วันเสาร์, 4 พฤษภาคม 2567

ไฟไหม้กากเคมี จ่อแจ้งละเลย อธิบดีกรมโรงงานอุตฯ จ.ระยอง ชาวบ้านเดือด

25 เม.ย. 2024
19

ชาวบ้านเดือดแห่รวมตัวแจ้ง ความดำเนินคดีอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง โทษฐานปล่อยปละ ละเลยให้โรงงานเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรมจนเกิดเพลิงไหม้ จี้ภาครัฐจัดการปัญหาทั้งเร่งดับไฟให้สนิทไม่ก่อควันพิษเพิ่มและขนย้ายสารเคมีออกให้หมด ผวาหนักหากฝนตกจะชะล้างกากสารพิษลงไปปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม ผวจ.ระยอง โร่ตรวจโรงงานที่เกิดเหตุยังเหลือไฟไหม้อยู่ ๒ จุด ก่อนลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ แจ้งแนวทางแก้ปัญหาสร้างความมั่นใจให้ชาวบ้านเจ้าหน้าที่ยังคงพยายามควบคุมเพลิงที่คุกรุ่นอยู่ในโกดังเก็บกากสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง หลังผ่านมา ๒ วันแล้วไฟยังดับไม่สนิท เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหาสาเหตุของเพลิงไหม้ได้ แต่เบื้องต้นมั่นใจว่าไม่ได้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากโรงงานถูกศาลสั่งปิดกิจการและตัดไฟไปแล้ว ตั้งข้อสงสัยเป็นการวางเพลิงเผาทำลายกากสารเคมีแทนการขนย้ายไปกำจัด อาจมีส่วนเชื่อมโยงกับเหตุเพลิงไหม้โรงงานเก็บสารเคมีใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เนื่องจากมีเจ้าของ คนเดียวกันความคืบหน้าเมื่อเวลา ๐๙.๓๐ น. วันที่ ๒๔ เม.ย. นายอนันต์ ประกอบสุข อายุ ๕๒ ปี นำตัวแทนชาวบ้าน กว่า ๑๐๐ คน และพระสงฆ์จากบ้านหนองพะวา หมู่ ๔ และบ้านโขดกลาง หมู่ ๘ ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง มารวมตัวกันบริเวณศาลาวัดหนองพะวา รวบรวมรายชื่อชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากเหตุเพลิงไหม้ เพื่อเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านค่าย ให้ดำเนินคดีกับนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงาน อุตสาหกรรม และนายวิเชียร ทองด้วง อุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ฐานปล่อยปละละเลยให้โรงงานเก็บสารเคมีอุตสาหกรรม บริษัทวิน โพรเสส เก็บสารเคมีไว้ จนเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นนายอนันต์ ตัวแทนชาวบ้าน เผยว่า ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากโรงงานนี้มานานกว่า ๑๐ ปี ทั้งเรื่องความเป็นอยู่และสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งมาเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ทำให้ชาวบ้านรับไม่ได้พากันมารวมตัวเพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ฐานปล่อยปละละเลยให้โรงงานแห่งนี้เก็บสารเคมีอันตรายไว้จนมีผลกระทบกับชาวบ้านในพื้นที่และเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ทั้งยังขอเรียกร้องให้ ภาคราชการลงมาแก้ไขปัญหาโดยด่วน เร่งจัดการให้ไฟดับสนิทและไม่ให้ควันพิษส่งผลกระทบกับชาวบ้าน ขณะนี้ชาวบ้านหลายครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านได้ต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ เนื่องจากควันไฟยังปกคลุมบ้านเรือนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหวั่นเกรงว่าหากเกิดฝนตกลงมาจะชะล้างสารเคมีในโรงงานไหลลงมาก่อมลพิษให้สิ่งแวดล้อมสร้างผลกระทบกับชาวบ้าน ขอให้เร่งดับไฟควันพิษและเร่งขนย้ายสารเคมีออกไปให้หมดด้าน ร.ต.อ.วิทยา กุลบุญ รอง สว. (สอบสวน) สภ.บ้านค่ายเผยว่า เบื้องต้นแนะนำให้ชาวบ้านไปตรวจสุขภาพ เพื่อนำใบรับรองแพทย์มาประกอบการแจ้งความ มีตำรวจ ๒ โรงพักในพื้นที่คือ สภ.บ้านค่าย และ สภ.หนองกรับ มารอรับแจ้งความที่ที่ทำการ อบต.บางบุตร ด้านคดีขณะนี้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ เนื่องจากไฟยังไม่ดับสนิท ไม่มีความปลอดภัย ส่วนการสอบสวนได้สอบปากคำพยานชาวบ้านโดยรอบและพนักงานโรงงานไปหลายปากแล้ว เพื่อเร่งสรุปสำนวนคดีส่วนสถานการณ์ไฟไหม้ในโกดังบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ที่เกิดเหตุยังคงมีไฟลุกเป็นจุดๆภายในโกดัง ทีมดับเพลิงนำโดยนายจตุรงค์ วงค์สุวรรณ นายก อบต.บางบุตร ต้องใช้รถแบ็กโฮเกลี่ยกองไฟให้กระจายแล้วฉีดน้ำสเปรย์ไปด้วย ส่วนจุดที่เก็บสารเคมีที่เรียกว่า อลูมิเนียม ดรอส หรือสิ่งสกปรกที่แยกตัวออกมาจากอลูมิเนียม เป็นเหล็กผสมจากขบวนการเผาไหม้ต้องใช้ดินกลบ โดยนำรถบรรทุกขนดินและทรายเข้าไปเร่งดับไฟ เพื่อไม่ให้เกิดควันพิษมีผลกระทบชาวบ้านนายโกเมน ผิวพุ่ม ผู้ช่วยอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่เกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าเผยว่า เบื้องต้นได้ทำหนังสือแจ้งไปที่ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินและตัวอาคารโรงงาน แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของสารเคมีที่อยู่ ในโรงงาน และแจ้งไปที่กรรมการผู้จัดการบริษัท วิน โพรเสส แล้วว่าครอบครองวัตถุอันตราย ขอดำเนินการ ขนย้ายให้แล้วเสร็จภายใน ๓๐ วัน และอีกส่วนหนึ่ง ที่บริษัท วิน โพรเสส ต้องคำพิพากษาของศาลจังหวัดระยอง จะนำเรียนอัยการจังหวัดระยองเพื่อนำเรียนศาลระยองหาแนวทางการบังคับใช้กฎหมาย เป็นการ ดำเนินการทุกทางที่จะสามารถทำได้เพื่อให้เหตุการณ์นี้ คลี่คลายลงไปได้ที่ รพ.บ้านค่าย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงและอาสาสมัครกู้ภัยที่เข้าระงับเหตุไฟไหม้โรงงานตั้งแต่วันแรก ทยอยกันมาตรวจสุขภาพ มีทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลร่วมกับแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ พร้อมเครื่องมือจาก รพ.ระยอง ให้บริการตรวจสุขภาพตรวจ สมรรถภาพปอด เอกซเรย์ทรวงอกและตรวจรักษาตามอาการต่อมาช่วงเย็น นายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผวจ.ระยอง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ที่โรงงานเกิดเหตุ รับฟังภาพรวมสถานการณ์จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมพูดคุยชี้แจงประชาชนที่มารับฟังการแก้ไขปัญหา ก่อนจะเข้าไปดูจุดเกิดเหตุและการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ดับเพลิงภายในโรงงาน จากนั้นลงพื้นที่บ้านโขดกลาง หมู่ ๘ ต.บางบุตร อยู่ใต้ลมห่างจากโรงงานประมาณ ๓ กม. รับฟังปัญหาจากชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นและควันไฟปกคลุม พร้อมหาแนวทางแก้ไขในเบื้องต้นนายไตรภพกล่าวว่า ภาพรวมสถานการณ์ล่าสุดเหลือเพลิงไหม้เพียง ๒ จุด คือโกดัง ๕ ที่ยังลุกไหม้เป็นพวกเศษวัสดุ พลาสติก กระดาษ และถังน้ำมันขนาด ๒๐๐ ลิตร ที่ทับถมกันจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ใช้รถแบ็กโฮเสริมเข้าไปเป็น ๓ คัน โกยกองเศษวัสดุพร้อมฉีดน้ำเร่งดับ อีกจุดคือโกดังที่ ๓ เป็นพวกอลูมิเนียม ดรอส จุดนี้ใช้น้ำดับไม่ได้ เนื่องจากน้ำจะไปทำปฏิกิริยาทำให้ไฟลุกไหม้ขึ้นมาอีก จำเป็นต้องใช้ดินหรือทรายกลบเพื่อให้เย็นตัวลง คาดว่าทั้ง ๒ จุดไม่เกิน ๓ ทุ่มดับได้ทั้งหมดและควันไฟจะหายไปด้วยผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อสอบถามนายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) กรณีที่ถูกชาวบ้านรวมตัวแจ้งความดำเนินคดี ปรากฏว่านายจุลพงษ์อยู่ระหว่างการเดินทางไปปฏิบัติราชการที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๒๒-๒๗ เม.ย. โดยกองนิติกรของ กรอ.ชี้แจงว่า ตามขั้นตอนหลังการแจ้งความ กรอ.ต้องรอให้ตำรวจเจ้าของคดีส่งหมายเรียกนายจุลพงษ์ไปสอบปากคำตามขั้นตอนทางกฎหมาย คาดว่าหนังสือเชิญตัวนายจุลพงษ์จะส่งมาถึงในช่วงเวลาใกล้เคียงกับวันเดินทางกลับของนายจุลพงษ์คงจะไปให้ปากคำตำรวจได้ภายในสัปดาห์หน้าอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่