วันอาทิตย์, 28 เมษายน 2567

ก้าวไกลฆ่าไม่ตายเปิดใจสีส้มในสมรภูมิยุบพรรค : ยิ่งยุบยิ่งโต

ทำลายล้างก้าวไกล พยายามฆ่าตัดตอนล้างเผ่าพันธุ์เป็นภาพต่อจิ๊กซอว์อีกชิ้นในรอบ ๖ ปี นับตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่สู่พรรคก้าวไกล และกำลังเตรียมเปลี่ยนบ้านเลขที่ใหม่อีกครั้ง หลังคอพาดอยู่บนเขียงรอลุ้นถูกประหาร “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช หนึ่งในแกนนำคณะก้าวหน้า และผ่านสมรภูมิถูกประหารชีวิตทางการเมืองมาแล้ว บรรจงถอดบทเรียนในอดีตเพื่อก้าวใหม่สู่อนาคตหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล เสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพ เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติเอกฉันท์ชงเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคในประเด็นดังกล่าว“ช่อ” แสดงความเป็นตัวตนผ่านมุมมองโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับก้าวไกล สะท้อนผลของนิติสงครามต่อสู้กันระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมกับฝ่ายก้าวหน้าหรือเสรีประชาธิปไตย เธอย้ำว่า ตอนนี้คำถามที่สำคัญน้อยที่สุดที่เป็นอนาคตของก้าวไกล คือก้าวไกลจะทำอย่างไร เพราะต่อให้ถูกยุบ ก็เชื่อมั่นถึงอุดมการณ์๑๔๘ สส.ก้าวไกลต้องไปต่อในทิศทางเดิม“คำถามที่สำคัญที่สุด อนาคตกระบวนการนิติบัญญัติ กระบวนการตุลาการ อนาคตภาพรวมการเมืองเป็นอย่างไร วันนี้อาจโฟกัสเฉพาะยุบก้าวไกลหรือคดีต่างๆที่ต่อยอดมาตั้งแต่อนาคตใหม่นิติสงครามไม่ได้มีอยู่แค่เส้นเดียวของก้าวไกล เอาแค่หลังเลือกตั้งยังมีอีกเส้นหนึ่ง คือคุณทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาในวันโหวตนายกฯ สรุปไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว และได้รับการพักโทษแบบพิเศษเห็นภาพชัดการดำเนินการกับก้าวไกล และฝั่งเพื่อไทยของคุณทักษิณด้วยเช่นกัน แต่มันเป็นคนละแบบกันผลคือประชาชนมีสักกี่คนที่เชื่อว่า การพักโทษของคุณทักษิณและยุบก้าวไกลเป็นคดีปกติ ทุกคนเชื่อเป็นคดีการเมือง”ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการทางการเมือง มันไม่เกี่ยวข้องกับการกระทำของก้าวไกล แต่มันอยู่ที่ว่าคุณเป็นใคร จึงถูกทำลายต่อไปเรื่อยๆก้าวไกลไปต่อตราบที่ประชาชนยังเลือกวันนี้ส่งเสียงดังกระหึ่มว่าเลือกก้าวไกลยืนยันกลับมาอีกครั้งไม่ว่าถูกยุบอีกกี่ครั้งประชาชนจะหยุดเลือกต่อเมื่อพรรคทำระยำตำบอน ไปคอร์รัปชัน หรือสมมติมีคดีล่วงละเมิดทางเพศไม่หยุด เที่ยวกร่างไปทั่ว แล้วพรรคไม่จัดการ เป็นแบบนี้เรื่อยๆประชาชนก็ไม่เลือกฉะนั้นก้าวไกลไม่เป็นอะไร สิ่งที่เป็นขอย้ำว่า คือกระบวนการยุติธรรมทั้งองคาพยพ กระบวนการองค์กรอิสระ ในฐานะที่ “ช่อ” เป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ สภาผู้แทนราษฎร สถาบันพระปกเกล้า มานำเสนอผลงานวิจัยที่ทำก่อน และหลังเลือกตั้ง โฟกัสกรุ๊ปประชาชนทั่วประเทศพบว่า ๓ คำถามแรกเฉลยทุกอย่างที่ประเทศไทยเกิดวิกฤติตอนนี้ โดยประเทศเป็นประชาธิปไตยต้องมี ๓ อันดับแรก ทั้ง “ไม่ทุจริตคอร์รัปชันกระบวนการยุติธรรมเป็นธรรม-เลือกตั้งเป็นธรรม”“เป็นธรรม” ประชาชนให้ความสำคัญมากตกลงกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระยุติธรรมจริงหรือไม่ อิสระจริงหรือไม่ ทำงานภายใต้การเมืองหรือไม่ เมื่อประชาชนเสื่อมศรัทธากระบวนการยุติธรรม ที่เป็นเสาหลักของประเทศ เป็นหนึ่งในอำนาจอธิปไตยประเทศไทยไปต่ออย่างไรในเมื่อพยายามสร้างให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่คนรู้สึกเป็นปีศาจ สุดโต่ง ล้มเจ้าล้มล้างประชาธิปไตย น่าหวาดกลัว เป็นภัยคุกคามความมั่นคงของประเทศ สมควรแล้วที่ยุบมันต้องกำจัดโดยวิธีเผาป่าฆ่ากระต่าย “นอกจากฆ่ากระต่ายไม่ได้ ยังหนีไปอยู่ป่าใหม่ ป่าเดิมราบไปหมด คุณไปตามท้องถนน เดินตลาด รู้สึกหรือไม่กระบวนการที่ทำให้ก้าวไกลเป็นปีศาจนั่นแหละกำลังถูกมองเป็นปีศาจดูให้ดีๆใครกันแน่กำลังกลายเป็นปีศาจในสายตาของประชาชน ประชาชนรู้สึกว่าประเทศนี้การเมืองกำลังไปผิดทาง กำลังถูกโกงอนาคตเพราะผลการเลือกตั้งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนต้องการให้พรรคนี้เป็นรัฐบาล แม้เป็นฝ่ายค้านยังเสนอกฎหมายไปแล้ว ๕๐ ฉบับ แต่ไม่ผ่านสักที สมมติก้าวไกลเป็นรัฐบาล ๑ ปี ๕๐ ฉบับผ่าน ประเทศเปลี่ยนขนาดไหน”กระบวนการสร้างปีศาจเดินไปเรื่อยๆ นำประเทศไปสู่อะไร น.ส.พรรณิการ์บอกว่า เป็นกระบวนการที่กินตัวเอง พูดง่ายๆ สนิมเกิดแต่เนื้อในตน คุณพยายามหมกมุ่นทำลายอนาคตใหม่ ก้าวไกลไปเรื่อยๆ “เท่ากับเปิดเปลือยล่อนจ้อน มือเปื้อนเลือดในกระบวนการนี้”“ถามจริงยุบแล้วไม่มีพิธา ไม่มีชัยธวัช ตุลาธน ก้าวไกลไปต่อได้หรือ ในวันยุบอนาคตใหม่ ก็คำถามนี้ ไม่มีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่มีปิยบุตร แสงกนกกุล จะไปต่อได้ไหมพิสูจน์ให้เห็นแล้ว พิธา และการทำงานของก้าวไกลได้รับความนิยมมากกว่าธนาธร ไม่ได้พิสูจน์ด้วยคำพูด แต่พิสูจน์ด้วยการกระทำฉะนั้นฝ่ายที่ถูกทำลายเติบโต เข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ดิฉันไม่ใช้คำว่ายิ่งยุบยิ่งโต เชื่อถ้าไม่ยุบจะยิ่งโตกว่านี้”และสิ่งที่น่ากังวลมาก เวลาบอกว่าเขาทำลายตัวเอง ขอย้ำว่าสิ่งที่กำลังถูกทำลาย คือสถาบันหลักของชาติ ทั้งกระบวนการยุติธรรม กระบวนการองค์กรอิสระถึงจุดหนึ่งชาติไม่ล่มสลาย แต่ความรู้สึกถึงการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างรุนแรงยิ่งจะเกิดขึ้น แนวคิดที่คุณบอกว่าตอนนี้ก้าวไกลสุดโต่ง คุณกำลังบีบให้สังคมไทยสุดโต่ง“ช่อ” ยังขยับมุมคิดถึงวันที่จะตัดสินยุบก้าวไกล เกิดม็อบใหญ่ขึ้นทั่วประเทศเหมือนสมัยอนาคตใหม่หรือไม่ ที่ปรากฏว่าแป๊บเดียวเกิดโควิดระบาดซาไปโดยปริยาย แต่ปะทุอีกครั้งตอนเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน คิดว่าไม่เกิดม็อบ แม้ประชาชนรู้สึกโกรธ แต่ไม่ได้รู้สึกสิ้นหวังต่างกับวันยุบอนาคตใหม่ แม้รู้สึกโกรธไม่ทนกับความเป็นธรรม และมันรู้สึกสิ้นหวัง เชื่อไม่มีพรรคแบบนี้อีกต่อไปแล้ววันที่ไม่มีอนาคตใหม่ ก้าวไกลพิสูจน์ให้เห็นว่ามันไม่จบฉะนั้นสิ่งที่เขาจะทำไม่ใช่การลงถนน แต่รอเลือกก้าวไกลบทเรียน ๖ ปี ๒ พรรค แถว ๓ ที่ถือธงส้ม และยานพาหนะที่ขับเคลื่อนอุดมการณ์ ชุดความคิดทางการเมืองควรเป็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ บอกว่า ไม่สำคัญใครขึ้นมานำ ถ้ามีอุดมการณ์และครองตนตามบรรทัดฐานที่ก้าวไกลกำหนดไว้ได้…รอดเพราะพรรคเป็นองค์กร เป็นสถาบันที่นำโดยชุดคุณค่า ชุดนโยบาย วิธีการทำงาน ผ่านมา ๖ ปี ความเป็นตัวตนของผู้นำพรรค ถูกบดบังโดยพรรคเรียบร้อย ฉะนั้นไม่ต้องการผู้นำอันเข้มแข็งในการนำอีกต่อไปแต่ค่ายสีส้มถูกกล่าวหาตลอด ยังเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร น.ส.พรรณิการ์ บอกว่า กระบวนการทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น โดยระบุว่าก้าวไกลเป็นปฏิปักษ์ เซาะกร่อนบ่อนทำลาย สิ่งนี้แหละที่เซาะกร่อนบ่อนทำลายอย่างร้ายแรงที่ระบุว่าพรรคซึ่งมีคนเลือกมากที่สุดในประเทศไทย มีพฤติกรรมบ่อนทำลาย เท่ากับกำลังเอาสถาบันลงมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองชนกับพรรคที่ประชาชนเลือกมาเป็นอันดับหนึ่งพรรคการเมืองหนึ่ง เดินตามระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา พอไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็เป็นฝ่ายค้านทุกอย่างอยู่ในระบบ ไม่มีวันทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้ส่วนเสนอกฎหมายถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ขอย้ำเป็นไปไม่ได้ที่พรรคการเมืองหนึ่งคิดล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขถ้าล้มระบอบไม่ตั้งพรรค ต้องตั้งกองทัพกองกำลังเพราะผู้ล้มล้างได้ มีเฉพาะผู้ที่มีอาวุธเท่านั้นแหละ.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม