Monday, 20 May 2024

เสนอครม.ล้อมคอกโรงงานพลุ ช่วย ๒๓ ศพๆละ ๓ แสน พฐ.ตรวจพบ ๒๓ หลุมระเบิด

19 Jan 2024
65

เจ้าหน้าที่เคลื่อนศพเหยื่อโรงงานพลุ ๒๓ ศพ ส่งตรวจอัตลักษณ์บุคคลตั้งศูนย์ฯที่วัดโรงช้าง จ.สุพรรณบุรี ทีมแพทย์ รพ.ตำรวจเร่งตรวจพิสูจน์เพื่อส่งมอบร่างให้ญาติไปบำเพ็ญกุศล ส่วนการเยียวยาญาติผู้สูญเสียรายละ ๓ แสนบาท “สมศักดิ์” แจงจุดเกิดเหตุไม่ได้ขออนุญาตเป็นโรงงาน “พิมพ์ภัทรา” จ่อแก้กฎล้อมคอก ขณะที่ สธ.ส่งทีมดูแลครอบครัวเหยื่อในระยะยาว โฆษก กห.เผยขออนุญาตเก็บดินประสิวไว้ ๓ ตันจากเหตุโรงงานผลิตพลุบึมสนั่นในพื้นที่หมู่ ๓ ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี ตั้งอยู่กลางทุ่งนา อานุภาพแรงดันมหาศาลทำให้ตัวอาคารและข้าวของเครื่องใช้กระเด็นไปไกลกว่า ๑๐๐ เมตร กลายเป็นเหตุ สะเทือนใจเมื่อลูกชาย-เมียเจ้าของโรงงาน และคนงาน ร่างฉีกขาดตายเกลื่อนรวม ๒๓ ศพ เศษชิ้นส่วนอวัยวะ ร่างกายกระเด็นไปทั่วบริเวณอย่างหน้าสยดสยอง เจ้าหน้าที่นำศพและเศษอวัยวะไปตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลที่วัดโรงช้าง หมู่ ๒ ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรีเศษอวัยวะกระเด็นไปติดกิ่งไม้ความคืบหน้าเมื่อเวลา ๐๖.๐๐ น. วันที่ ๑๘ ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนวันที่ ๑๗ ม.ค. เจ้าหน้าที่ กู้ภัยจากมูลนิธิร่วมกตัญญูสมาคมร่วมใจสวนแตง มูลนิธิเสมอกัน และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวง ช่วยกันตรวจหาศพเหยื่อโรงงานพลุ และเก็บชิ้นส่วน อวัยวะคนกระจายเกลื่อนไปทั่วบริเวณ บางชิ้นส่วนเป็นท่อนแขน และเศษเนื้อกระเด็นไปติดบนกิ่งไม้ที่อยู่ห่างออกไป เจ้าหน้าที่ต้องปีนขึ้นไปเก็บเพื่อรวบรวมนำไปพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล พร้อมกับนำศพห่อผ้านำมาวางเรียงไว้เพื่อส่งตรวจtt ttเคลื่อนศพตรวจที่ศูนย์ช่วยเหลือฯต่อมา เวลา ๐๙.๐๐ น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากสมาคม ร่วมใจสวนแตง มูลนิธิเสมอกัน และสมาคมเณรแก้วกู้ภัยทางหลวงนำรถกระบะเข้าจุดเกิดเหตุเพื่อลำเลียงผู้เสียชีวิตและเศษอวัยวะไปที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี ตั้งเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรณีพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี เพื่อให้เจ้าหน้าที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และตำรวจพิสูจน์หลักฐานตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตั้งรับเรื่องจากญาติรวบรวมข้อมูลผู้สูญหาย เก็บดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ และฟันเพื่อเปรียบเทียบกับผู้เสียชีวิต รวมถึงระดมตำรวจมาสอบสวนพยาน มีนายดรณ์ สมิตะเกษตริน รอง ผวจ.สุพรรณบุรี เป็นผู้บัญชาการสถานการณ์แทน ผวจ.สุพรรณบุรีตั้งจุดลงทะเบียนเยียวยาญาติด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม พม.จ.สุพรรณบุรี หน่วยแพทย์เยียวยาจิตใจ และเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ตั้งจุดรับลงทะเบียนเพื่อให้การช่วยเหลือ ขณะที่ญาติของผู้เสียชีวิตจำนวน ๒๓ ศพ มาให้ข้อมูลผู้เสียชีวิตแก่เจ้าหน้าที่ บรรยากาศเป็นไปด้วย ความโศกเศร้า ญาติบางคนถึงกับร้องไห้ประคองกันมา ส่วนที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กันไม่ให้บุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าไปภายในเด็ดขาดสรุปยอดผู้เสียชีวิตรวม ๒๓ ศพมีรายงานแจ้งสรุปรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้งหมด ๒๓ คน ดังนี้ ๑.นางแสงเดือน ปานจันทร์ (เจ้าของ) ๒.น.ส.น้ำฝน เกิดนอก ๓.นางพเยาว์ บุญกล่อม ๔.นางบุญเกื้อ ทองสัมฤทธิ์ ๕.น.ส.รัชนี พันธุ์ตัน ๖.นายรุ่งโรจน์ อุ่มน้อย ๗.นางนึก บุญกล่อม ๘.นางมานพ จาดพันธุ์อินทร์ ๙.น.ส.พรทิพย์ พันธุ์แตง ๑๐.นายวิชาญ บุญศรีวงษ์ ๑๑.น.ส.เตือนใจ ยิ้มแย้ม ๑๒.น.ส.สำราญ สายทอง ๑๓.นายสมควร แจ้งวิถี ๑๔.น.ส.สุชาดา พันธุ์เผือก ๑๕.น.ส.ภัสสร เล็กพอใจ ๑๖.นายทวีศักดิ์ ทองสัมฤทธิ์ ๑๗.นางรำไพ สวยค้าข้าว ๑๘.นายโสพล สวยค้าข้าว ๑๙.นายธนากร วัชระพิมลมิตร (ลูกนางแสงเดือนเจ้าของ) ๒๐.นางสุณี ขวัญอ่อน ๒๑.นางสมปอง นาคพิทักษ์ ๒๒.นายธงชัย กำเนิดนนท์ และ ๒๓.น.ส.วรัญญา ศรีเหราสธ.พิสูจน์อัตลักษณ์ได้ ๒๐ ร่างนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า รับรายงานข้อมูลเพิ่มเติมจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สุพรรณบุรี ยืนยันโดยญาติ ที่ทำงานที่โรงงาน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวทั้งสิ้น ๒๓ ราย เป็นชาย ๗ ราย หญิง ๑๖ ราย ในจำนวนนี้พบร่างที่ สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ ๒๐ ร่าง ส่วนอีก ๓ ราย อยู่ระหว่างทีมนิติเวชของ รพ.เจ้าพระยายมราช ดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สำหรับการดูแลเยียวยา จิตใจของครอบครัวผู้เสียชีวิต ส่งทีม MCATT จาก สสจ.สุพรรณบุรี รพ.เจ้าพระยายมราช และ รพ.ในเครือข่าย เข้าประเมินอาการและให้การดูแลเยียวยาจิตใจแล้วคนงานกลับบ้านก่อนรอดตายด้านนางน้ำฝน บุญกล่อม อายุ ๔๖ ปี เป็นคนงาน ที่กลับบ้านก่อนที่จะเกิดพลุระเบิดเพียง ๒๐ นาที ทำให้รอดตายมาได้หวุดหวิด เปิดเผยว่า ปกติไปทำงาน จะกลับบ้านตอนเวลา ๔-๕ โมงเย็น พอดีเมื่อวานลูกชายคนเล็กมีของมาส่งที่บ้าน แล้วลูกชายไม่มีเงิน ตามปกติลูกจะมาเอาเงินที่โรงงาน แต่ลูกไม่ยอมให้แม่เอาเงินมาให้ที่บ้าน ลูกโทร.ตาม ๔-๕ ครั้ง ตนรำคาญขอลางานกลับบ้านก่อน นั่งอยู่ในบ้านได้เพียง ๒๐ นาที จากนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตนทำงานที่โรงงานพลุมา ๑๖ ปี ดินปืนในโรงงานจะมีผสมทุกวัน จะมีพนักงานอยู่ ๑ คน เป็นคนผสม ดินปืนจะมากหรือน้อยแล้วแต่ออเดอร์ที่ลูกค้าสั่งมา คนงานในแต่ละวันก็ไม่เท่ากัน ตนรอดตายมาได้ถือว่าโชคดีมากผบ.ตำรวจรุดตรวจการปฏิบัติหน้าที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เดินทางมาตรวจติดตามการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.๗ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) และหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์โรงงานพลุระเบิด มี พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.ภ.๗ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ.ตร. นายดรณ์ สมิตะเกษตริน รอง ผวจ.สุพรรณบุรี พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ รอง ผบช.ภ.๗ พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร รอง ผบช.ภ.๗ พล.ต.ต.พิพัฒน์ ชุ่มมณีกูล รอง ผบช.ภ.๗ และ นพ.พัฒธพงษ์ ประชาสันติกุล นายแพทย์ ชำนาญการพิเศษ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉินและนิติเวช ร่วมรายงานผลการปฏิบัติที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรีตั้ง ศปก.สถานีตำรวจนครบาล๒จุด ที่เกิดเหตุ-วัดโรงช้างพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิต ๒๓ ราย ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตำรวจอยู่ ระหว่างตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สั่งการให้ตั้งศูนย์ ปฏิบัติการ (ศปก.) ๒ จุด คือ ศปก.สถานีตำรวจนครบาลฯ อยู่บริเวณ ที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวช เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ฝ่ายปกครอง และอาสากู้ภัยตรวจพิสูจน์ สถานที่เกิดเหตุ และ ศปก.ร่วมที่วัดโรงช้าง เพื่อนำศพ ทั้ง ๒๓ ราย มาตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์ และให้การช่วยเหลือ ญาติผู้เสียชีวิต ประสานงานญาติและรับแจ้งคนหายเพิ่มเติม มีเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานอยู่ร่วมปฏิบัติงานtt ttส่งหน่วยอีโอดีเข้าเคลียร์พื้นที่พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสีย ในวันนี้มาเป็นกำลังใจให้ทีมงาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยพยายามลงมาช่วยเหลือญาติพี่น้อง ผู้เสียชีวิต และตรวจสอบให้ได้ว่าผู้เสียชีวิตเป็นใครที่พิสูจน์ได้ ตามข้อห่วงใยของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขณะนี้ยืนยันเสียชีวิต ๒๓ ราย แต่ตอนนี้ พบร่าง ๒๒ ราย ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ๔ ราย กำลังจะ เคลียร์พื้นที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและอีโอดี เข้าไปเคลียร์พื้นที่อีกครั้ง เจ้าหน้าที่ทยอยนำศพออกมา การเข้าเคลียร์พื้นที่ต้องใช้ความระมัดระวัง และต้อง รักษาสภาพที่เกิดเหตุไว้ให้มากที่สุด เพื่อตรวจสอบวัตถุพยานที่เกิดเหตุนั้นสำคัญ เพื่อหาสาเหตุพลุระเบิด ในครั้งนี้ด้วย ต้องเก็บวัตถุพยานไว้ให้ได้มากที่สุด เหตุดังกล่าวไม่มีผู้รอดชีวิต ไม่มีประจักษ์พยานมาบอกว่าสาเหตุอะไร ดังนั้นต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์ช่วยตรวจพิสูจน์ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานล้อมคอกโรงงานทำพลุทั่วประเทศผบ.ตำรวจกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังสั่งการให้ตำรวจทั่วประเทศร่วมหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่เก็บพลุ วัตถุอันตรายที่ในลักษณะใกล้เคียง เพื่อหามาตรการในการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก และหารือฝ่ายปกครองว่า ควรจะนำโรงงานแบบนี้ออกมาอยู่นอกชุมชนดีกว่าหรือไม่ ไม่ควรไปตั้งในชุมชนเพราะโอกาสเกิดระเบิดหลายสาเหตุ เมื่อเป็นอันตรายและเกิดการสูญเสียจำนวนมากก็ต้องคุยกัน หรืออาจต้องกำหนดโซนนิ่งหรือไม่ เพื่อไม่ให้ชุมชนตามออกไป พยายามทำ ไม่อยากให้วัวหายแล้วล้อมคอกส่งทีมพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลมีรายงานว่า พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ จัดทีมพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลร่วมปฏิบัติหน้าที่พิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลเหตุโรงงานพลุระเบิด ตามคำสั่งของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อให้การตรวจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของผู้เสียชีวิตเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ญาติสามารถรับศพไปบำเพ็ญ กุศลตามศาสนา สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ ผู้รับมอบหน้าที่จัดทีมพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ประกอบไปด้วยหัวหน้าทีมพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลนำโดย พล.ต.ต.สุวิชัย ลิ่มศิวะวงศ์ ผู้บังคับการสถาบัน นิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ พร้อมแพทย์ผู้ตรวจพิสูจน์ ๒ นาย จากกลุ่มงานนิติพยาธิ, นักวิทยาศาสตร์ ๒ นาย จากกลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมีและเขม่าดินปืน,ช่างภาพทางการแพทย์ ๓ นาย จากกลุ่มงานนิติพยาธิ และผู้ช่วยผ่าศพ ๓ นาย จากกลุ่มงานนิติพยาธิ และ ผบ.หมู่กลุ่มงานตรวจพิสูจน์หลักฐานเกี่ยวกับบุคคลปลัด ยธ.ลงพื้นที่เยียวยาผู้เสียหายต่อมาเวลา ๑๐.๓๐ น. ที่วัดโรงช้าง หมู่ ๒ ต.สวนแตง อ.เมืองสุพรรณบุรี นางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้เสียหายจากเหตุโรงงานพลุระเบิด เบื้องต้นพบว่า มีผู้เสียชีวิต ๒๓ ราย มีหัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงยุติธรรมในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ประกอบด้วย สำนักงานยุติธรรม จ.สุพรรณบุรี เรือนจำจังหวัดสุพรรณบุรี สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สุพรรณบุรี สำนักงานบังคับคดี จ.สุพรรณบุรี สำนักงานคุมประพฤติ จ.สุพรรณบุรี และกรมคุ้มครอง สิทธิ และเสรีภาพ ร่วมลงพื้นที่“สมศักดิ์” สรุปยอดรวม ๓ แสนบาทต่อมาเวลา ๑๑.๐๐ น. ที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิดที่วัดโรงช้าง ต.ศาลาขาว จ.สุพรรณบุรี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่เพื่อแสดงความเสียใจและให้กำลังใจครอบครัวผู้เสียชีวิต ไปนั่งพูดคุยกล่าวยืนยันกับญาติของผู้เสียชีวิตว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการคลัง มีความห่วงใย และสั่งการให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือเยียวยาแบบเร่งด่วนในทุกด้าน ขณะนี้รับรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต ๒๓ ราย มีกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ช่วยเยียวยาการเสียชีวิต ๕๐,๐๐๐ บาท ค่าทำศพ ๓๐,๐๐๐ บาท ค่าดูแลบุตรที่กำลังศึกษาอายุไม่เกิน ๒๕ ปี อีก ๕๐,๐๐๐บาท รวมเป็นรายละ ๑๓๐,๐๐๐ บาท รวมถึงเงินเยียวยาของกระทรวงยุติธรรมอีก ๒๐๐,๐๐๐ บาท และเงินจากกระทรวงการพัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงมหาดไทยอีกจำนวนหนึ่ง ดังนั้นรวมแล้วครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินเยียวยาประมาณรายละ ๓๐๐,๐๐๐ บาทtt ttประชุมล้อมคอกป้องกันเหตุซ้ำนายสมศักดิ์กล่าวว่า วันที่ ๑๙ ม.ค. ตนจะประชุมทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เวลา ๑๑.๐๐ น.ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือถึงเหตุที่เกิดขึ้น รวมถึงบูรณาการแก้ปัญหาไม่ให้เกิดเหตุระเบิดซ้ำอีก พร้อมหารือถึงการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆนำข้อสรุปในที่ประชุมเสนอต่อนายกฯในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดหน้า ส่วนสาเหตุที่เกิดครั้งนี้รับรายงานว่า โรงงานพลุมีวัตถุระเบิดคือ ดินปืนที่เป็นตัวจุดระเบิด แต่สิ่งที่ทำให้ประชาชนเสียชีวิต เป็นเพราะตัวเร่ง คือ โพแทสเซียม คลอเลต (KClo๓) ที่เป็นสารแคตตาไลท์ เมื่อมีดินปืนระเบิดทำให้เกิดการสันดาปเกิดแรงระเบิด และแรงอัดทำให้ผู้อยู่ในบริเวณนั้นเสียชีวิตอย่างกะทันหันไม่ได้ขออนุญาตเป็นโรงงานนายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า โรงงานนี้ขอใบอนุญาตให้ทำและค้าดอกไม้เพลิงถูกต้องตามกฎหมาย รวมถึงกระทรวงกลาโหมตรวจสอบการสั่งซื้อสารเคมีประกอบวัตถุระเบิดปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้อง ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบพบว่า สถานที่เก็บพลุแห่งนี้ไม่ได้ขออนุญาตเป็นโรงงาน ทำให้ไม่มีการตรวจสอบวัตถุอันตราย มองว่าตรงนี้เป็นจุดอ่อนเพราะทำให้ไม่ตรวจสอบ เมื่อถามว่าจะต้องปรับหลักเกณฑ์การขออนุญาตหรือไม่ เพราะโรงงานนี้เคยเกิดเหตุมาแล้ว แต่เปลี่ยนชื่อและขอใบอนุญาตใหม่ นายสมศักดิ์ตอบว่า จะตั้งคำถามนี้ในที่ประชุมวันที่ ๑๙ มกราคมนี้ด้วย เพราะต้องแก้ที่ต้นเหตุ ทั้งระเบียบ กฎหมายและแบบแผนของแต่ละหน่วยงานจ่อผลิตพลุเป็นโรงงานอุตฯน.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมตรวจสอบพบว่าสถานประกอบกิจการดังกล่าวผลิตประทัดลูกบอลไล่นกชนวนดำใช้กับพลุ มีคนงาน ๓๐ ราย และไม่ใช้เครื่องจักรในการประกอบกิจการ ให้คนงานใช้มือในการบรรจุดินปืนและประกอบส่วนต่างๆ ไม่เข้าข่ายการเป็นโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องมีคนงานเกิน ๕๐ ราย และใช้เครื่องจักรประกอบกิจการ แม้สถานประกอบการลักษณะดังกล่าวไม่ได้เป็นโรงงาน แต่กระทรวงอุตสาหกรรมไม่ได้นิ่งนอนใจ เนื่องจากเป็นความปลอดภัยของประชาชนทั้งในพื้นที่และรอบๆสถานประกอบการ อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด หากมีความจำเป็นอาจต้องกำหนดให้การประกอบกิจการประเภทนี้ เข้าข่ายเป็นโรงงานอุตสาหกรรมตาม พระราชบัญญัติโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อกำกับดูแลให้เป็นไปตามหลักวิศวกรรม ทั้งด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมกห.การันตีมีสารทำพลุถูกต้องด้าน พล.ร.ต.ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเหตุโรงงานผลิตพลุระเบิดในพื้นที่ ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรีว่า ในส่วนของกระทรวงกลาโหม กองควบคุมโรงงานผลิตอาวุธของเอกชน ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (อท.ศอพท.) ตรวจสอบและข้อมูลอ้างอิงว่า การทำหรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิงอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.๒๔๙๐ อยู่ในอำนาจของนายทะเบียนท้องที่ตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืน และพบว่าโรงงานที่เกิดเหตุมีบุคคลขอใบอนุญาตทำหรือค้าซึ่งดอกไม้เพลิง ตาม พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯจากกรมการปกครองอย่างถูกต้อง ทั้งยังเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้มีซึ่งยุทธภัณฑ์ โพแทสเซียมไนเตรท (ดินประสิว) จากกระทรวงกลาโหมตาม พระราชบัญญัติควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ.๒๕๓๐ จำนวน ๓,๐๐๐ กิโลกรัม รายละเอียดตามใบอนุญาตเลขที่ ๖๖๐๕๐๔๖๒๑ ลงวันที่ ๒๔ กรกฎาคม๒๕๖๖ หมดอายุ ๒๓ กรกฎาคม๒๕๖๗ เพื่อใช้ทำดอกไม้เพลิงและมีสถานที่เก็บ ณ คลังเก็บ หมู่ที่ ๓ ต.ศาลาขาว ที่เกิดเหตุดังกล่าวเคยเกิดเหตุระเบิดมาแล้ว ๑ ครั้ง เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน๒๕๖๕tt tt“วราวุธ” ตั้งวอร์รูมช่วยระยะยาวนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า มอบหมายให้นายธเนศพล ธนบุณยวัฒน์ เลขานุการ รัฐมนตรีว่าการพม. และนายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวง พม. ตั้งศูนย์วอร์รูมกระทรวงพม. ระดมสรรพกำลังทุกหน่วยงานของกระทรวง เข้าเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และการซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย จะมีงบประมาณจากหลายหน่วยงาน อาทิ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ กองทุนยุติธรรมจังหวัด และในส่วนของกระทรวงพม.เอง แต่ละรายคาดว่าจะมีเงินสนับสนุนไม่ต่ำกว่า ๓ แสนบาท ในส่วนของพื้นที่ได้ประสานงานกับผวจ.สุพรรณบุรี และทุกหน่วยราชการเข้าไปสนับสนุน และในฐานะรองประธานมูลนิธิบรรหาร-แจ่มใส ศิลปอาชา ทราบว่ามีเด็กที่เรียนระดับมัธยมสูญเสียทั้งพ่อแม่ มูลนิธิจะเข้าไปช่วยดูแลค่าใช้จ่ายการศึกษาของน้องๆทุกคน๒๓ มกราคมเตรียมทำบุญครบ ๗ วันด้านนายนิกร จำนง ประธานคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดการขับเคลื่อนนโยบาย รัฐมนตรีว่าการพม. เปิดเผยว่า วันที่ ๒๓ มกราคมนี้ พม.กำหนดทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต ในห้วงเวลาครบ ๗ วัน บริเวณที่เกิดเหตุโรงงานพลุระเบิด หมู่ ๓ ต.ศาลาขาว อ.เมืองสุพรรณบุรี มี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษาคณะที่ปรึกษาติดตามและเร่งรัดขับเคลื่อนนโยบายรมว.พม. ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชน (ศรส.) พม.เป็นประธานพิธี ภายหลังเสร็จพิธีทำบุญแล้ว น.ส.กัญจนาและคณะจะเดินทางไปเยี่ยมเด็กและเยาวชน ๓ ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบสูญเสียทั้งพ่อและแม่พร้อมกันจากเหตุการณ์ดังกล่าวญาติรับศพตั้งสวดแล้ว ๘ ศพช่วงเย็น วันเดียวกัน ที่ศาลาวัดโรงช้าง ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกรณีพลุระเบิด จ.สุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่เริ่มทยอยมอบร่างผู้เสียชีวิตที่ตรวจอัตลักษณ์บุคคลเสร็จแล้วและสามารถระบุตัวตนได้ ๘ ราย คือ ๑.นายสมควร แจ้งวิธี ๒.นางพเยาว์ บุญกล่อม ๓.นายโสพล สวยค้าข้าว ๔.นางรำไพ สวยค้าข้าว ทั้ง ๔ ศพตั้งสวดที่วัดโรงช้าง ๕.นางบุญเกื้อ ทองสัมฤทธิ์ ตั้งศพที่วัดลาดกระจับ ต.ศาลาขาว ๖.นายรุ่งโรจน์ อุ่นน้อย ตั้งศพที่วัดพระธาตุ (สวนแตง) ต.ศาลาขาว ๗.นายวิชาญ บุญศรีวงษ์ สวดศพที่วัดขวาง ต.ศาลาขาว และ ๘.น.ส.น้ำฝน เกิดนอก สวดศพที่วัดโป่งไหมวนาราม อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ส่วนร่างที่เหลืออีก ๑๕ ศพ คาดว่าจะตรวจสอบและส่งมอบให้ญาติหมดภายในวันที่ ๑๙ มกราคมนี้พฐ.พบหลุมระเบิด ๒๓ หลุมด้าน พล.ต.ต.กำธร อุ่ยเจริญ ผบก.ศพฐ.๗ เปิดเผยว่า ในโรงงานจุดที่เกิดการระเบิดจุดแรกเป็นจุดที่บรรจุดินปืนโดยคนงาน ส่วนใหญ่ทำงานอยู่ตรงนั้น ตรวจสอบพบหลุมรวม ๒๒ หลุม และตรวจสอบฝั่งตรงข้ามเป็นโรงผสมดินปืน พบหลุมที่ ๒๓ เป็นหลุมขนาดใหญ่กว้าง ๕.๓ เมตร ยาว ๕ เมตร และลึก ๑ เมตร จากสภาพหลุมขนาดใหญ่ คาดว่ามีดินปืนอยู่ประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ กก. คาดว่าประกายไฟจากการระเบิดในจุดแรกลุกลามไปยังโรงผสมดินปืน ทำให้เกิดการระเบิดลูกที่ใหญ่ขึ้นตรงบริเวณนั้น ส่งผลให้เกิดความเสียหายทำให้ทั้งโรงงานพังเสียหายทั้งหลัง การระเบิดจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากสาเหตุ ๒ อย่าง คือ เกิดจากการเสียดสีและเกิดจากประกายไฟ ส่วนการพิสูจน์อัตลักษณ์ผู้เสียชีวิต ญาตินำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ๘ ศพ ส่วนที่เหลือจะเร่งพิสูจน์ และบางร่างหากไม่สามารถตรวจสอบรายนิ้วมือได้จะต้องตรวจสอบดีเอ็นเอใช้เวลา ๑ สัปดาห์อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่