วันศุกร์, 3 พฤษภาคม 2567

“ธนกร” ขอ กมธ.ฯ พระราชบัญญัตินิรโทษฯ ไม่นับความผิด ม.๑๑๐, ๑๑๒ ชี้ กระทบมั่นคงชาติ

“ธนกร” รองหัวหน้า รทสช. ขอ กมธ.ศึกษา พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ไม่นับความผิด ม.๑๑๐, ๑๑๒ เป็นแรงจูงใจการเมือง ชี้ กระทบมั่นคงของชาติ ย้ำ สถาบันไม่เกี่ยวการเมือง จี้ ยึดหลักการกฎหมายให้ชัด อย่าเหมารวมยกเข่ง เชื่อคนไทยรับไม่ได้วันที่ ๒๐ เม.ย. ๒๕๖๗ นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม โดยมี นายชูศักดิ์ ศิรินิล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับคำนิยามเรื่อง “แรงจูงใจทางการเมือง” และความผิด ๒๕ ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองใดว่าเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมบ้างโดยตนขอให้พิจารณาไม่รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๐ และมาตรา ๑๑๒ ซึ่งเกี่ยวกับการประทุษร้ายหมิ่นประมาทฯ สถาบันพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท ขอให้ กมธ. อนุกมธ. พิจารณาให้รอบคอบ เพราะความผิดทั้ง ๒ มาตรา เป็นความผิดร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ซึ่งประมุขของประเทศ ไม่สามารถยอมรับได้ทั้งนี้แม้ว่าบางพรรคการเมืองได้เสนอร่าง พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่รวมความผิดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าวให้ได้รับการนิรโทษกรรมต่อสภามาแล้วก็ตาม แต่ตนขอย้ำในหลักการกฎหมายว่าไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง และขอคัดค้านจนถึงที่สุด เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้“ขอเรียกร้องไปยัง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พระราชบัญญัตินิรโทษกรรม พิจารณาตามหลักกฎหมายให้ดี ให้ถูกต้อง รอบคอบ เพื่อสรุปกำหนดนิยาม เรื่องแรงจูงใจทางการเมือง ต้องไม่เหมารวมผู้กระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา ๑๑๐ และ ๑๑๒ ให้ได้รับการนิรโทษกรรม แต่หากกลับกันมีการเหมารวมยกเข่ง เชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้คนทั้งประเทศที่รักเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นออกมาคัดค้านในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน รวมทั้งผมด้วย” นายธนกร ระบุ.