วันศุกร์, 3 พฤษภาคม 2567

“พวงเพ็ชร” โชว์ผลงานจับบุหรี่ไฟฟ้ากว่าหมื่นชิ้น จ่อขยายผลทั่วประเทศต่อ

20 เม.ย. 2024
11

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำแถลงข่าว ผลปราบบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมของกลางกว่า ๑๐,๐๐๐ ชิ้น มูลค่ารวมกว่า ๓ ล้านบาท หลังจับได้ย่านรามคำแหง-ลาดพร้าว เตรียมขยายผลกวาดล้างทั่วประเทศวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๗ นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ศ.เกียรติคุณ นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ รอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อควบคุมยาสูบ (สจย.) นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย (ยท.) ร่วมแถลงข่าวการดำเนินการจับกุมร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าบริเวณสถานศึกษาและพื้นที่ชุมชน จากการลงพื้นที่เมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา จากการที่ สคบ.ได้รับเรื่องร้องเรียนและข้อกังวลจากผู้ปกครองนักเรียน ว่ามีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าใกล้เคียงบริเวณสถานศึกษาและในพื้นที่ชุมชนเป็นจำนวนมาก ช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา (๑๘ เมษายน ๒๕๖๗) นางพวงเพ็ชร จึงสั่งการให้ทางศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. นำโดย นายเลิศศักดิ์ รักธรรม รองหัวหน้าศูนย์ฯ เร่งตรวจสอบ โดยได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง และ สถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว ลงพื้นที่เป้าหมายย่านรามคำแหงและย่านลาดพร้าว ซึ่ง ด็อกเตอร์พวงเพ็ชร พร้อมด้วย นายวราวุธ ยันต์เจริญ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมลงพื้นที่ครั้งนี้ด้วยจากการลงพื้นที่สามารถจับกุมร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าได้ทั้งหมด ๕ ร้านค้า ประกอบด้วย ร้านใน ซ.รามคำแหง ๕๓ จำนวน ๑ ร้าน, ร้านใน ซ.รามคำแหง ๖๕ (ซอยมหาดไทย) จำนวน ๒ ร้าน, ร้านใน ซ.ลาดพร้าว ๑๐๑  จำนวน ๑ ร้าน และร้านใน ซ.ลาดพร้าว ๑๐๗ จำนวน ๑ ร้าน สามารถยึดของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าได้ ๒๒ กระสอบ หรือกว่า ๑๐,๐๐๐ ชิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า ๓ ล้านบาท นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า รัฐบาลเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และจะมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการติดตามจับกุมการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ใกล้เคียงสถานศึกษาและเขตชุมชน ในส่วนของ สคบ.ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ สคบ. และมีการบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ทั้งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงสมาคมและมูลนิธิต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ ตอนนี้บุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยคุกคามสำคัญที่ทำร้ายเด็กและเยาวชน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ จึงขอความร่วมมือทุกฝ่าย หากพบเห็นการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าทั้งทาง Online และแบบมีหน้าร้าน หรือในสถานศึกษา สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วย สคบ. ๑๑๖๖ แอปพลิเคชัน OCPB Connect ไลน์ @TraffyFondue ของ กทม. และสถานีตำรวจทุกแห่งการจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้ ๑. ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่ และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในประเทศ ๒. คำสั่งของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคที่ ๙/๒๕๕๘ เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า “บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า” และ ๓. พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔ เพราะน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินเป็นส่วนประกอบ หากสูบในพื้นที่ห้ามสูบตามกฎหมาย ตามมาตรา ๖๗ จะมีฐานความผิดการห้ามสูบในที่สาธารณะภายหลังการแถลงข่าว นพ.วันชาติ ศุภจัตุรัส ผู้อำนวยการเครือข่ายวิชาชีพสุขภาพเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ อดีตนายกแพทยสมาคมโลก ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ได้ดำเนินการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง และขอส่งกำลังใจให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ทุกท่าน ขอให้มีการติดตามอย่างต่อเนื่องและรณรงค์อย่างจริงจัง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน