Tuesday, 21 May 2024

ภารกิจทิ้งทวน สว.ในสมรภูมิการเมืองร้อน เข้าสู่โหมดนิติสงคราม

04 Mar 2024
40

เปลี่ยนขั้วการเมืองได้หรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ สว.นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา (กมธ.) แกนนำหลักยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ขยับมุมคิดชี้ให้เห็นนัยทางการเมือง หลังถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตหลังการอภิปรายมีโอกาสเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยเฉพาะตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนเข้าสู่โหมดอภิปราย เจ้าตัวได้เกริ่นให้เห็นจุดแข็ง จุดดีของ สว.ชุดนี้ ที่สามารถกำหนดตัวบุคคลว่าต้องการคนที่มีความรู้ ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านไหนก็เลือกเข้ามาแต่ก็มีจุดอ่อน ส่วนใหญ่มาจากข้าราชการ ทำงานมีประสิทธิภาพ มีความรู้ ความสามารถ แต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออกเหมือนกับตัวแทนของประชาชน หนังคนละม้วนกับ สส. ทำให้ถูกตั้งคำถามว่าทำไม สว.ไม่ได้มาจากประชาชนเป็นจังหวะที่ดีอยู่ระหว่างกำลังจะเริ่มเขียนรัฐธรรมนูญ (รธน.) ให้ตรงสเปกประชาชน แต่ถ้าให้มาจากการเลือกตั้ง โยงหัวคะแนน ถึงขั้นพูดว่าถ้ามาจากฐานเดียวกับ สส. ก็ไม่จำเป็นต้องมี สว.จากการเลือกตั้งสว.ชุดใหม่ก็เหมือนกันที่ใกล้เปิดรับสมัครกันแล้ว ขอตั้งข้อสังเกตว่ามีความพยายามตั้งทีม โดยอ้างมาจากพรรคนั้นพรรคนี้ ต้องระวังก้าวก่ายแทรกแซง สว.ถูกร้องยุบพรรคอีก ได้ไม่คุ้มเสีย ควรปล่อยไปตามธรรมชาติขอเตือนอย่าสร้างฐานอำนาจเพื่อยึดวุฒิสภาฉะนั้นสถานการณ์การเมืองนับตั้งแต่วันที่ ๒๕ มี.ค. ที่วุฒิสภาเปิดเวทีอภิปรายรัฐบาล ส่งผลต่อการเมืองระดับไหน นายเสรี บอกให้เห็นถึงวัตถุประสงค์การชำแหละรัฐบาล เป็นไปตามเจตนารมณ์ของ รธน.ที่กำหนดให้ฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้ง สส. และ สว. ตรวจสอบรัฐบาลได้เพื่อตรวจสอบ แนะนำให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน ตามเจตนารมณ์ รธน.สมัยประชุมหนึ่งควรเปิดอภิปรายทั่วไปทุกครั้งที่มีโอกาสอย่าไปคิด สว.อภิปรายเพื่อล้มล้างรัฐบาล“ช่วงสุดท้ายที่เหลืออีกเดือนเศษ ๙ เม.ย. ก็ปิดสมัยประชุม สว.หมดวาระ ๑๑ พฤษภาคมนี้ เป็นอำนาจและหน้าที่ของ สว.จะตรวจสอบรัฐบาลควรใส่ใจรีบมาพูดคุยกับ สว. พอยื่นญัตติไป ไม่ควรเกิน ๒ สัปดาห์ก็เปิดอภิปรายได้ กลับยื้อเวลาล่อไป ๒ เดือน ซื้อเวลาสร้างผลงานให้ปรากฏไม่ยอมรับการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับรัฐสภา พฤติการณ์เหมือนวัวสันหลังหวะ กลัวไปหมด ทำผิดอะไรถึงไม่กล้าออกมาพูดสิ่งสำคัญรัฐบาลแสดงอำนาจสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ อยากมาสภาฯชี้แจงเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ดียิ่งช้ายิ่งสร้างความเสียหายต่อประเทศขอฝากไปถึงรัฐบาลต้องใจกว้าง ให้เกียรติฝ่ายนิติบัญญัติ ฝาก สว.สมัยหน้าหรือ สส.ควรเปิดอภิปรายทั่วไปเมื่อมีโอกาส อันนี้แหละการเมืองถึงอยู่ได้” ทีมการเมืองถามว่า ระหว่างที่ สว.ใช้ดาบครั้งสุดท้าย ตรงกับไทม์ไลน์กระบวนการนิติสงครามเริ่มเข้มข้นขึ้น เห็นได้จากกระบวนการยุติธรรมเริ่มขยับคดีใหญ่ รวมถึงคดียุบพรรคภูมิใจไทยและพรรคก้าวไกล ที่รอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้ขาดส่งศาลรัฐธรรมนูญ เป็นปัจจัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างไรนายเสรี บอกว่า ขึ้นอยู่ที่เอากฎหมายไปกลั่นแกล้งกันหรือไม่ นิติสงครามเหมือนเอากฎหมายไปใช้ รบโดยไม่ใช่อาวุธ ไม่ใช่ใช้ปืนผาหน้าไม้หากอีกฝ่ายมองว่าเอากฎหมายไปกลั่นแกล้ง บางทีต้องย้อนถามกลับไปว่า ฝ่ายนั้นกระทำผิดหรือไม่ ถ้าไม่ได้ทำผิด ใครจะหยิบฉวยทำได้ขนาดนั้น ไม่อยากเกิดนิติสงครามเป็นคดีต่างๆ ก็อย่าไปทำผิดทั้งนี้ ถึงแม้จะใกล้กัน แต่เป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละห้วงเวลา อยู่ในไทม์ไลน์ที่แต่ละคนเข้ามามีอำนาจ อยู่ในตำแหน่งต่างๆ และอยู่ในเกณฑ์การกระทำผิดได้ถูกหยิบยกมาศาลได้ตัดสินคดีต่างๆ ทั้งนี้ ต้องย้อนกลับมาที่ฝ่ายถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิด เสี่ยงเพื่อชัยชนะ เสี่ยงเพื่อมีอำนาจ พอถูกตัดสินก็อ้างว่าเอากฎหมายมาเล่นงานกลั่นแกล้งสว.ส่วนใหญ่ที่ลงชื่อในญัตติอภิปรายถูกตั้งข้อสังเกตไม่โหวตให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ และมีความแนบชิดกับ “บ้านป่ารอยต่อฯ” เพื่อต้องการล้มรัฐบาลเปลี่ยนนายกฯ นายเสรี บอกว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดกมธ.เริ่มต้น ตระหนักในความรับผิดชอบว่า อย่างน้อยที่สุดเป็น สว.๕ ปี ต้องเปิดอภิปรายทั่วไปทุกปีกลับไม่ทำกันพอขยับทำครั้งนี้ย่อมถูกครหาว่า รัฐบาลที่แล้วทำไมไม่ขอเปิดอภิปรายทั่วไป เลือกปฏิบัติ คนเข้าใจผิดเห็นการอภิปรายทั่วไปเป็นเรื่องจับผิด ใส่ร้ายกล่าวหารัฐบาลความจริงไม่ใช่ สว.มีเจตนา รมณ์ต้องการให้ฝ่ายนิติบัญญัติกับรัฐบาลที่มีรัฐมนตรีไม่เกิน ๓๖ คน ซึ่งไม่ได้รู้อะไรทุกพื้นที่ ทุกปัญหา แค่บริหารนโยบายต่างๆก็ใช้เวลาเยอะแล้ว จำเป็นต้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติ โดยเฉพาะ สส.ที่ใกล้ชิดกับประชาชน สะท้อนปัญหาถึงรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน “มองดีๆรัฐบาลชุดนี้ เป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนลุงตู่ทั้งนั้น (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) สว.ไม่ได้มีเจตนาว่าทำไมรัฐบาลนี้ยื่นญัตติอภิปราย รัฐบาลนั้นไม่ยื่นคนก็ไม่เข้าใจ ในฐานะที่ส่วนตัวทำงานการเมืองมานาน ตั้งใจยื่นทุกครั้งที่สามารถยื่นได้ แต่ไม่สามารถทำให้ สว.คิดเหมือนเราได้คราวนี้ สว.ที่ไม่โหวตให้นายกฯ ก็ไม่ได้ร่วมลงชื่อในญัตติเยอะด้วย แต่ละครั้งเป็นเรื่องของเหตุผล และเหตุผลก็ไม่เกี่ยวข้องกับบ้านป่ารอยต่อฯไม่มีคนที่ป่าไหนมาบอกทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นป่ารอยต่อฯหรือป่าในอุทยานเขาใหญ่ ไม่มี มีแต่ สว.ที่ตระหนักในอำนาจหน้าที่”ฉะนั้น ขอตั้งข้อสังเกตว่าคนที่เปลี่ยนรัฐบาลได้คือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่มีอำนาจและอิทธิพลกำหนดทิศทางใครเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐมนตรี พรรคไหนร่วมหรือไม่ร่วมตอนนี้ ถูกข้อครหาเยอะแยะไปหมด มีนายกฯ ๒ คนบ้าง นายกฯ ๓ คนบ้าง หากนานกว่านี้เดี๋ยวคงมีนายกฯ ๔-๕ คนจะยุ่ง ต้องยอมรับว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ใครบอกไม่จริงๆ เท่ากับพูดโกหกสว.อภิปรายครั้งนี้ เพื่อรัฐบาลนำไปปรับปรุงบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพ แต่การเปลี่ยนรัฐบาลหรือนายกฯอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายเสรี บอกว่า สว.ไม่มีเจตนาเปลี่ยนรัฐบาล เพราะเปลี่ยนไม่ได้อย่าไปคาดหวัง สว.อภิปรายแบบบู๊ล้างผลาญเจตนาจริงต้องการให้รัฐบาลเอาข้อมูลที่สำคัญและเป็นประโยชน์นำไปแก้ไขปัญหาของประเทศทั้งโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเมกะโปรเจกต์แลนด์บริดจ์ ปักหมุดนิรนาม ส.ป.ก.๔-๐๑ กระบวนการยุติธรรมกับคดีของนายกฯทักษิณ ขุมทรัพย์พลังงานบนพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทยระหว่างไทยกับกัมพูชา นายเสรี บอกว่า ใช่ ทั้งหมดเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขโดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง เราไม่เห็นด้วยจริงๆที่รัฐบาลกู้เงิน ๕ แสนล้านบาท เพื่อแจกเงินดิจิทัลคนละ ๑ หมื่นบาท ช่องโหว่มีเยอะ มีโอกาสเกิดทุจริตได้ง่าย สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมายเลือกตั้ง สส. รัฐธรรมนูญขุนพลหลัก สว.ที่ลับมีดเตรียมชำแหละ อาทิ นายสมชาย แสวงการ เน้นดิจิทัลวอลเล็ต-การไม่ดำเนินการในกระบวนการควบคุมตัวนักโทษ นายคำนูญ สิทธิสมาน นำเสนอการเจรจาพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย ที่ขณะนี้เริ่มปลุกกระแสขวาจัดชาตินิยม นายเสรี บอกว่า พอเกิดปรากฏการณ์ไทยอาจเสียแผ่นดินไปได้ทำให้คนที่มีความรู้ คนที่ติดตาม ทั้ง พล.ร.อ.พัลลภ ตมิศานนท์ สว.และนายคำนูญ ที่เชี่ยวชาญด้านเกาะกูดและทรัพยากรธรรมชาติบนผืนแผ่นดินไทย เมื่อนำมาเปิดเผย ย่อมทำให้สังคมตื่นตัวเป็นประเด็นร้อนที่ต้องคุยกับรัฐบาล หากปล่อยไป ไม่มีใครท้วงติง ด้วยความสัมพันธ์ของผู้หลักผู้ใหญ่ ตอนนี้ไม่ได้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่มีความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหารประเทศ มีความสัมพันธ์กับต่างประเทศ โอกาสสูญเสียเกาะกูดไปก็มีถ้าไม่พูดจากันจึงเป็นประเด็น เพราะไทยเสียผืนแผ่นดินไม่ได้.ทีมการเมืองคลิกอ่านคอลัมน์ “วิเคราะห์การเมือง” เพิ่มเติม