Tuesday, 21 May 2024

ข้องใจ ถูกแฟนใหม่ของเมียเก่า รุมกระทืบ ล้วงเอาเงินบนโรงพัก ตำรวจปล่อยไปเฉย

14 Feb 2024
38

 หนุ่มใหญ่ชาวตราด นัดเคลียร์ใจกับแฟนใหม่เมียเก่า ถูกคู่กรณีพาพวกรุมทำร้ายร่างกายหน้าโรงพัก ไปเอกซเรย์ที่ รพ. ปรากฏซี่โครงหัก ๓ ซี่ สงสัยทำไมตำรวจไม่ดำเนินคดีคนทำร้าย กลับปล่อยกลับไปทั้งที่เหตุเกิดบนโรงพัก เวลา ๑๓.๐๐ น. วันที่ ๑๓ ก.พ. ๖๗ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายเด่นวิทย์ พรมพิลาศ อายุ ๔๘ ปี ผู้บาดเจ็บที่ถูกรุมทำร้ายใน สภ.อ่าวช่อ ตำบลอ่าวใหญ่ อำเภอเมืองตราด ซึ่งขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตราด สภาพซี่โครงหัก ๓ ซี่ โดยเล่าว่า เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ได้เห็นรถภรรยาเก่าซึ่งมากับแฟนใหม่ขับผ่านบ้านของตน จึงขับรถตามไปเพื่อพูดคุยเรื่องลูกสาว เพื่อหวังจะให้ลูกสาวตั้งใจเรียน แต่เมื่อจอดรถ ทางด้านคู่กรณีซึ่งเป็นแฟนใหม่อดีคภรรยาก็พุ่งชนรถของตนเลย พร้อมเปิดประตูลงมาชกต่อยกัน จากนั้นก็แยกย้ายต่อมาวันที่ ๙ กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ ๑๙.๐๐ น. ทางคู่กรณีพร้อมพวก ๓-๔ คน ได้มาตะโกนด่าทอ พร้อมขู่อาฆาตอยู่บริเวณหน้าบ้าน ซึ่งนายเด่นวิทย์ก็ไม่ได้ออกจากบ้าน เพราะเกรงจะถูกรุมทำร้าย ต่อมาทั้งคู่ต่างไปแจ้งความที่ สภ.อ่าวช่อ ร้อยเวรก็นัดไปเจรจาไกล่เกลี่ยในวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ เวลา ๑๔.๐๐ น. แต่นายเด่นวิทย์ เดินทางไปก่อนเวลาและได้นั่งรออยู่หน้าโรงพัก เมื่อคู่กรณีเดินทางมาถึง ร้อยเวรได้เชิญทั้งคู่ขึ้นไปเจรจา แต่ทางคู่กรณีพร้อมพวก ๓ คน กลับเข้ามารุมทำร้าย และยังมีคนยืนคุมเชิงอีก ๒ คน นายเด่นวิทย์ถูกทำร้ายจนต้องหนีขึ้นไปบนโรงพัก ซึ่งระหว่างที่รุมทำร้าย คู่กรณีได้หยิบกระเป๋าเอกสารและโทรศัพท์มือถือของนายเด่นวิทย์ไป ทางตำรวจก็ทวงคืนให้ แต่เงินสดหายไป ๑,๑๒๐ บาททั้งนี้ ผู้บาดเจ็บระบุว่า ตำรวจทำเพียงห้ามปราม แต่ไม่ดำเนินคดีกับผู้ที่มาทำร้ายร่างกาย ปล่อยให้แยกย้ายกลับไป และยังไม่ได้เจรจาไกล่เกลี่ย ซึ่งตนมีอาการจุกแน่นหน้าอก จึงต้องเดินทางมา รพ.ตราด เพื่อตรวจร่างกาย และเมื่อผลเอกซเรย์ออกมา ปรากฏว่ามีซี่โครงหัก ๓ ซี่ จึงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตราด แต่หลังจากนี้เมื่อหายดีจะกลับไปแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีทั้งหมดอีกครั้ง ทางด้าน ร.ต.อ.ปฏิภาณ กล้าเกียรติกวิน ร้อยเวร สภ.อ่าวช่อ ยืนยันมีเหตุทำร้ายร่างกายกันบนโรงพักจริง เพราะตนเป็นคนนัดคู่กรณีมาไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งหลังจากเชิญทั้งคู่ขึ้นห้องสอบสวน ก็ได้เดินขึ้นไปด้านบน แต่พอได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทกันจึงรีบหันมา เห็นว่ากำลังชุลมุนกันอยู่ จึงรีบเข้ามาช่วยห้ามปรามพร้อมกับสิบเวรอีกคน แต่ผู้ก่อเหตุตัวใหญ่และมีจำนวมากกว่า จึงทำได้เพียงล็อกตัวไว้ ซึ่งหลังเหตุการณ์สงบก็ได้แนะนำให้ ผู้เสียหายไปตรวจร่างกายเพื่อเอาหลักฐานอาการบาดเจ็บมาประกอบคดี