วันอาทิตย์, 28 เมษายน 2567

ลุยสอยนายทุน รุมฮุบ ส.ป.ก. ๒๙ แปลงนับหมื่นไร่เขาใหญ่

17 มี.ค. 2024
32

ที่ปรึกษา “ธรรมนัส” ระดมพลลุยตรวจสอบผู้ได้เอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ๔-๐๑ ประเดิม อ.ปากช่อง เชื่อมโยงจุดหลักหมุด ส.ป.ก.เขาใหญ่ บ้านเหวปลากั้ง หมู่ ๑๐ ต.หมูสี และบริเวณภูเขาวังหิน อ้างพบนายทุนเจ้าของโรงแรม รีสอร์ตดัง ถือครองเอกสาร ส.ป.ก. ๔-๐๑ กว่า ๒๙ แปลง นับหมื่นไร่ รวมถึงบ้านจัดสรร ติดแนวเขตอุทยานฯ โครงการโรงแรมดังคาบเกี่ยวอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. และพื้นที่นิคมสร้างตนเอง บางส่วนมีการออกโฉนดด้วย กินพื้นที่กว่า ๒,๕๐๐ ไร่ คาดทำรัฐเสียหายหลายพันล้านบาท รอตรวจสอบหากได้มาโดยมิชอบให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนดทั้งหมด แฉเคยมีคำสั่ง ป.ป.ช.-ป.ป.ท.ให้กรมที่ดินเพิกถอนที่ดินแถบนี้แล้วเมื่อปี ๒๕๖๓ แต่กรมที่ดินยังไม่ดำเนินการที่บริเวณร้านกาแฟในปั๊ม การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยริมถนนธนะรัชต์ กม.๗ ฝั่งเข้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา ๑๐.๐๐ น.วันที่ ๑๖ มี.ค. นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ พร้อมคณะกำลังเจ้าหน้าที่ สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) เข้าตรวจสอบพื้นที่โรงแรม รีสอร์ต ของผู้ที่มีชื่อในเอกสาร ส.ป.ก.๔-๐๑ ในพื้นที่อำเภอปากช่อง ที่เชื่อมโยงจุดหลักหมุด ส.ป.ก.เขาใหญ่ บ้านเหวปลากั้ง หมู่ ๑๐ ต.หมูสี อ.ปากช่อง และบริเวณภูเขาวังหิน นอกเขตอุทยานฯ โดยนัดเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่ที่นายทุนพื้นที่ ส.ป.ก.ไปทำผิดวัตถุประสงค์และไม่เป็นไปตามระเบียบ เช่น นำไปสร้างโรงแรม รีสอร์ต และอื่นๆ โดยไม่ใช่เป็นเกษตรกร จะถูกยึดพื้นที่คืนมาเป็นของรัฐ และนำไปจัดสรรให้กับเกษตรกรตัวจริง นายธนดลกล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ เอาจริงและให้ตรวจสอบผู้ที่ได้รับเอกสาร ส.ป.ก.ทั่วประเทศว่า เป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ หรือเป็นนายทุน โดยรื้อทั้งหมดที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบและวัตถุประสงค์ คาดว่ากว่าสองล้านไร่ โดยจะนำร่องก่อนที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน จากการตรวจสอบพบว่า ผู้ได้เอกสาร ส.ป.ก.๔-๐๑ เป็นนายทุนเจ้าของโรงแรม รีสอร์ต ถือครองเอกสาร ส.ป.ก.๔-๐๑ กว่า ๒๙ แปลง วันนี้ได้เปลี่ยนจากจุดเดิม เป็นจุดใหม่ เป็นพื้นที่โรงแรม รีสอร์ต และบ้านจัดสรรชื่อดังอยู่นอกเขต ติดแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เข้าตรวจสอบว่าพื้นที่คาบเกี่ยวอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.และพื้นที่นิคมสร้างตนเองมากน้อยแค่ไหน เพื่อนำมาประเมิน ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หากพบว่ากระทำผิดจริง จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก ให้เพิกถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่ถ้าผู้ประกอบการไม่ยอมเพิกถอน จะแจ้งความดำเนินคดี ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. ๒๕๔๒ ม.๓ (๑๕) ความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติหรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วยกฎหมายอันมีลักษณะเป็นการค้า ซึ่ง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จะเป็นหมุดหมายแรกที่ดำเนินการตรวจสอบการกระทำความผิดทั่วประเทศนายธนดลกล่าวอีกว่า การเข้าตรวจสอบพื้นที่ครั้งนี้ เป็นไปตามกฎหมายมาตรา ๒๓ ตาม พระราชบัญญัติปฏิรูปที่ดิน ปี ๒๕๑๘ อยากได้ข้อมูลว่าที่ดินได้มาเมื่อไหร่ และจากหน่วยงานไหน เพราะพื้นที่ดังกล่าว ครอบคลุมหลายหน่วยงาน เช่น นิคมสร้างตนเอง (นค.) ส.ป.ก. และการออกโฉนด เจ้าหน้าที่ทำถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ ส่วนใหญ่พบว่ามีโฉนด แต่ต้องมาดูว่าเป็นโฉนดแบบ นค.และออกโดยชอบหรือไม่ เพราะโฉนดแบบ นค.เมื่อถือครองครบ ๕ ปี จะสามารถนำมาออกโฉนดได้ตามกฎหมาย“คาดว่าพื้นที่ส่วนหนึ่งเมื่อมีสิ่งปลูกสร้าง ก็ขยายต่อมายังพื้นที่ ส.ป.ก.ฝืนต่อมติ ค.ร.ม.เมื่อปี ๒๕๕๕ ห้ามขยายพื้นที่แนวเขต หากมีโฉนดต้องเข้าไปดูว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องให้กรมที่ดินเพิกถอนโฉนด วันที่ ๑๘ มีนาคมนี้ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาฯ ส.ป.ก. จะทำหนังสือถึงอธิบดีกรมที่ดิน เพื่อให้ตรวจสอบ หากพบไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้สั่งการเพิกถอนการออกโฉนดที่ดินตรงจุดนี้ทั้งหมด รวมถึงจุดอื่นๆ ใกล้เคียงกว่าหมื่นไร่ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ตามเจตนารมณ์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่หากไม่ยอมดำเนินการ ก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน เคยมีคำสั่ง ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.ให้กรมที่ดินเพิกถอนที่ดินแถบนี้แล้ว เมื่อปี ๒๕๖๓ แต่กรมที่ดินก็ยังไม่ดำเนินการ” ที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการเกษตรฯกล่าวและว่า จากการตรวจสอบที่ดินพบว่ามีนับหมื่นไร่ที่ถูกถือครอง อาทิ โครงการโรงแรมดังแห่งหนึ่ง พบว่ามีความเป็นไปได้ที่อาจมีการออกเอกสารสิทธิมิชอบจากกรมที่ดิน กินพื้นที่กว่า ๒,๕๐๐ ไร่ อาจสร้างความเสียหายแก่รัฐหลายพันล้านบาททั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์ได้รับการจัดที่ดินปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.๒๕๑๘ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ.๒๕๓๒ ระบุผู้มีสิทธิ์ได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. มี ๓ ประเภท ที่มีสัญชาติไทย คือ ๑.เกษตรกร เป็นผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักอยู่แล้วโดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในรอบปี เพื่อประกอบเกษตรกรรมในท้องถิ่นนั้น ๒.ผู้ประสงค์จะประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ผู้ยากจน มีรายได้ต่ำกว่า ๓๐,๐๐๐ บาทต่อปี จบการศึกษาทางเกษตรกรรมไม่ต่ำกว่าระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพหรือเทียบเท่า เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ๓. สถาบันเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร ชุมชนสหกรณ์การเกษตรตามกฎหมายว่าด้วยสหกรณ์ ผู้ที่ผ่านตามเงื่อนไขก็มีสิทธิ์ นอกเหนือจากนี้ถือว่าผิดวัตถุประสงค์และระเบียบเงื่อนไข ไม่สามารถถือครองและเข้าไปทำประโยชน์ในพื้นที่ ส.ป.ก.ได้อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่