นข้าว ต้นกก จอด แหน มาใส่ลงในบ่อ ทำมุ้งครอบเพื่อป้องกันแมงดาบินออก เติมน้ำธรรมชาติลงในบ่อ หากเป็นน้ำประปาให้พักน้ำไว้ ๔-๕ วัน ส่วนอาหารของแมงดา จะเป็นกุ้งขนาดเล็ก ปลาซิว หรือลูกอ๊อด หากได้ตัวที่ยังเป็นๆ อยู่จะดีกว่า นางมะลิ กล่าวอีกว่า ส่วนบ่อเลี้ยงจะติดสปริงเกอร์เพื่อสร้างความเย็น โดยเปิด ๔-๕ ครั้งต่อวัน ครั้งละ ๓๐-๖๐ นาที งดเว้นการรบกวนจาก คน สัตว์ แสงและเสียง หากแมงดาวางไข่ ให้แยกเอาไข่ออกมารอฟักในบ่ออนุบาล โดยประมาณ ๗ วัน ไข่แมงดาก็จะฟักเป็นตัว ก็สามารถเลี้ยงดูแลได้ตามขั้นตอนข้างต้น โดยผู้ที่สนใจสามารถเดินทางมาศึกษาดูงานที่ศูนย์ฯ ได้ ทั้งนี้ ครอบครัวหันมายึดอาชีพเลี้ยงแมงดานาขายมาตั้งแต่ประมาณปี ๒๕๖๐ ทำให้ฐานะทางครอบครัวดีขึ้น มีรายได้จากการขายพ่อแม่พันธุ์แมงดา และขายแจ่วบองแมงดา เดือนละประมาณ ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ บาท  เจ้าของศูนย์เลี้ยงแมงดา ตั๊กแตน แม่ลิน้ำพองขอนแก่น กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันแจ่วบองแมงดาขายดีมาก มีลูกค้าสั่งซื้อจนทำแทบไม่ทัน เนื่องจากแจ่วบองแมงดาสูตรของตนเองมีรสชาติอร่อยกลมกล่อม โดยปลาร้าที่นำมาทำแจ่วบอง จะเป็นปลาร้าปลาตะเพียนที่หมักไว้อย่างน้อย ๒ ปี นำมาโขลกเข้ากับสมุนไพร ปรุงรสตามสูตร และที่ขาดไม่ได้คือ แมงดานาที่เป็นส่วนผสมที่ให้กลิ่นที่หอมเย้ายวน เป็นที่ติดอกติดใจของลูกค้า โดยจะนำปลาร้าบองแมงดาที่ทำเสร็จบรรจุใส่กระปุก ขายกระปุกละ ๖๐ บาท และ ๑๐๐ บาท สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เพจเฟซบุ๊กชื่อ ศูนย์เลี้ยงแมงดาแม่ลิขอนแก่น เพจจริง.