Monday, 20 May 2024

๗ วันอันตราย ๔ วัน อุบัติเหตุ ๑,๒๕๙ ครั้ง ดับ ๑๖๒ ศพ กทม.-ร้อยเอ็ด ตายมากสุด

15 Apr 2024
30

สรุปยอด ๗ วันอันตราย ๑๔ เม.ย. ๒๕๖๗ อุบัติเหตุ ๓๑๗ ครั้ง บาดเจ็บ ๓๑๑ คน เสียชีวิต ๓๘ ศพ ขณะยอดสะสม ๔ วัน เสียชีวิตรวม ๑๖๒ ศพ กทม.-ร้อยเอ็ด สูงสุด ส่วนตายเป็นศูนย์มี ๒๑ จังหวัด วันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๖๗ พลตำรวจโทกรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานแถลงผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๗ เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. ๒๕๖๗ โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๗ ซึ่งเป็นวันที่ ๔ ของการรณรงค์ “ขับขี่อย่างปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” สถิติอุบัติเหตุทางถนน วันที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๗ (วันที่ ๔ ของ ๗ วันอันตราย)เกิดอุบัติเหตุ ๓๑๗ ครั้งผู้บาดเจ็บ ๓๑๑ คนผู้เสียชีวิต ๓๘ ศพสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดขับรถเร็ว ร้อยละ ๓๗.๒๒ดื่มแล้วขับ ร้อยละ ๒๕.๘๗ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ ๑๕.๔๖ ขณะยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ ๘๗.๕๑ โดยเกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ ๘๐.๗๖ ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ ๓๕.๖๕ และถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ ๓๕.๓๓ ส่วนช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา ๑๘.๐๑-๑๙.๐๐ น. ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ ๒๐-๒๙ ปี โดยมีการจัดตั้งจุดตรวจหลัก ๑,๗๖๓ จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ๕๑,๕๒๙ คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ น่าน (๑๔ ครั้ง)จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ น่าน (๑๖ คน)จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครสวรรค์ (๓ ศพ)  สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง ๔ วัน (๑๑-๑๔ เมษายน ๒๕๖๗) เกิดอุบัติเหตุรวม ๑,๒๕๙ ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม ๑,๒๗๙ คน ผู้เสียชีวิต รวม ๑๖๒ ศพจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี ๒๑ จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (๕๐ ครั้ง)จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (๕๔ คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานครและร้อยเอ็ด (๑๐ ศพ) พลตำรวจโทกรไชย กล่าวต่อไปว่า วันนี้ประชาชนบางส่วนยังมีการเล่นน้ำสงกรานต์ ขณะที่บางส่วนเดินทางกลับเข้ากรุงเทพมหานครและจังหวัดที่เป็นแหล่งเศรษฐกิจในแต่ละภาค ทำให้เส้นทางสายหลักเริ่มมีการจราจรหนาแน่น ศปถ. จึงได้ประสานจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการดูแลความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน โดยพื้นที่ที่ยังมีการเล่นน้ำสงกรานต์ ให้เจ้าหน้าที่ประจำจุดเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเส้นทางโดยรอบสถานที่จัดงานสงกรานต์และในช่วงเวลากลางคืน ส่วนเส้นทางสายหลักขาเข้ากรุงเทพฯ และเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างภูมิภาค เน้นการจัดตั้งจุดตรวจและเพิ่มความถี่เรียกตรวจในเส้นทางเสี่ยง โดยเฉพาะทางตรงที่มีระยะทางไกลและจุดเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพื่อกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงขับรถเร็ว ดื่มแล้วขับ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย พร้อมเน้นย้ำให้จังหวัดดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่ที่จัดการเล่นสงกรานต์ โดยดูแลไม่ให้มีความวุ่นวาย การทะเลาะวิวาท การพกอาวุธเข้าไปในพื้นที่จัดงาน การจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนดและจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า ๒๐ ปี หากมีกรณีเด็กและเยาวชนเสียชีวิตจากการดื่มแล้วขับ ขอให้พื้นที่เร่งติดตาม ตรวจสอบ และสืบสวนหาผู้ที่จำหน่ายหรือสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนดื่มแอลกอฮอล์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  ทางด้าน นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี และเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน เปิดเผยว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่ในช่วง ๔ วันที่ผ่านมา (๑๑-๑๔ เมษายน ๒๕๖๗) แม้ว่าจำนวนครั้งของการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจะลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมา แต่ ศปถ. ก็ยังขอกำชับให้จังหวัดดำเนินการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจังหวัด ศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนอำเภอ และศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยทางถนนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ติดตามข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนน วิเคราะห์หาสาเหตุเชิงลึกของการเกิดอุบัติเหตุ เพื่อปรับการทำงานในพื้นที่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และปัจจัยเสี่ยง รวมถึงป้องกันพฤติกรรมเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง โดยใช้กลไกของชุมชน ทั้งผู้นำชุมชน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และครอบครัว ในการป้องปรามไม่ให้คนในครอบครัวหรือชุมชุนที่มีสภาพร่างกายไม่พร้อมขับขี่ยานพาหนะ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือร่างกายอ่อนเพลีย รวมไปถึงการคาดเข็มขัดนิรภัยและการสวมหมวกกันน็อก อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ ๑๕-๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางตอนบน จะมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ทำให้ถนนเปียกลื่นและทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางไม่ชัดเจน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ จึงขอฝากเตือนประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่เป็นพิเศษ สำหรับประชาชนที่ประสบหรือพบเห็นอุบัติเหตุสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน ๑๗๘๔ ตลอด ๒๔ ชั่วโมง และไลน์ ปภ.รับแจ้งเหตุ๑๗๘๔ (Line ID @๑๗๘๔DDPM) เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.