Monday, 20 May 2024

๒ ปีสงครามยูเครน ประชาชนเริ่มเหนื่อยล้า ทุกอย่างกำลังเลวร้ายลง

27 Feb 2024
40

ผ่านมา ๒ ปีแล้ว นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มการรุกรานยูเครน พลเรือนมากมายใกล้พื้นที่แนวหน้าทางตะวันออกของยูเครน กำลังรู้สึกเหมือนติดกับและเหนื่อยล้าเพราะสงครามยืดเยื้อ ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่า เมื่อไรสงครามนี้จะจบลง และจะจบลงอย่างไรการที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปยังตกลงกันไม่ได้เรื่องความช่วยเหลือแก่ยูเครนก้อนใหม่ ก็สร้างแรงกระเพื่อมไปไกลถึงแนวหน้าในแคว้นโดเนตสก์ ที่ทหารยูเครนซึ่งกำลังด้อยกว่ารัสเซียทั้งในด้านกำลังทหารและปริมาณอาวุธ ต้องเสียพื้นที่ให้แก่กองทัพรัสเซียผู้รุกรานสำหรับทหารยูเครนที่ต้านทานการบุกขชองรัสเซียตามเมืองต่างๆ อย่างเช่น คอสเตียนตินิฟกา ภารกิจของพวกเขากำลังยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยทรัพยากรและแรงกายที่ร่อยหรอ“กระสุนของเรากำลังจะหมด และพวกรัสเซียก็มาไม่หยุดหย่อน พวกพ้องของเรามากมายบาดเจ็บ หรือแย่กว่านั้น ทุกอย่างกำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ” หนึ่งในทหารยูเครนที่ประจำการอยู่นอกเมืองบักห์มุต ซึ่งถูกรัสเซียยึดไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน บอกกับสื่อโดยไม่ประสงค์ออกนามด้านนางลุดมิลา โปลอฟโก ครูอายุ ๖๒ ปี ที่โรงเรียนที่เธอสอนถูกโจมตีด้วยมิสไซล์ จนเสียหายหนักเมื่อเดือนก่อน ยอมรับว่า ความขัดแย้งที่ยือเยื้อออกไป ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อยๆ“เราเหนื่อยมากๆ ที่ต้องฟังข่าวการตายของคนของเรา เราเหนื่อยที่ต้องเห็นทั้งหมดด้วยตาตัวเอง เหนื่อยที่ไม่ได้นอนตอนกลางคืนเพราะเสียงการต่อสู้ เพราะมิสไซล์บินผ่านไปเหนือหัว เราเหนื่อยมาก เราต้องการความสงบ” นางโปลอฟโกกล่าวเมื่อถูกถามว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากชาติตะวันตกหยุดส่งกระสุนมาให้ นางโปลอฟโกก็ตอบว่า “มันพูดยากว่าอะไรจะขึ้น ฉันรู้ดีว่าคนของเราเสียสละแค่ไหนในการต่อสู้โดย พวกเขาไม่เสียดายชีวิตเลย และพวกเขากำลังตาย ฉันไม่รู้” ความเสียหายต่อพลเรือนยูเครนในการต่อต้านการโจมตีจากรัสเซียก็กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน นักข่าว เอเอฟพี ในเมืองครามาทอร์สก์ เห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายสิบคน ต้องขุดหาร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง กับแม่และลูกชายที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากบ้านตัวเอง ที่พังถล่มเพราะการโจมตีของรัสเซีย โดยใช้เพียงแสงจากตะเกียง และทั้ง ๓ ถูกพบเป็นศพผู้ว่าการแคว้นโดเนตสก์ระบุว่า ตลอด ๒ ปีที่ผ่านมา มีพลเรือนเสียชีวิตในภูมิภาคนี้ถูกสังหารไปแล้ว ๑,๘๗๖ ศพ แต่เขาไม่มีข้อมูลจำนวนผู้เสียชีวิตในเมืองที่ถูกรัสเซียยึดครองอย่าง มาริอูโปล อย่างตัวเลขประเมินขั้นต่ำสุกของเมืองแห่งนี้เมืองเดียวก็น่าจะมากกว่า ผู้เสียชีวิตในภูมิภาคกว่า ๔ เท่าขณะเดียวกัน ที่ศูนย์ประชุมในเมืองครามาทอร์สก์ นางโอลกา ยูดาโควา นักจิตวิทยาหญิงวัย ๖๑ ปี บอกเล่าถึงความวิตกกังวลที่กำลังเกาะกุมจิตใจของเด็กๆ ในเมือง “สำหรับเด็กแล้ว เสียงดังๆ กลายเป็นตัวกระตุ้น ความไม่สบายในในหมู่เด็กๆ นั้นอยู่ในระดับสูงมาก มีความไม่มั่นคงทางใจจิตอย่างใหญ่หลวง แต่ในผู้ใหญ่ก็มีมากไม่แพ้กัน”ตอนนี้ผู้อาศัยในเมืองครามาทอร์สก์จำนวนมาก เป็นผู้ที่อพยพมาจากเมืองแนวหน้าฝั่งตะวันออกอื่นๆ ที่ถูกรัสเซียยึดไป “ฉันไม่เคยเห็นผู้ใหญ่มากมายขนาดนี้ที่จู่ๆ ก็ร้องไห้ออกมาเลย คุณตระหนักได้ในทันทีว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ” บาทหลวง โอเลก ครูชินินอีกหนึ่งผู้ที่ต้องอพยพจากบ้านมายังเมืองครามาทอร์สก์ คือนาย โอเลก ครูชินิน นักบวชคริสต์นิกายออโทดอกซ์ วัย ๕๐ ปี ซึ่งเคยทำงานที่เมืองชาซิฟ ยาร์ ที่อยู่ใกล้กัน โดยเขายังทำหน้าที่ในโบสถ์ เพื่อใช้ศาสนาปลอบประโลมจิตใจผู้ได้รับผลกระทบจากสงคราม ในขณะที่หลายคนเลือกอพยพไปทางตะวันตกผู้ศรัทธาบางคนเคยเชื่อว่าสงครามจะจบลงโดยเร็ว แต่ตอนนี้กลับเข้าสู่ปีที่ ๓ แล้ว โดยที่กองทัพรัสเซียขยับเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ และความไม่แน่นอนก็เพิ่มสูงขึ้น “ผมรู้ว่าคุณอยากถามอะไร และผมไม่รู้คำตอบ ว่าเมื่อไรสงครามนี้จะจบลง นั่นเป็นคำถามที่ทุกคนถาม และทุกคนต้องการคำตอบ”ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreignที่มา : afp