วันเสาร์, 4 พฤษภาคม 2567

ร้อง ป.ป.ช.ฟัน ธนา-๒๐๐ พงส. “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ยันผิดมาตรา ๑๕๗ แจงถอนคดีนายกฯ

25 เม.ย. 2024
20

“พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ฟ้อง ป.ป.ช.อีก ร้องเอาผิด “ธนา” รอง ผบ.ตร. หัวหน้าและคณะพนักงานสอบสวนกว่า ๒๐๐ นาย ในความผิด ม.๑๕๗ แจงถอนคดีเอาผิดนายกฯ อ้างเพราะยื่นซ้ำกับ “เสรีพิศุทธ์” ทำให้การสอบสวนยิ่งล่าช้า เชื่อว่านายกฯถูกหลอกให้เซ็นคำสั่ง ระบุถูกขบวนการตำรวจสกัดขึ้นเป็นพิทักษ์ ๑ คนที่อยู่ในขบวนการเป็นผู้ที่ไปพบนายกฯที่ทำเนียบฯ ด้านทนายตั้มหอบหลักฐานเอาผิด “บิ๊กต่อ” มอบให้หลวงตาเต่าเพิ่มอีก เผยจะป้อนข้อมูลให้เรื่อยๆจนจุก หากไม่ดำเนินการใดๆ ถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งจะไปติดตามความคืบหน้าคดีกับ “บิ๊กต่าย” รรท.ผบ.ตร. ส่วนเลขาธิการ ปปง. แจงคดีเว็บพนันมินนี่อายัดทรัพย์เพิ่มเติม บ้านย่านบางเขน กทม. มูลค่า ๑๓ ล้านบาทกรณี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ถอยกรูดขอถอนคำร้องหลังดับเครื่องชนเอาผิดนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการคลัง ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในความผิดตามมาตรา ๑๕๗ หลังเจ้าตัวถูกดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินเว็บพนัน BNK Master และมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เจ้าตัวระบุว่าถูกกลั่นแกล้งเพื่อสกัดไม่ให้ขึ้นเป็น ผบ.ตร. เพราะแคนดิเดตอยู่อันดับ ๑ นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. แจงว่า “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” ส่งตัวแทนมายื่นถอนเรื่องเพราะไม่ติดใจเอาผิดนายกฯ แต่ไม่ได้ถอนเรื่องเอาผิดคณะพนักงานสอบสวน ขณะที่ “ทนายตั้ม” ออกมาเคลื่อนไหวต่ออีกระลอก แฉเส้นทางเงินเว็บพนันทั้ง “บิ๊กต่อ” และ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” แซะตำรวจด้วยว่า หาหลักฐานป้อนให้ขนาดนี้ยังดำเนินคดีเอาผิด “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ไม่ได้ ผิดกับคดีของ “พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล” เหมือนทำคดีสองมาตรฐานตามที่เสนอข่าวไปแล้วความคืบหน้าเมื่อเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๒๔ เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) (สนามบินน้ำ) อ.เมืองนนทบุรี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. เดินทางมายื่นหนังสือร้องทุกข์กล่าวโทษหัวหน้าและคณะพนักงานสอบสวน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ยื่นร้องทุกข์ดำเนินคดีอาญา พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และพนักงานสอบสวนทั้งหมดกว่า ๒๐๐ นาย ในความผิดตาม ม.๑๕๗ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากนี้ไปกระบวนการทั้งหมดจะเริ่มขึ้น ฝากเตือนไปยังพนักงานสอบสวนว่า คำสั่งของผู้บังคับ บัญชาโดยมิชอบให้ท่านไปทำ ถ้าตรวจสอบว่ามีการสอบสวนโดยมิชอบโดนย้ายสามารถกลับมาได้ แต่ถ้าโดนคดีอาญาจะต้องติดคุก เส้นเงินของ สถานีตำรวจนครบาลเตาปูนและ สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ เป็นเส้นเงินเดียวกัน มูลค่ารวมเกิน ๓๐๐ ล้านบาท แต่กลับไม่ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษตามกฎหมาย พนักงานสอบสวนของ สถานีตำรวจนครบาลเปรียบเสมือนพยาบาลไม่ใช่แพทย์หากทำคลอดเองเด็กจะตาย ขอแนะนำว่าให้พนักงานสอบสวนที่เกี่ยวข้องทุกคนมาให้การกับ ป.ป.ช. และบอกว่าใครเป็นคนสั่งการเป็นทางเดียวที่จะรอด เข้าใจว่าวันนี้ทุกคนเครียดหมดนี่ไม่ใช่การข่มขู่เป็นเพียงการเตือนเท่านั้น ตนไม่ได้หน้าด้านหากผิดพร้อมออกทันทีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวถึงกรณีถอนคำร้องเอาผิดนายกฯว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ยื่นตรวจสอบไปแล้วและดำเนินการไปไกลแล้ว หากยื่นซ้ำทำให้การสอบสวนยิ่งล่าช้าจึงถอนคำร้อง ส่วนตัวเชื่อว่านายกฯถูกหลอกให้เซ็นรับทราบ เพราะคนที่อยู่ในกระบวนการไม่จำเป็นต้องมีส่วนรู้เห็นเสมอไป ท่านอาจจะไม่ได้มีเจตนากระทำความผิด คนที่หลอกหวังเอาแต่ตำแหน่งเป็น ผบ.ตร. หลอกได้ทั้งนายกฯ และลูกน้องไม่อายพระบ้างหรือไง เห็นเพียงประโยชน์ส่วนตนไม่เห็นถึงลูกน้อง นายกฯเข้าใจว่าเป็นการส่งตัวตนกลับเพื่อทำงาน แต่ไหนได้เป็นการมาหลอกให้ส่งตัวตอนเที่ยงวัน ทำเป็นกระบวนการสกัดตนไม่ให้เป็น ผบ.ตร. คนที่อยู่ในขบวนการ คือ คนที่ไปพบนายกฯที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นคนสุดท้ายก่อนจะมีคำสั่ง ในวันที่ ๒๕ เมษายนจะมาอธิบายว่าถูกออกจากราชการได้อย่างไร รู้ว่าเตรียมการล่วงหน้า ๒ วัน การออกมาครั้งนี้ถือเป็นการดับเครื่องชน เพราะต้องการความยุติธรรมคืนเพื่อปกป้องตัวเอง เพราะหากปกป้องตัวเองไม่ได้จะปกป้องประชาชนได้อย่างไร ส่วนที่มีการปลดป้ายชื่อหน้าห้องและเอารูปออกเป็นการทำตามขั้นตอนไม่ได้มองว่าเป็นลางร้ายพล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ไม่ขอพูดถึงเอกสารคัดค้านกรรมการ ป.ป.ช.ว่า หลุดออกมาได้ยังไง แต่ก็ยอมรับว่าเป็นไปตามเอกสาร อยากบอกว่าคนทำหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมต้องมีความศักดิ์สิทธิ์เชื่อถือได้ เพราะตำแหน่งอยู่ไม่นาน แต่ตำนานอยู่นานคือความจริง บางคนรู้ที่ไปแต่ลืมที่มา ถามว่ายังมีความหวังว่านายกรัฐมนตรีจะช่วยในการเพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวังว่าใครจะมาช่วย ตอนนี้ทางออกของตนคือกระบวนการยุติธรรม ส่วนตนจะมีโอกาสเป็น ผบ.ตำรวจหรือไม่เป็นเรื่องของอนาคต เพราะประชาชนมองว่าตนเปรียบเสมือนยาสามัญประจำบ้าน คิดอะไรไม่ออกบอกโจ๊ก คนที่อยู่ในขบวนการสกัดไม่ให้ตนเป็น ผบ.ตร. มองว่าไม่เชื่อมโยงไปถึงฝ่ายการเมืองเป็นกระบวนการของฝ่ายตำรวจ เล่นกันแรงอยู่แล้ว เพราะว่ามันต้องเล่นกันแรงแบบนี้ ในเมื่อคนมันอยากเป็นมันห้ามไม่ได้ คนที่ไปพบนั่นแหละ ใครไปพบก็คนนั้นมีรายงานว่าตอนบ่าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทาง ไปที่ ปปง. ยื่นคัดค้านการใช้หลักฐานการตรวจสอบเส้นทางการเงินของพนักงานสอบสวนที่ส่งให้ ปปง.ก่อนหน้านี้ ว่าเป็นการได้มาโดยมิชอบไม่สามารถนำมาประกอบสำนวนได้ วันที่ ๒๕ เม.ย. จะเดินทางไป ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม และประธานก.ตร. ว่าการออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการออกคำสั่งโดยมิชอบ จากนั้นดำเนินคดีอาญารักษาราชการแทน ผบ.ตร. กรณีออกคำสั่งให้ออกจาก ราชการไว้ก่อนโดยไม่ชอบ ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและ ประพฤติมิชอบกลางที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เวลา ๑๐.๐๐ น. วันเดียวกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เพื่อนำพยานหลักฐานคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master มอบให้เพิ่มเติม พร้อมติดตามความคืบหน้ากรณีตรวจสอบ “บิ๊กต่อ” ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการ ได้รับเงินผลประโยชน์หรือไม่ นายษิทรากล่าวว่า มาเพื่อเอาเหยื่อมาป้อนให้อินทรี ตั้งใจนำหลักฐานมามอบให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ หรืออินทรีเต่า หลังจากไม่มีความคืบหน้าทางคดีของ ผบ.ตร. วันนี้ ทำแผนผังข้อมูลมามอบให้ แสดงให้เห็นเส้นเงินที่ได้จากส่วยเว็บพนันออนไลน์ BNK Master และส่วยธุรกิจ ๑๘ ประเภท เส้นเงินโยงไปถึงนายตำรวจ หลายนาย โดยเฉพาะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์นายษิทรากล่าวว่า เงินถูกโอนเข้าบัญชีม้า ๒ บัญชี เป็นชื่อนายณัฐพงศ์ และนายคชาชาญ แบ่งเป็น ๓ กลุ่ม กลุ่มแรก คือ กลุ่มตำรวจที่โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นเงินที่ได้มาจากการเก็บส่วย กลุ่มที่ ๒ คือ กลุ่ม ที่ได้รับการดูแลจากบัญชีม้า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับ โอนเงินจากบัญชีของนายณัฐพงศ์ และนายคชาชาญ ซึ่งจะโอนให้ทุกเดือน และกลุ่มที่ ๓ เป็นกลุ่มที่ทั้งโอน และทั้งรับ กล่าวคือไปเก็บเงินมาก่อนแล้วส่งเงินให้นาย จากนั้นนายจะทอนเงินให้ เรียกง่ายๆคือ เก็บส่วย ให้นาย ส่วนแบ่งจะได้เท่าไหร่อยู่ที่นายจะเจียดให้ มากหรือน้อยขึ้นอยู่ที่ความปรานีของเจ้านาย ส่วยดังกล่าวมีจำนวนเงินมหาศาล เฉพาะบัญชีนายณัฐพงษ์ มีเงินโอนเข้า ๘๐๐ ล้านบาท เชื่อว่ามีเงินหมุนเวียนทั้งระบบไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท“วันนี้จะมาดูใจอินทรีเต่าว่า จะกล้าดำเนินคดีกับ ผบ.ตร. เป็นผู้บังคับบัญชาของตัวเองหรือไม่ บิ๊กต่อไม่ธรรมดา ที่ผ่านมาเติบโตอย่างรวดเร็วถูกเลื่อนยศมาทุกปี ๘ ปี ๘ ตำแหน่ง ดังนั้นมองว่า อินทรีเต่าจะต้องปราบบิ๊กต่อ เพื่อให้สังคมดีขึ้น และให้ระบบเส้นสายนั้นถูกกำจัดไป แต่ถ้าหากบิ๊กเต่ายังไม่ดำเนินการใดๆ จะถือว่าละเว้นต่อการปฏิบัติหน้าที่ ก่อนหน้านี้เคยนำหลักฐานและข้อมูลต่างๆ มายื่นให้แล้ว แต่ไม่เคยได้รับการตอบกลับ หรือขอข้อมูลเพิ่มเติมแต่อย่างใด วันนี้จึงนำข้อมูลมายื่นให้เพิ่มอีก ป้อนข้อมูลให้เรื่อยๆจะป้อนให้จนจุก หลังจากนี้จะทำหรือไม่ทำก็อยู่ที่ตัวบิ๊กเต่า เหยื่อชิ้นนี้ ถ้าหากอินทรีไม่งับ เหยื่อก็จะเน่าคารังของอินทรีเต่า พอมันเน่ามันจะส่งกลิ่นไปยังคนในสังคมว่า บก.ปปป.ทำงานไม่ได้เรื่อง จึงขอให้บิ๊กเต่าทำอย่างตรงไปตรงมา อย่าประวิงเวลา ถ้าหากคดีนี้บิ๊กเต่าทำด้วยความซื่อตรง ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ตนจะเรียกลูกพี่เต่าตลอดชีวิต” นายษิทรากล่าวทนายตั้มกล่าวอีกว่า ตนได้มีโอกาสไปพบกับ คณะกรรมการที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น นำโดย พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ตนได้ยื่นหลักฐานเพิ่มเติมและ ได้สอบถามถึงความคืบหน้า ตัวแทนของคณะกรรมการ บอกว่า ไม่สามารถปิดแผ่นฟ้าด้วยฝ่ามือได้ เพราะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้วไม่สามารถมีใครช่วยได้ จึงคาดหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรม ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ตนเคยปรามาสว่าไม่ไว้ใจคณะกรรมการชุดนี้ แต่หลังจากที่มีการพูดคุยกันเมื่อวันที่ ๒๓ เม.ย. คณะกรรมการมีความสนใจ โดยเฉพาะข้อมูลเรื่องเส้นเงิน ทำให้ตนเริ่มรู้สึกเชื่อมั่น ขอให้ดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดเพราะประชาชนคาดหวัง ถ้าหากดำเนินคดีเพียงคนเดียวแต่อีกคนไม่โดน จะเข้าข่ายลักษณะมวยล้มต้มคนดู ส่วนกรณีที่บิ๊กโจ๊กมีการถอนฟ้อง นายกรัฐมนตรีในเรื่อง ม.๑๕๗ คาดว่าคงมีคนของนายกฯ มาพูดคุยขอให้ถอนฟ้อง ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนในการ เจรจาต่อรองใดๆ จากนั้นทนายตั้มโทรศัพท์หา พล.ต.ต. จรูญเกียรติ แต่ปรากฏว่าไม่รับสาย ทนายตั้มนำหนังสือ ไปยื่นให้พนักงานสอบสวน กก.๒ บก.ปปป.นายษิทรากล่าวเพิ่มเติมว่า คุยกับเจ้าหน้าที่ทราบว่า หลักฐานที่ตนส่งไปก่อนหน้านี้นั้น ตำรวจได้ประมวลผลทุกอย่างแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ส่งเรื่องไปยัง ตร. เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเรื่องความผิด เพราะถ้าให้ตำรวจยศ พ.ต.อ. ของ ปปป.ดำเนินคดีกับ ผบ.ตร. เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ระหว่างที่พูดคุยกับ เจ้าหน้าที่ได้ยินเจ้าหน้าที่บางคนพูดขึ้นมาว่า ตอนนี้ พยานหลักฐานครบถ้วนหมดแล้ว ต่อจากนี้ใครที่จะมา ทำคดีต่อจะทำได้ง่าย เท่ากับว่าตอนนี้อยู่ที่ว่าใครจะฟัน ความผิดเท่านั้น ถามว่า เมื่อเรื่องไปถึง สตช.แล้ว จะต้องทำยังไงต่อ นายษิทรากล่าวว่า ต้องไปตามความ คืบหน้ากับ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. ต้องดูว่า “บิ๊กต่าย” จะสามารถปัดกวาดบ้านของตัวเองให้สะอาดได้หรือไม่มีรายงานว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รรท.ผบ.ตร. มีคำสั่ง ตำรวจที่ ๑๗๖/๒๕๖๗ ลงวันที่ ๑๗ เมษายน๖๗ เรื่องกำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้รอง ผบ.ตร. จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (เพิ่มเติม) ยกเลิกการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบกำกับการบริหารราชการหน่วยงาน งานกฎหมายและคดี เฉพาะส่วนในที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ และงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ เฉพาะในส่วนที่อยู่ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.สราวุฒิ การพานิช รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบงาน กฎหมายและคดี และมอบหมายให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้ารับผิดชอบงานความมั่นคงและกิจการพิเศษด้านนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. กล่าวถึงความคืบหน้าการยึดและอายัดทรัพย์ผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ น.ส.ธันยนัน หรือมินนี่ ว่า ปปง.ยึดและอายัดทรัพย์เพิ่มเติม ได้แก่ บ้านย่านบางเขนมูลค่า ๑๓ ล้านบาท น.ส.มินนี่เป็นผู้จองซื้อบ้าน แต่รายชื่อผู้ซื้อเป็นเครือญาติ ทาง ปปง.ส่งหนังสือแจ้งไปยังเจ้าของทรัพย์สินให้เข้ามาชี้แจงแล้ว ขณะนี้ ปปง.อยู่ระหว่างตรวจสอบขยายผลทรัพย์สินอื่นๆ ถามว่า ปปง.ตรวจสอบรายการทรัพย์สินตำรวจระดับสูงนายหนึ่งจากคดีความผิดมูลฐานที่มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับมินนี่หรือไม่ นายเทพสุกล่าวว่า เป็นรายละเอียดภายในสำนวน ปปง.ต้องตรวจสอบรายการทรัพย์สินของผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ ปปง.ต้องไปรวบรวมพยานหลักฐาน ยืนยันว่าปัจจุบันยังไม่ได้ออกคำสั่งยึดทรัพย์เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงรายดังกล่าว เพราะรายละเอียดอาจจะไปพันกับสำนวน ในคดีอาญา ทาง ปปง.ต้องทำการตรวจสอบด้วยความ รอบคอบ และอยู่ระหว่างการขยายผลตามขั้นตอนเลขาธิการ ปปง. กล่าวด้วยว่า คณะพนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีการฟอกเงินจากเว็บพนันออนไลน์ของ สถานีตำรวจนครบาลเตาปูน ส่งเรื่องรายการทรัพย์สินและการทำธุรกรรมทางการเงินมาที่ ปปง. เนื่องจากการฟอกเงินจากเว็บพนันถึงเป็น ๑ ใน ๒๘ การกระทำความผิดตามความผิดมูลฐานที่ ปปง.ต้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบขั้นตอนของ ปปง.จะเสนอต่อคณะกรรมการธุรกรรมดำเนินการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้ต้องหาในคดีอาญาทั้งหมด ส่วนกรณีที่ทนายความชื่อดังเปิดเผยถึงพยานหลักฐานและเส้นทางการเงินต่างๆ ปปง.ก็ต้องตรวจสอบเช่นเดียวกัน เงินที่ได้มาจากเว็บพนัน นำเอาไปแปลงสภาพเป็นทรัพย์สินต่างๆ ถ้าหากพบว่าทรัพย์สินรายการใดเกี่ยวข้องหรือเชื่อได้ว่ามาจากการกระทำความผิด ปปง.จะออกคำสั่งยึดอายัดทรัพย์ตามขั้นตอนต่อไปอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่