Monday, 20 May 2024

ถึงเวลาล่าฝัน "เบลล์-เขมิศรา" มุ่งพัฒนาตัวกับบทบาทท้าทายในซีรีส์ "START-UP"

21 Jan 2024
66

ผ่านงานแสดงมาหลากหลายบทบาทแต่ไม่เคยหยุดพัฒนาฝีมือ สาวหน้าใสนักแสดงคนสวย “เบลล์-เขมิศรา พลเดช” โด่งดังแจ้งเกิดจากการรับบทเป็น “ก้อย” ในซีรีส์เรื่อง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น ซีซัน ๒ เป็นจุดเริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิง ก่อนจะเดินเส้นทางการแสดงได้รับคาแรกเตอร์ประทับใจผู้ชมมาต่อเนื่อง ซึ่ง “เบลล์” ขอเดินหน้าลับฝีมือการแสดงไปกับบทบาทต่างๆและพัฒนาตัวเองไปในทุกๆด้าน!ล่าสุดถึงเวลาล่าฝันอีกครั้ง “เบลล์” ได้รับบทบาทท้าทายในซีรีส์ “START-UP (สตาร์ตอัพ)” เวอร์ชันไทย รีเมกจากซีรีส์เกาหลีที่เคยกวาดความสำเร็จมาแล้วเมื่อปี ๒๐๒๐ โดยซีรีส์ “START–UP (สตาร์ตอัพ)” เล่าเรื่องราว “ความฝัน มิตรภาพ ความรัก” ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่อยากทำธุรกิจสตาร์ตอัพแต่ระหว่างทางของการจะไปถึงความสำเร็จนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นำทีมโดย เบลล์–เขมิศรา พลเดช, อัพ-ภูมิพัฒน์ เอี่ยมสำอาง, ก้อย-อรัชพร โภคินภากร และ เกรท-สพล อัศวมั่นคง โดยผู้จัด True CJ Creations กำกับการแสดงโดย “ชีวธันย์ ภูสิทธิ์ศึกษา” ออกอากาศทุกวันศุกร์-เสาร์ เวลา ๒๐.๐๐ น. ทางทรูไอดี ซึ่งเรื่องนี้ “เบลล์–เขมิศรา” รับบทเป็น “พาฝัน” หญิงผู้ใช้ใจในการตัดสินใจ และมักจะเชื่อมั่นกับการตัด สินใจของตัวเองเสมอtt tt“เบลล์” เล่าถึงบทบาทนี้ว่าจริงๆ เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่ดูมาตั้งแต่ตอนออนแอร์ที่เกาหลี แล้วพอรู้ว่าถูกเอามาสร้างเป็นเวอร์ชันไทยก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจมากๆที่เค้าอยากให้เรามาเล่นเป็นพาฝัน คาแรกเตอร์พาฝันก็จะเป็นผู้หญิงแกร่ง ที่แอบมีความซื่อๆ มีความสู้ชีวิต ฟันฝ่าเพื่อที่จะมีบริษัทสตาร์ตอัพของตัวเอง เป็นเด็กผู้หญิงสู้ชีวิตที่ทำงานมาทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นขายของในซุปเปอร์ เป็นพิธีกร เป็นทุกอย่างที่มันได้เงินเพราะว่าที่บ้านไม่ได้รวยแต่เป็นคนที่มีความฝันและก็มีความเชื่อว่าเราอยากจะเก่งกว่าหรือเก่งให้ได้เท่ากับพี่สาว คือ อลิส (ก้อย–อรัชพร) ซึ่งความเพียรพยายามนี้มันเพิ่งกลับมาหลังจากที่ได้เจอพี่สาวอีกครั้ง ซึ่งจริงๆ พาฝันของเวอร์ชันไทยกับเกาหลีค่อนข้างแตกต่างกันอยู่แล้ว พาฝันในเวอร์ชัน ของไทยจะมีความเด็กลงมากว่านิดนึง มีความสดใสถึงแม้ว่าอีกด้านเราก็ต้องทำงานเพื่อสู้ชีวิต เราก็พยายามทําให้เป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดในแบบของตัวเองค่ะ ไม่อยากให้ไปเปรียบเทียบกัน ความท้าทายอีกอย่างน่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธุรกิจ เรื่องสตาร์ตอัพเพราะเบลล์ไม่ได้รู้เรื่องธุรกิจเยอะอะไรขนาดนั้น จะมีศัพท์เฉพาะ เป็น Business Model ที่เราต้องทําความเข้าใจพอสมควร ส่วนเสน่ห์ของเวอร์ชันนี้ เบลล์คิดว่าเป็นเวอร์ชันมีภาพวิวทิวทัศน์ของประเทศไทยที่มากกว่ากรุงเทพฯ เช่น ทุ่งดอกทานตะวัน ซึ่งดูมีความเป็นไทยค่ะtt ttสิ่งที่ “พาฝัน” ใกล้เคียงกับ “เบลล์–เขมิศรา” น่าจะเป็นความสดใสแล้วก็ความมองโลกในแง่บวกที่เอามาปรับใช้ ด้วยความที่พาฝันเป็นเด็กผู้หญิงที่พรีเซนต์หน้าห้องเก่งเอาตัวรอดเก่ง จะพลิ้ว ซึ่งตัวหนูบางทีไม่ค่อยมี (ยิ้ม) ส่วนอะไรที่ไม่เหมือนเราเลย น่าจะความที่เค้าเป็นคนมุ่งมั่นเรื่องสตาร์ตอัพมากๆ ซึ่งไม่ใช่เรา แต่ว่าเราก็แฮปปี้กับการที่ศึกษาสตาร์ตอัพในเรื่องนี้มากๆ ค่ะ ส่วนการรับบทเป็นพี่น้องปะทะกับสาว “ก้อย–อรัชพร” ที่ชีวิตจริงเป็นพี่น้องคู่ซี้ เบลล์ ในเรื่องไม่ได้รักกันแต่ต้องสู้กัน รู้จักพี่ก้อยมามากแล้ว ด้วยความที่อะไรก็ไม่รู้เหมือนเราสองคนคงมีความคอนเนกต์อะไรสักอย่างทั้งที่เราเจอกันแบบประปรายตามงาน แทบไม่เคยเล่นอะไรด้วยกัน เล่นด้วยกันเรื่องเดียวคือเรื่องฮอร์โมนและก็แค่โฉบกันไปมา แต่ทุกครั้งที่กลับมาเจอกันมันเหมือนเราน่าจะคุยกันคลิกกันและสนิทกัน การทำงานกันก็โอเพ่นกันมากๆ เหมือนเป็นพื้นที่ให้เราไปปล่อยของ ส่วนกับทีมนักแสดงคนอื่นๆ กับพี่เกรทเคยร่วมงานกันมาก่อนแล้วก็จะไม่ต้องจูนอะไรเยอะ ค่อนข้างจะรู้จังหวะกันแล้ว กับพี่อัพนี่รู้จักกันอยู่แล้วแต่ไม่เคยร่วมงานกันมาก่อน พอได้มาทํางานด้วยกันก็สนุก เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีมากๆ ช่วยเหลือกัน เวลาไปกองเหมือนไปเจอเพื่อน เพราะวัยใกล้กันหมดtt ttเรื่องนี้ลับฝีมือ “เบลล์” ยังไง เรื่องนี้ค่อนข้างยากสำหรับเบลล์ มันมีหลายมิติหลายอารมณ์มาก เศร้า โกรธ ผิดหวัง มาหมด ส่วนใหญ่เป็นดราม่าพอ ได้เล่นไปเรื่อยๆก็รู้สึกว่าตัวเองต้องพัฒนาอีกมากๆ กับบทบาทแบบนี้ ทุกๆวันที่ไปกองได้เรียนรู้อยู่ทุกวัน ส่วนความน่าดูของเรื่องนี้ เบลล์เล่าว่า เรื่องนี้แบ่งกัน ๓ เส้นหลักๆ คือ ธุรกิจสตาร์ตอัพ ความสัมพันธ์ในครอบครัว และความรัก ถ้าคนไทยหรือทุกคนได้มาดูในเวอร์ชันนี้ก็น่าจะได้เห็นหลักๆ ในหลายมุมมองของสตาร์ตอัพในประเทศไทยว่าตั้งแต่วันแรกจนถึงวันที่เราสามารถขายงานได้ประกอบร่างเป็นธุรกิจหนึ่งได้ขั้นตอนมันเป็นยังไง หรือบางคนที่คิดว่าอยากจะมีสตาร์ตอัพอยู่แล้วก็อาจจะมาเติมไฟในเรื่องนี้ก็ได้เพราะเรื่องนี้มันก็มีครบทั้งแบบเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัว ดราม่าแต่ในระหว่างทางก็ยังมีเรื่องของสตาร์ตอัพที่เป็นความรู้ด้วยtt ttมาที่ชีวิต ณ ตอนนี้ “เบลล์” เผยมุมมองว่า “เบลล์ว่าเราอยู่ในจุดที่เราต้องพยายามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ อยากจะโฟกัสที่ตัวเองมากขึ้นเพราะก่อนหน้านี้อย่างครึ่งปีหลังของปีที่แล้วก็เที่ยวลั้นลากับเพื่อนเยอะเพราะครึ่งปีแรกเราทำงานเยอะ การได้เจอเพื่อนหรือได้อยู่บ้านกับหมา อยู่กับพ่อแม่ เป็นเวลาที่ดีมากๆ พอในวัยนี้เราก็ไม่อยากได้อะไรที่มันหวือหวา อยากจะลองนิ่งบ้าง แต่ตั้งแต่เด็กเราจะเป็นคนดีดเป็นคนแบบพลังงานเยอะมาก พุ่งจนเราอาจจะลืมคิดอะไรบางอย่างไป เหมือนหัวเราไปคิดข้างหน้าแล้ว แต่เราไม่ได้คิดถึงปัจจุบัน ไม่ได้วางแผนไม่อะไรเลย รู้สึกว่าเอองั้นเราอยากกลับมาอยู่ตรงกลางกับตัวเองมากขึ้น โฟกัสกับตัวเองมากขึ้นว่าเราจะต้องเป็นอะไรดีในปีนี้ เติบโตทางการแสดง หาบทที่มันท้าทายไปเรื่อยๆ ก็หาโอกาสไปเรื่อยๆค่ะ”tt ttแล้วชีวิตเรื่อง “ความรัก” ถึงตอนนี้ “โสด” นาน เพราะเปิดใจยากรึเปล่า “เบลล์” เล่าว่า “คือชีวิตมันไม่ได้เหงาขนาดนั้น จริงๆหนูเป็นคนติดเพื่อน เป็นคนติดบ้าน ติดหมา เลยรู้สึกว่ามันไม่ได้เหงาขนาดนั้น แต่ว่าโอเคมันก็มีคนเข้ามาคุยด้วย ก็คุยกันเป็นเพื่อน คนเข้ามาให้ใจเต้นก็มีบ้าง แต่รู้สึกว่าเราอยากโฟกัสกับตัวเองจริงๆ เราก็จะ ๓๐ แล้วถ้ามันมีสิ่งไหนที่เราพอจะพัฒนาตัวเองกก็อยากทำ เราโตแล้วมีภาระ คือเราไม่ได้อยากรีบโตนะแต่มันโตโดยหน้าที่เรา จริงๆคนก็เข้ามาอยู่ตลอดแต่ว่าเขายังให้สิ่งที่เราอยากได้ไม่ได้ ถามว่าตั้งกำแพงสูงมั้ย ก็ไม่นะ อาจจะรู้สึกว่าเรายังไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องความรักขนาดนั้น แต่ถ้ามีเดี๋ยวบอกค่ะ” tt ttปิดท้าย โตแล้วแซ่บได้มั้ย เวลาเบลล์ลุกขึ้นมาเซ็กซี่ในไอจี เพื่อนจะแซวเยอะมาก? “บางทีเราก็อยากได้ลุคใหม่ๆบ้าง แต่จริงๆตัวเราก็สดใสตลอดเหมือนเดิม ก็มีพี่ๆช่างแต่งหน้าเอาชุดให้ลองเปรี้ยวบ้าง เราก็ไม่ได้แบบตีกรอบตัวเองปิดหรืออะไร ก็สนุกดี”รู้สึกอะไรมั้ยว่าเพื่อนแซวเยอะขนาดนี้? “เพราะเค้าน่าจะไม่เคยเห็นเพราะปกติเราก็จะเป็นมุมแบบด๊องๆ ส่วนบิลต์ให้เปรี้ยวต่อขึ้นมั้ย อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวหนูว่าจะอยากจะไปต่อมั้ยแต่ว่ายังไงก็เปิดใจอยู่แล้วค่ะ”.ช่างภาพ : สุรกิจ แก้วมรกตคลิกอ่าน “มาลัยไทยรัฐ” เพิ่มเติม