Friday, 17 May 2024

๓๐ บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เฟสแรกสำเร็จ จ่อลุยต่อ ๘ จังหวัด

18 Feb 2024
62

“หมอชลน่าน” ปลื้ม ๔ จังหวัดนำร่อง นโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง เตรียมเดินหน้าเฟส ๒ มีนาคมนี้อีก ๘ จังหวัด วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าการขับเคลื่อนนโยบาย ๓๐ บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว ว่า การดำเนินงานระยะที่ ๑ ใน ๔ จังหวัดนำร่อง ได้แก่ แพร่ เพชรบุรี ร้อยเอ็ด และนราธิวาส ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ประชาชนให้การตอบรับอย่างมาก เนื่องจากช่วยเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการใกล้บ้าน ขณะเดียวกันก็ช่วยลดภาระงานของบุคลากรทางการแพทย์ โดยเฉพาะงานด้านเอกสาร จากการเชื่อมโยงระบบข้อมูลประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (PHR) “สำหรับการเดินหน้าต่อในระยะที่ ๒ อีก ๘ จังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ สิงห์บุรี สระแก้ว หนองบัวลำภู นครราชสีมา อำนาจเจริญ และพังงา ซึ่งตั้งเป้าจะคิกออฟในเดือนมีนาคมนี้”นพ.ชลน่าน ระบุต่อไปว่า ในส่วนของการเชื่อมโยงประวัติสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ส่วนบุคคล (PHR) โรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทั้งโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป โรงพยาบาลชุมชน ๘ จังหวัด รวม ๙๖ แห่ง ดำเนินการครบถ้วนแล้ว และแต่ละจังหวัดยังมีความก้าวหน้าอย่างมากในหลายๆ เรื่อง อาทิ พังงา ประชาชนยืนยันตัวตนแล้ว ๕๒%, นครราชสีมา บุคลากรทางการแพทย์ยืนยันตัวตน ๙๕% ให้บริการการแพทย์ทางไกลสูงสุด ๑๑,๕๑๗ ครั้ง, สระแก้ว ออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลสูงสุด ๒๙,๕๙๔ ใบ, หนองบัวลำภู ให้บริการนัดหมายออนไลน์สูงสุด ๑,๔๘๙ ครั้ง และจัดบริการส่งยาและเวชภัณฑ์ผ่าน Health Rider ครบทั้ง ๖ โรงพยาบาล“เห็นได้ว่า ๘ จังหวัดนำร่องในระยะที่ ๒ ขณะนี้มีความพร้อมในการดำเนินการอย่างมาก อย่างไรก็ตามได้กำชับให้เร่งจัดทำข้อมูลเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนในแต่ละจังหวัดได้เข้าใจเกี่ยวกับการเข้ารับบริการผ่านโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว และสามารถสอบถามรายละเอียดได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยเน้นสื่อรูปแบบอินโฟกราฟิก และช่องทางโซเชียล เช่น TikTok ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์ รวมทั้งออกหน่วยบริการประชาชนในการยืนยันตัวตน Health ID เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงการรักษา และติดตามผลการดำเนินงาน ปัญหาอุปสรรค ในพื้นที่ ๔ จังหวัดนำร่อง เพื่อเป็นข้อมูลในการจัดทำแผนการดำเนินงานใน ๘ จังหวัดนำร่องต่อไป”.