วันศุกร์, 10 พฤษภาคม 2567

“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” เปิดศึกชน ฟ้องนายกฯ ผิด-มาตรา ๑๕๗ ปมสั่งให้ออกจากราชการ

23 เม.ย. 2024
19

“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ยื่น ป.ป.ช.เอาผิดนายกฯและพนักงานสอบสวน กางผังโดนกลั่นแกล้งเล่นงานสกัดไม่ให้เป็น ผบ.ตำรวจเพราะเป็นแคนดิเดตอันดับ ๑ อุบไต๋อนาคตกระโจนลงการเมือง “เศรษฐา” ไม่สน แต่ข้องใจทำไมเพิ่งร้องแต่งตั้ง “บิ๊กต่อ” นั่งเก้าอี้ “พิทักษ์ ๑” มั่นใจมติ กรมตำรวจเป็นตาม ก.ม.-เป็นธรรม ไม่ได้ลำเอียงเอื้อประโยชน์ใคร ด้าน “บิ๊กป้อม” เผยไม่รู้จักกรรมการ ป.ป.ช.ที่เป็นข่าวเป็นการส่วนตัว ไม่ฟ้องคนปล่อยเอกสารหลุดให้ตรวจสอบตามขั้นตอน ส่วน “วันนอร์” ปัดคำร้อง “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” สอบ กก.ป.ป.ช. โบ้ยให้ร้องไปที่ศาลฎีกาฯเลขาฯ ป.ป.ช.ขอดูข้อเท็จจริงคำร้อง “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” คัดค้านการทำหน้าที่กรรมการ ป.ป.ช.บางคน ไม่รู้เอกสารหลุดจากไหนรับให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจพร้อมพวก ๕ คน ถูกให้ออกจากราชการกรณีกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ถูกแจ้งความดำเนินคดีอาญาและถูกศาลออกหมายจับในคดีฟอกเงินเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน BNKMASTER โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รรท.ผบ.ตำรวจเซ็นลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ ๑๘ เมษายนที่ผ่านมา ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เล่นใหญ่ยื่นหลักฐาน ป.ป.ช.เอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง และ คณะพนักงานสอบสวน ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ท่ามกลางเอกสารว่อนโซเชียลกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทำหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ผู้หนึ่งไปยัง ป.ป.ช. โดยระบุชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นพยานในเอกสารดังกล่าวด้วยความคืบหน้าเรื่องนี้ เมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๒๒ เมษายนที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจเข้ายื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ตรวจสอบนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง และพนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้อง ข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หลังถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ต้องออกมาต่อสู้เพื่อตัวเองในเรื่องคดีอาญาที่มีการดำเนินการโดยมิชอบ ตั้งแต่การดำเนินคดีลูกน้องตน ๘ คน ขยายผลมายังตนและลูกน้อง รวม ๕ คน ทั้งนี้ในความผิดฐานฟอกเงินถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ป.ป.ช.สอบสวน แต่หากความเสียหายมูลค่าเกินกว่า ๓๐๐ ล้านบาท ต้องเป็นอำนาจกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ต้องส่งสำนวนคดีพิเศษให้ดีเอสไอภายใน ๑๕ วัน แต่พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน อ้างว่าความเสียหายไม่ถึง ๓๐๐ ล้านบาท ต่อมาภายหลังพบสำนวนที่ส่งให้ ป.ป.ช.มีความเสียหายอยู่ที่ ๔๙๐ ล้านบาท มองว่าการที่พนักงานสอบสวนมาสอบสวนแทน ป.ป.ช.ไม่ได้หวังผลในเรื่องคดี แต่หวังผลไม่ให้ตนขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตำรวจที่ตนเป็นแคนดิเดตอันดับ ๑ หากเป็นอันดับ๖ คงไม่ถูกกระทำแบบนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า เรื่องนี้มีการ กลั่นแกล้ง มีขบวนการแบ่งงานกันทำ ที่ผ่านมาได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรมมาตลอด แต่ภายหลังจากที่มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ๑ วันหลังจากนั้นพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ในวันที่ ๑๙ เมษายนมองว่า ถ้าส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ตั้งแต่แรกจะอยู่ในฐานะผู้บริสุทธิ์ จนกว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะชี้มูล ตามกฎหมายจะไม่สามารถแต่งตั้งหรือโยกย้ายตนได้ ถ้าสอบสวนอย่างเป็นธรรม แล้วผิดจริง ตนออกเลยถ้าเป็นคนอื่นคงหมอบไปแล้ว ขณะนี้ได้ร่างหนังสือเตรียมส่งถึงคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม จะมีการแถลงข่าวในอีก ๑-๒ วันนี้เพื่ออธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัยโดยมิชอบ เชื่อว่าสื่อจะต้องตกใจอย่างแน่นอนอดีตรอง ผบ.ตำรวจกล่าวอีกว่า การยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.ในวันนี้ ได้ร้องเรียนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีมีคำสั่งให้กลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) แล้วให้ออกจากราช การ ทั้งที่ก่อนหน้ามีคำสั่งให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ในขบวนการสอบสวน ๖๐ วัน และกล่าวหาหัวหน้าพนักงานสอบสวน และคณะพนักงานสอบสวนทั้งหมดที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีอำนาจ ตนออกจากราชการแล้ว มีเวลาเตรียมตัวสู้คดีเยอะ หลังจากนี้เตรียมตั้งรับให้ทันแล้วกัน ส่วนเอกสารที่ปรากฏสู่สาธารณะที่ทำหนังสือคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ ป.ป.ช.คนหนึ่ง ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมนั้น สื่อคงเห็นรายละเอียดแล้วจะไม่พูดถึงเรื่องเอกสารที่ปรากฏ ขอดูการดำเนินการของ ป.ป.ช.อีก ๒-๓ วัน ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเรามี พระราชบัญญัติตำรวจ นายกฯ จะใช้อำนาจอะไรต้องดำเนินการตาม พระราชบัญญัติตำรวจ วันนี้มาหาความยุติธรรมนอกองค์กร เพราะองค์กรตนให้ความยุติธรรมไม่ได้ จะดำเนินคดีคนเกี่ยวข้องทั้งหมด ตนเป็นคนใต้มีเลือดนักสู้ ถ้าเป็นคนอื่นคงหมอบแล้ว แต่ถ้าไม่สู้คงเสียสิทธิตลอดชีวิต ส่วนจะได้กลับมารับราชการหรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเมื่อถามว่าในตอนท้ายเอกสารมีการลงชื่อพยาน กล่าวอ้างถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มีการหารือก่อนลงชื่อหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า ขอไม่ตอบในส่วนนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่คนปล่อยเอกสารฉบับนี้ออกมาแน่นอน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากไม่ได้กลับไปเป็นข้าราชการตำรวจ จะหันไปเล่นการเมืองหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ตอบว่า ตอนนี้ยังไม่ได้คิด เอาเรื่องสู้คดีก่อน เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่ลูกหลานว่า การกระทำโดยมิชอบจะมีผลอย่างไรต่อมาเวลา ๑๔.๔๕ น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการคลัง เผยถึงกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เอาผิดนายกรัฐมนตรี กรณีละเว้นปฎิบัติหรือละเว้นปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา ๑๕๗ ย้อนไปตั้งแต่การตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็น ผบ.ตำรวจว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเคยมีคนร้องไปแล้วครั้งนี้มาร้องซ้ำอีกมั่นใจว่าชี้แจงได้ และมีคำสั่งแต่งตั้งด้วยความเป็นธรรม กระบวนการแต่งตั้งมีกรรมวิธีการรับฟังความคิดเห็นทุกคนอย่างเป็นธรรม มีการพูดคุยกันในวงกว้างถึงจะมีการสรุป เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ร้องครั้งนี้เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและไม่ได้เป็น ผบ.ตำรวจเพราะนายกฯแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นายกฯกล่าวว่า คะแนนในการโหวตในวันประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ชัดเจนแล้ว มีมติ ๙ ต่อ ๑ เป็นอะไรที่บ่งบอกชัดเจนว่า มีคนไม่ออกเสียง ๑ คะแนน นอกนั้นเป็นคนที่เลือก พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เป็น ผบ.ตำรวจดังนั้นคนที่ไม่เห็นด้วย ๑ เสียงก็เป็นเอกฉันท์เมื่อถามว่า มีการร้องไปจนถึงการมีคำสั่งให้ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และการให้ออกจากราชการไว้ก่อน นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เสนอมา ตนรับทราบ เฉยๆที่จริงหากตนไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกมาตรา ๑๕๗ มากกว่า ขอย้ำว่ามั่นใจ เพราะทำตามกฎหมายทุกอย่างไม่ได้เข้าข้างใครไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใครคนใดคนหนึ่ง เมื่อถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่า การแต่งตั้งโยกย้ายผ่านมานานแล้วทำไมถึงเพิ่งมีการร้อง นายเศรษฐากล่าวว่า สงสัยอยู่เหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร เพราะเชื่อว่าทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่ได้ลำเอียงให้คนใดคนหนึ่งยึดเอาผลประโยชน์พี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้งเมื่อถามต่อว่า ผลสอบของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายกรณีปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเกี่ยวกับความขัดแย้งในเรื่องคดีของบุคลากรภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ประธานกรรมการ รายงานมาหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยัง ช่วงวันหยุดก็คุยกันอยู่ แต่เรื่องที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกกล่าวหาเป็นคนละเรื่องกัน เรื่องนี้ยังดำเนินการต่อไปให้เกิดความเป็นธรรมทั้ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ไม่ได้เร่งของคนใดคนหนึ่งและไม่ได้มีธงว่าใครต้องผิดทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ปฏิเสธตอบคำถามถึงกรณีโลกโซเชียลแชร์ภาพเอกสาร อ้างว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ยื่นต่อ ป.ป.ช.เรื่อง ขอคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของกรรมการ ป.ป.ช.ท่านหนึ่ง และจะดึงพล.อ.ประวิตรมาเป็นพยานโดยกล่าวเพียงว่า ไม่ทราบ ไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับกรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าว เมื่อถามว่าจะฟ้องร้องคนปล่อยเอกสารที่ทำให้เสีย ชื่อเสียงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงไม่ฟ้อง ปล่อยให้เป็นไปตามการตรวจสอบของกระบวนต่างๆ ไม่ทราบที่มาที่ไปของเอกสารดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะเดินทางมาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงกรณีมีหนังสือคัดค้านการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.จาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตำรวจว่า ได้รับหนังสือมาสัปดาห์ที่แล้ว ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงมีการคัดค้านเรื่องใดขอดูข้อกฎหมายก่อน เพราะเวลามีเรื่องกันมันมีส่วนได้เสียมีสาเหตุโกรธเคืองกัน ถือเป็นเหตุคัดค้านตามข้อกฎหมาย ส่วนจะสั่งยุติการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.คนดังกล่าวหรือไม่ ต้องฟังเหตุผลทั้งสองฝ่ายเพราะเป็นเพียงคำร้อง ต้องตรวจสอบคำร้องระบุอย่างไร เมื่อถามว่า มีสำนวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์อยู่ใน ป.ป.ช.จะต้องกันกรรมการ ป.ป.ช.คนดังกล่าวออกไปหรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า ต้องดูข้อเท็จจริงตามคำร้องก่อน เวลาไต่สวนก็มีร้องคัดค้านเข้ามาเรื่อยๆ บางครั้งคำคัดค้านฟังไม่ขึ้น ส่วนจะใช้เวลาพิจารณาเท่าไรต้องดูคำร้องที่ส่งมามีข้อเท็จจริง พยานหลักฐานใดบ้าง ยืนยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่ายเมื่อถามว่า ต้องกลับไปดูตั้งแต่กระบวนการสรรหา ป.ป.ช.หรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า กระบวนการสรรหาไม่ใช่หน้าที่ ป.ป.ช. เป็นเรื่องคนที่สรรหามา ป.ป.ช.รับผิดชอบเฉพาะกรณีกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนการกล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ก็ไม่ใช่หน้าที่ ป.ป.ช. เป็นหน้าที่องค์กรอิสระอื่นที่ต้องพิจารณา ส่วนจะเรียก ๒ บุคคลที่ถูกอ้างอิงในท้ายคำร้องมาให้ข้อมูลหรือไม่ ถือเป็นอีกแนวทางหนึ่งการมีชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี อยู่ในเอกสาร ต้องดูว่า พล.อ.ประวิตรเป็นพยานเรื่องใด ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ยังไม่มีการไต่สวน ต้องพิจารณา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกตั้งข้อกล่าวหากี่เรื่อง ทั้งนี้ หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังไม่ได้พูดคุยกับกรรมการ ป.ป.ช.รายดังกล่าว ส่วนจะส่งเรื่องถึงประธานสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่นั้น ต้องดูว่า ป.ป.ช. มีอำนาจส่งเรื่องให้ประธานสภาฯหรือไม่“เรื่องคำร้องเรียนต้องดูที่ข้อเท็จจริง วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทำอะไรปุ๊บ ก็ถูกอีกฝ่ายหนึ่งคัดค้านมันมีประจำอยู่แล้ว การประชุมแต่ละวันก็มีเรื่องคัดค้านเข้ามาเยอะ แต่การคัดค้านเป็นไปตามข้อเท็จจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบ เพราะเป็นคำร้องเท่านั้นเอง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย” นายนิวัติไชยกล่าวเมื่อถามว่า มองว่าเป็นการถ่วงเวลาการพิจารณาคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์หรือไม่ นายนิวัติไชยตอบว่า ก็เป็นอีกมุมมอง แต่ปัจจุบันเรื่องการตรวจสอบก็ยังไม่เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อยู่ในชั้นเจ้าหน้าที่ ส่วนเอกสารหลุดออกมาได้อย่างไรนั้น ตัวเขาเอาไปให้ผู้สื่อข่าวหรือเปล่า ไม่ใช่ ป.ป.ช.แน่ๆ ส่วนกรณีพนักงานสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล ที่ทำคดีเว็บพนัน BNK Master ได้ส่งสำนวนคดีกล่าวหา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อีกสำนวนมาให้ ป.ป.ช.พิจารณาเมื่อวันที่ ๑๙ เมษายนนั้น เลขาฯ ป.ป.ช.กล่าวว่า ต้องไปไล่ดูเป็นอีกสำนวนหรือไม่ การกระทำมีหลายกรรมต้องไปดูว่าเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐเรื่องความผิดต่อหน้าที่ หรือการทุจริตหรือไม่ ขอเวลาพิจารณาก่อน ส่วนรายละเอียดในสำนวนที่มีข้อหาการฟอกเงิน ป.ป.ช.จะรับไว้ดำเนินการเอง หรือส่งสำนวนกลับไปให้ตำรวจดำเนินการนั้นต้องดูอีกทีว่าอยู่ในอำนาจหน้าที่ ป.ป.ช.หรือไม่อีกด้านหนึ่ง ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ขอให้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ประธานรัฐสภาตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ ป.ป.ช.ว่า ยังไม่มีการส่งเรื่องมาความจริงหากต้องการตรวจสอบไม่ต้องส่งเรื่องมาที่สภาฯให้ส่งเรื่องไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้เลย เมื่อถามว่ากรณีที่กรรมการ ป.ป.ช.ขอให้ตรวจสอบ ประธานสภาฯมีอำนาจตรวจสอบหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ตามกฎหมายว่าด้วยจริยธรรมและการตรวจสอบ ป.ป.ช. ถ้า ป.ป.ช.กระทำความผิดเองก็ร้องไปที่ศาลฎีกาฯ ศาลฯจะตั้งกรรมการชุดพิเศษเพื่อตรวจสอบเรื่องนี้ในคำร้องเป็นเบื้องต้นว่าจะรับดำเนินการหรือไม่ หากมีข้อมูลเพียงพอก็ตั้งกรรมการไต่สวนและดำเนินการต่อ เรื่องนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น แต่อาจเกิดขึ้นคราวนี้ได้ กฎหมายนี้เพิ่งใช้ตามรัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ ที่ตรวจสอบทุกองค์กร แต่ ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานตรวจสอบคนอื่น ถ้า ป.ป.ช.ถูกตรวจสอบให้ร้องไปที่ศาลฎีกาฯ เมื่อถามว่าในเอกสาร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่า ขอให้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องตรวจสอบคุณสมบัติของกรรมการ ป.ป.ช. ให้ประธานสภาฯว่าถูกต้องหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในกรณีตรวจสอบป.ป.ช ถ้าตรวจสอบ ป.ป.ช.กันเอง ต้องส่งไปหน่วยที่สูงกว่า ป.ป.ช. หรือศาลฎีกาอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่